ได้แบบบ้านในสวนนวลอนงค์ บ้านไม้ทรงสวยงามในความฝัน วันเวลาก่อสร้างวางแผนกัน ช่างบ้านฉันคนเดิมเสริมแรงใจ ไม่ติดดินยกเสาเราหนีน้ำ ลมเย็นฉ่ำชื่นขวัญพลันแจ่มใส ในสวนงามละมุนสมุนไพร อาชีพใหม่ของฉันในบั้นปลาย สายสัมพันธ์ชลบุรีมีมานาน เป็นสถานเติบใหญ่ไม่เลือนหาย ได้วิ่งเล่นหน้าบ้านสำราญกาย ญาติหญิงชายหลายคนบนวิมาน บ้านไม้สวยน่าอยู่ดูอบอุ่น ความชินคุ้นเคยกันอันแสนหวาน นานเพียงใดคงอยู่ดูทนทาน เป็นวิมานบ้านสวนนวลอนงค์ บ้านไม้หลังเก่าที่เราเคยเช่าอยู่ในตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรีที่พ่อแม่พาย้ายจากร้อยเอ็ดตั้งแต่อนงค์นางอายุสามขวบ ปัจจุบันก็ยังอยู่เหมือนเดิมค่ะ ญาติของพี่เขยคนเมืองชลฯชวนให้ไปซื้อที่ใกล้กันคนละแปลงๆละ 60ตารางวาที่พลูตาหลวงสัตหีบเมื่อสิบกว่าปีก่อน เจ้าของเป็นเกษตรกรและแพทย์แผนโบราณ ปรุงยาสมุนไพรขายในสวนสมุนไพร� อนงค์นางชอบอยู่บ้านไม้ บ้านเกิดที่ร้อยเอ็ดก็ปลูกเป็นบ้านไม้ตอนที่เป็นครู �อยู่ในตำบลเดียวกับที่อนงค์นางเกิด ตอนปลูกบ้านใหม่ให้แม่ แม่ออกแบบคุมการก่อสร้างเอง เป็นบ้านแบบใช้อิฐฉาบปูนหลังเล็กๆ�ช่างรับเหมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน อนงค์นางพอใจในผลงานพอสมควรเลยจะให้ไปปลูก บ้านในสวนที่สัตหีบให้อีกสักหลัง สามีก็ตามใจไม่ขัดข้องอนุมัติให้ปลูกได้ ขอบพระคุณเด้อค่ะพ่อบ้านผู้แสนดี ตกลงแม่จะพาช่างไปหาซื้อบ้านไม้ที่เขาปลูกไว้ขายที่ร้อยเอ็ด ยกไปปลูกที่สัตหีบให้เสร็จก่อนกลับเมืองไทยในวันที่ 1มกราคม ปีหน้า�ไปกินนอนที่นั่นกันเลยค่ะ ต้ังชื่อว่า บ้านสวนนวลอนงค์ เราวางแผนจะกลับไปอยู่ตอนเกษียณ ฤดูทำนาก็กลับบ้านที่ร้อยเอ็ดในอำเภอเมืองกับอำเภอสุวรรณภูมิ เกี่ยวข้าวเสร็จก็กลับไปสัตหีบปรุงยาสมุนไพรเอาไว้แจกจ่ายช่วยคนที่ต้องการ เป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยให้คงอยู่ต่อไป ตอนเกษียณราชการจะได้รับเงินบำนาญเดือนละสองพันเหรียญก็คงอยู่ได้แบบพอเพียง ช่วยเหลือสังคมตามกำลังที่ทำได้ค่ะ แต่วันนี้ก็ทำให้ดีที่สุด พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรไม่ขอกังวล ใช้ชีวิตตามคติที่ว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน จะประสพความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยความซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณบิดามารดา ผู้มีพระคุณทุกคน มีฆราวาสธรรม ศีลห้าและมรรคแปดครองชีวิตตลอดไปค่ะ บ้านไม้ที่เคยอยู่ในชลบุรี บ้านแม่ที่สุวรรณภูมิ บ้านอนงค์นางที่อำเภอเมือง ร้อยเอ็ด สวนสมุนไพรที่เจ้าของเปิดสอนหลักสูตรแพทย์แผนโบราณค่ะ
