12 ธันวาคม 2552 14:24 น.
อรรธนิศา
คิดถึง...............
ใครจะซึ้งคำนี้ดีเท่าฉัน
แม้จะนานปานไหนไม่ลืมกัน
ใจยังมั่นคำนึงถึงเรื่อยมา
แม้เวลาผันผ่านจนป่านนี้
ในฤดียังร่ำคร่ำครวญหา
อยากจะอยู่เคียงข้างไม่ห่างตา
อยากพูดจากันบ้างเหมือนอย่างเคย
ก็ได้แต่รำพึงคะนึงฝัน
นึกถึงกันด้วยใจหนอใจเอ๋ย
ฝากสายลมพรมพร่ำคำภิเปรย
ช่วยเฉลยเอ่ยคำจำนรรจ์แทน
ว่ายังคิดถึงเธอเสมอมั่น
แม้ห่างกันแค่ไหนไกลสุดแสน
ถึงจะมีภาพถ่ายไว้ให้แทน
ไม่เหมือนแม้นกับได้อยู่ใกล้กัน
ถึงเธอจะอยู่ไกลไปจากนี่
หากถ้ามีใจซึ้งคิดถึงฉัน
โปรดอักษรฝากคำมากำนัล
เพียงสั้นสั้นก็ชื่นระรื่นใจ
แม้จะไม่กี่คำที่ถามถึง
ฉันก็ซึ้งใจยิ่งกว่าสิ่งไหน
แม้อักษรที่ฝากจากใครใคร
ก็คงไม่ซึ้งเทียบเปรียบของเธอ
12 ธันวาคม 2552 14:14 น.
อรรธนิศา
อยากจะเอ่ยเผยใจให้เธอรู้
ว่าเธออยู่อย่างไรในใจฉัน
แต่ไม่มีโอกาส.จึงคลาดกัน
เฝ้ารอวันเวลาเพื่อพาที
หลายครั้งลองทำเปรยเผยทีท่า
แต่เธอพาเลี่ยงหลีกปลีกตัวหนี
เหมือนรังเกียจเหยียดหยามความใยดี
ทิ้งไมตรีของเราเฝ้าหมางเมิน
ปล่อยให้เรานั่งคิดจิตเหงาหงอย
เฝ้ารอคอยไมตรีที่ห่างเหิน
เขาคงเกลียดเรามากเสียเหลือเกิน
นึกแล้วเขินเหลือดีที่มีใจ
11 ธันวาคม 2552 22:05 น.
อรรธนิศา
เสียงดนตรีบรรเลงเพลงหวิวหวาน
พาดวงมานซ่านซึ้งถึงไหนไหน
ลมหนาวปลิวพลิ้วผ่านสะท้านใจ
หอมกลิ่นไอสายลมที่พรมมา
ในคืนนั้นฉันจำดื่มดำจิต
แรกพบมิตรครั้งแรกแปลกนักหนา
เหมือนดังบุญหนุนนำเคยทำมา
จึงได้พาให้พบสบไมตรี
เราได้ออกลีลาศวาดตามเพลง
เสียงบรรเลงพาใจให้สุขศรี
ฉันยังจำภาพซึ้งตรึงฤดี
เมื่อฉันมีเธอใกล้ได้สัมพันธ์
เป็นครั้งแรกที่ฉันนั้นเป็นสุข
ได้สนุกเมื่อเธออยู่เป็นคู่ฉัน
แม้จะเพิ่งรู้จักมักคุ้นกัน
แต่สัมพันธ์มั่นเหมือนเป็นเดือนปี
ฉันจะจำจดไว้ในชีวิต
ขอลิขิตไว้เป็นเช่นสักขี
คืนแห่งความสุขใจในชีวี
จำคืนนี้ไว้มั่นนิรันดร
11 ธันวาคม 2552 21:43 น.
อรรธนิศา
จากวันนั้นจนวันนี้หนึ่งปีแล้ว
ฉันยังแน่วใจแน่ไม่แปรผัน
ยังซาบซึ้งตรึงจิตมิตรสัมพันธ์
ตั้งแต่วันแรกเริ่มประเดิมมา
แม้เวลาจะผันวันจะเลื่อน
ยังติดเตือนใจตรึงคะนึงหา
ถึงจะต้องเหินห่างในบางครา
วันเวลาชิดใกล้ยังได้เจอ
แม้ว่าไม่บ่อยครั้งยังฉ่ำชื่น
ยังตันตื้นในจิตคิดเสมอ
วันนี้คล้ายวันแรกรู้จักเธอ
จึงเสนออักษรามากำนัล
เพื่อแสดงน้ำใจไมตรีมิตร
ไม่เคยคิดลืมเลือนแม่เพื่อนขวัญ
แม้อยู่ห่างเพียงไหนไม่สำคัญ
เชื่อใจกัน เท่านั้นมั่นไมตรี
11 ธันวาคม 2552 21:29 น.
อรรธนิศา
ท่าพระจันทร์วันนี้ซิเงียบเหงา
ไม่มีเงาเพื่อนขวัญจิตหวั่นไหว
แต่ก่อนเคยเดินคลอล้อกันไป
นึกคราใดให้เหงาเศร้าชีวัน
หอมจำปีคลี่บานบนลานกว้าง
ฝันยังค้างเมื่อไปไม่พบขวัญ
สนเอนส่ายไหวลู่กู่รำพัน
คิดถึงวันเคยนั่งฟังคลื่นครวญ
เห็นชงโคแย้มบานละลานทั่ว
ที่ริมรั้วร่วงโรยลมโชยหวน
เห็นยอดโดมเสียดฟ้าพารัญจวน
เราเคยชวนกันเดินเพลิดเพลินใจ
จนตะวันเริ่มคล้อยลอยลับฟ้า
ท้องนภาเริ่มหรี่สีสดใส
เรายังนั่งคุยกันไม่หวั่นใคร
จวบจนได้เวลาพาจากกัน
กลับมาเยือนท่าพระจันทร์ในวันนี้
ไม่เห็นมีแม้เงาคนเฝ้าฝัน
เขาลืมแม้ถ้อยคำเคยรำพัน
ลืมคำมั่นจะไม่พรากไม่จากจร