23 พฤศจิกายน 2552 21:48 น.
อรรธนิศา
เมื่อเธอเหนื่อยหน่ายจนต้องหม่นหมอง
น้ำตานองสองแก้มไม่แจ่มใส
ฉันจะคอยช่วยซับรับปลอบใจ
อยู่เคียงใกล้ทุกคราทุกนาที
แม้เวลาทุกข์ยากลำบากจิต
เพื่อนเคยชิดเคยใกล้มาหน่ายหนี
ฉันจะอยู่ชื่นชอบปลอบชีวี
ให้คนดีมีสุขอย่าทุกข์ใจ
เหมือนสะพานผ่านชลวนป่วนปั่น
เพื่อเธอนั้นข้ามธารที่พล่านไหล
สู่จุดหมายปลายทางที่ย่างไป
อย่าหวั่นไหวต่อธารที่ผ่านมา
แม้ทุกทางที่เท้าเธอก้าวเดิน
ต้องเผชิญทุกข์ยากลำบากหนา
ฉันจะคอยป้องภัยที่ไคลคลา
ไม่เลยลาแรมร้างจงวางใจ
ขอให้เธอก้าวหน้าอย่าได้หยุด
จงเร่งรุดสู่ทางสว่างไสว
ฉันจะคอยเคียงข้างไม่ห่างไกล
เป็นเพื่อนใจฝ่าฟันภยันตราย
เหมือนสะพานผ่านธารที่พล่านพลุ่ง
ให้เธอมุ่งเร่งรุดสู่จุดหมาย
ฉันจะเป็นเพื่อนชิดสนิทกาย
ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ทุกอย่างไป
23 พฤศจิกายน 2552 20:35 น.
อรรธนิศา
เมื่อเราสองต่างเข้าใจซึ้งในจิต
เพียงยิ้มนิดให้กันก็หวั่นไหว
ตาประสานตาส่งบ่งความใน
รู้แก่ใจซึ่งกันและกันมา
ไม่ต้องเผยเอ่ยร่ำคำว่า รัก
ต่างประจักษ์ต่างใจต่างใฝ่หา
มีแต่ความซาบซึ้งตรึงอุรา
และศรัทธาต่อกันอย่างมั่นใจ
มีความซื่อถือสัตย์ มัดดวงจิต
ตราบชั่วนิจนิรันดร์มั่นไฉน
อีกความภักดีตั้งอย่างจริงใจ
พลีมอบให้เพื่อรักจักยืนนาน
ตาต่อตามองสบแล้วหลบต่ำ
ต่างดื่มด่ำฉ่ำใจในรสหวาน
เสียงดนตรีบรรเลงเพลงตระการ
ก็ซาบซ่านซึ้งใจไปกับเพลง
มือนุ่มนุ่มกุมเกี่ยวเหนี่ยวมือฉัน
สายตานั้นพ้อว่าอย่าข่มเหง
ตาจึงสบตาตอบปลอบไปเอง
อย่าหวั่นเกรงล่วงล้ำในน้ำใจ
ตามองตา ตาจ้อง มองแล้วยิ้ม
ดวงใจอิ่มเอิบซ่านหายหวั่นไหว
ต่างนิ่งอยู่รู้กันด้วยมั่นใจ
จะรอให้ถึงวันนั้น.....เพื่อเธอ
23 พฤศจิกายน 2552 20:17 น.