คนบ้านนอกอย่างฉันนั้นไม่อยาก เข้ากรุงหากรถราน่าเวียนหัว มัวหลงกรุงยุ่งจริงยิ่งน่ากลัว ขอปลีกตัวกลับอีสานบ้านเกิดตน บนสนามบินกทม.ไปไหนต่อ อนงค์หนอลำพังยังสับสน จนใจขอต่อไปไม่กังวล หลงทางบ่นตามประสาชรากาย ไม่ได้กลับเมืองไทยมาสามปีแล้วค่ะ เคยกลับไปกับพี่ชายได้แต่เดินตามพี่ต้อยๆ พี่จัดการให้ทุกอย่าง เพื่อนพี่ไปรับที่สนามบิน กลับคราวนี้ฉายเดี่ยว สามีกับลูกไม่ได้ไปด้วย� ยังงงว่าที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งใหญ่โตมาก จะไปต่อเครื่องภายในไปขอนแก่นยังไง เดินไปหรือต้องออกมานั่งแท๊กซี่ข้างนอก ไม่อยากค้างที่กทม. เครื่องถึงสี่โมงเย็นค่ะ จะนั่งรถทัวร์จากหมอชิตไปร้อยเอ็ดก็อีก8ชั่วโมง ถ้าไม่มีเครื่องไปขอนแก่น เพราะกว่าจะเข้าคิวตรวจพาสปอร์ตกับรอรับกระเป่๋าก็อาจไม่ต่่ำกว่าสองชั่วโมงค่ะ ไม่อยากให้ญาติหรือเพื่อนที่กทม.ลำบากไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ อยากทำอะไรตามลำพังดูบ้าง คนแก่ขี้กลัวแถมไม่อยากไปกับใครให้วุ่นวาย ข่าวว่าพายุจะเข้า ไม่แน่ใจว่าน้ำจะท่วมเมืองกรุงหรือเปล่านะคะ�
แต่งงานมีครอบครัวไม่มัวเที่ยว ตัวเป็นเกลียวหน้าที่มีมากหนา ฐานะสร้างด้วยกันทุกข์สุขมา เลี้ยงลูกกว่าเติบโตโอ้นานปี มีคู่ครองให้เกียรติไม่เหยียดหยาม ยึดถือความอภัยใจสุขขี ศรีภรรยาใจเย็นเช่นวารี สุขุมดีกว่าร้อนคอยผ่อนปรน สนใจงานการครัวหัวใจบ้าน สนุกสนานเกินควรนวลหมองหม่น คนเขาครหานะหน้ามล เกรงใจคนที่บ้านอย่าหาญไป ไม่ไปกับชายใดให้เขาลือ ต้องยึดถือความสัตย์ชัดเจนใส่ ไม่ปล่อยตัวมัวเที่ยวอาจเปรี้ยวใจ เข้าวัดไว้ดีกว่าน่าภิรมย์ อนงค์นางอาจไม่ใช่เพื่อนที่ดีไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อนแบบไปเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ ตั้งแต่แต่งงานแม้มีเพื่อนชายหญิงหลายคน แต่ไม่อาจไปไหนมาไหนได้ตามใจสะดวกหรือตามใจเพื่อนสนิทมิตรสหายได้ เพราะเกรงใจสามีค่ะ เมื่อไม่กี่วันมานี้อนงค์นางไปเดินช้อปปิ้งจ่ายตลาดแถวบ้านพักหลังเลิกงาน เขาพาลูกไปห้องสมุดก่อนอนงค์นางถึงบ้าน เผอิญโทรศัพท์มีปุ่มล็อคเสียงที่เลื่อนลงแบบไม่ตั้งใจ ใครโทรเข้าจะไม่ได้ยิน ใช้เวลาชั่วโมงกว่าเดินจ่ายตลาดลืมโทรบอกเขาว่าจะไปไหนเพราะคิดว่าเราจะเข้าบ้านก่อนเขา แต่เขากลับบ้านไม่เจอเรา ได่้ออกตามหาเราตามห้างแถวบ้านที่มีหลายห้าง อนงค์นางถึงบ้านก่อนพอเห็นหน้าเขาตอนเข้าบ้านรู้สึกสงสารจับใจ เป็นเรื่องจริงค่ะด้วยความสัตย์ ก็อยู่กันมานานป่านนี้เขายังห่วงเหมือนเดิม เพื่อนที่คุยกันในบ้านกลอนไม่เสียหายเพราะไม่ได้เจอกันในชีวิตจริง แต่ถ้าจะเจอกันในโลกจริงนั้น คนที่ใครๆมองว่าเจ้าชู้จากภาษาอักษรา จะเป็นคนที่ไม่เก่งกล้าจริง ดีแต่เจ่๊าะแจ๊ะตามประสาไปวันๆแค่นั้นเองค่ะ แม้จะไม่ใช่คนดีเต็มร้อย