อรรธนิศา
ก่อนนั้นเหงาเศร้าใจอยู่ในโลก
จึงวิโยคโศกใจหาใดเหมือน
เปลี่ยวและเหงาเฝ้าเสมอรอ "เธอ" เยือน
เปรียบเสมือนตัวเราเฝ้าเดียวดาย
มีชีวิตอยู่เพื่อใครก็ไม่รู้
ได้แต่อยู่ไปวันวันฝันสลาย
เหมือนความรักความหวังพังทลาย
มาเลือนหายมลายไปกับสายลม
จนคืนวันผันผ่านได้พานพบ
มาประสบพบ "เธอ" คลายขื่นขม
เหมือน "เธอ" มาปลุกใจหายระทม
ความขื่นขมพลันคลายมลายลง
เหมือนดังฟื้นคืนจิตชีวิตใหม่
"เธอ" ช่วยให้ดวงใจที่ไหลหลง
ช่วยชีพฉันให้ชื่นกลับยืนยง
และยังคงอยู่นิรันดร์ตราบวันนี้
"เธอ" เหมือนดังแสงทองส่องชีวิต
ที่มืดมิดหม่นมัวมีแสงสี
ฉันเพิ่งรู้ความรักช่วยชีวี
เหมือนยาดีได้มารักษาใจ
ยาอื่นใดก็ไม่อาจมารักษา
นอกจากยา คือ "เธอ" ที่สดใส
ได้พบ "เธอ" เสมอเหมือนมียาใจ
ชุบฉันให้ชีพชื่นยืนชีวา
นับแต่นี้ฉันคงชื่นรื่นเริงใจ
เพราะฉันได้พบ "เธอ" ที่เพ้อหา
"เธอ" คนเดียวที่ฉันซึ้งตรึงอุรา
"เธอ" มีค่าตราตรึงหนี่งในใจ
16 เมษายน 2551 12:32 น.
อรรธนิศา
ฉันจำได้ทุกวันแม้วันนี้
ติดฤดีซึ้งมั่นกว่าวันไหน
แม้เวลาจะเปลี่ยนหมุนเวียนไป
แต่หัวใจใช่เปลี่ยนหมุนเวียนตาม
วันไหนไหนไม่สำคัญเท่าวันนี้
เพราะหนึ่งปีมีหนใช่ล้นหลาม
เป็นวันคล้ายวันเกิดของนงราม
ขอฝากความคิดถึงคะนึงไป
และขอให้เป็นคนดีกว่าปีก่อน
รวมความอ่อนหวานกว่าคราไหนไหน
ให้น่ารักเช่นนี้ทุกปีไป
นึกสิ่งใดให้สมอารมณ์ปอง
ขอให้เธอคนดีมีความสุข
นิรทุกข์ห่างไกลไร้เศร้าหมอง
อุดมด้วยสินทรัพย์นับเนืองนอง
คนแซ่ซ้องนับถือเลืองลือชา
จะทำการสิ่งใดให้พินิจ
ให้ชีวิตโรจน์รุดสุดหรรษา
ให้อนาคตสดใสในมรรคา
ทุกทิวาราตรีนี้นิรันดร์
นี่คือพรจากจิตลิขิตให้
ขอมอบไว้เป็นกลอนและพรขวัญ
ถึงจะด้อยราคาแต่ค่ามัน
มีอนันต์เกินกว่าจะหาซื้อ
16 เมษายน 2551 09:38 น.
อรรธนิศา
ผจงคลี่กลีบยูงทองอันผ่องพรรณ
เพื่อเสกสรรน้ำถ้อยร้อยเสนอ
ถึงจะไม่หวานล้ำมาบำเรอ
ขอมอบเธอ จามจุรี ที่น่ารัก
แม้เราเพิ่งจะมีไมตรีกัน
และนับวันอาจเพิ่มเดิมสมัคร
ไมตรีเธอหยิบยื่นชื่นใจนัก
ขอสลักในจิตไม่คิดเลือน
แม้อยู่ห่างเพียงไหนไกลเกินพบ
ไม่เลือนลบไมตรีนี้เสมือน
ให้พี่นี้คอยคิดติดใจเตือน
ว่ามีเพื่อนผู้หนึ่งซึ่งหวังดี
พี่ขอฝากเพลงพรอันอ่อนหวาน
กล่อมดวงมานให้สุขทุกราศี
ฟังเพลง โดม-เจ้าพระยา ทุกราตรี
แทนเสียงพี่ขับกล่อมย้อมอุรา
ขอฝากความคิดถึงซึ้งมาให้
และฝากใจตามลมพรมมาหา
แทนของฝากจาก ยูงทอง ล่องลมมา
ถึง จุฬา-จามจุรี-สีชมพู"