อาจมีจินตนาการฝันเฟื่องไปบ้างแต่ก็อยากเป็นคนดีมากกว่าค่ะ ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้วขอเดินทางไปตามสายที่ปรารถนาใต้ร่มพระพุทธศาสนา เพราะสงบสุขใจอย่างแท้จริง ถ้าใครได้มาเที่ยวที่นี่อยากชวนให้ไปที่วัดอีกรายการหนึ่งนะคะ เพราะนั่นคือชีวิตอีกแบบหนึ่งที่ใฝ่ฝัน ได้อยู่กับเด็กๆและเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีแค่สัปดาห์ละหนึ่งวัน เป็นแม่ที่ดีของลูกๆเป็นแม่บ้านที่ดีของพ่อบ้านหกวันในหนึ่งสัปดาห์ก็พอเพียงแล้วค่ะ
ทำบุญวันสารทไทย ประเพณีสารทไทยในกลางปี บรรพชนมีลูกหลานให้ทานส่ง จงได้รับผลบุญหนุนจำนง อานิสงส์ทำให้ใจสุขพลัน วันนี้มีสุขใจได้ทำบุญ ตักบาตรหนุนศาสนาทุกคราหมั่น ฉันทำวัตรสวดมนต์ผลอนันต์ นั่งสมาธินั้นได้สติมิหลงไป ผู้ใหญ่มอบดอกไม้ให้แจกัน ขอให้ฉันจัดด้วยช่วยกันใส่ ไม่ขัดข้องยินดีด้วยมีใจ ทุกงานให้รับทำประจำพิธี วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2555 เราได้ร่วมทำบุญวันสารทไทยที่วัดค่ะ ไปถึงวัดเก้าโมงครึ่ง วันนี้ไม่มีการเรียนการสอนค่ะ เพราะมีงานบุญวันสารทไทย ผู้อาวุโสท่านขอให้อนงค์นางช่วยจัดแจกันดอกไม้ถวายพระและจัดธูปเทียนดอกไม้กับผ้าอาบน้ำฝนให้พระสงฆ์ 15 ชุด ทำเสร็จท่านบอกว่าขอให้รับไปทำทุกงานบุญ ยินดีรับอย่างเต็มใจยิ่งค่ะ พระสงฆ์นำอุบาสก อุบาสิกาทำวัตรสวดมนต์เริ่มสิบนาฬิกา ตักบาตร ถวายสังฆทาน ถวายภัตตาหารร่วมกัน ได้พบผู้ใหญ่ที่เป็นเหรัญญิก และอนงค์นางได้เป็นเหรัญญิกด้วยกันในงานประจำปีของโรงเรียน ท่านขอให้ช่วยงานเหรัญญิกอีกในงานวันลอยกระทงปีนี้เพราะทำงานได้เรียบร้อยดี ยินดีรับด้วยความเต็มใจยิ่งค่ะ ทางวัดขอให้ช่วยครูนาฏศิลป์สอนรำให้เด็กรุ่นเล็กเพราะเห็นว่ามีพื้นฐานเคยรำมาก่อน สอนภาษาไทยช่วงเช้า ช่วงบ่ายสอนรำไทย ยินดีรับอย่างเต็มใจและดีใจอย่างยิ่งแม้ปัจจุบันหุ่นไม่ให้แต่ใจยังรักอยู่เสมอ วันนี้นอกจากได้ทำบุญตามประเพณีวันสารทไทยแล้ว ยังได้รับความเมตตาให้ช่วยงานต่างๆเพิ่ม ขอบพระคุณที่เห็นคุณค่าและให้ความไว้วางใจอนงค์นาง ยินดีรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างเต็มใจค่ะ อยากทำความดีเท่าที่สามารถทำได้ บางงานก็อาสา บางอย่างก็แล้วแต่ทางวัดจะขอให้ช่วยเพราะคนที่ช่วยงานวัดมีมากมายค่ะ แบ่งบุญกันไปตามความถนัดและความพร้อม แต่จะไปร่วมทำบุญตักบาตรทุกงานค่ะ คนที่เสียสละมากกว่าเรามีมากมายค่ะ อนงค์นางยังนับว่าเล็กน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่ทำเลยนะคะ เพราะไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ตายไปเอาอะไรไปด้วยไม่ได้ค่ะนอกจากบุญกุศลและความดีเท่านั้น ความหมาย � � � � � สารทเป็นการทำบุญกลางปีของไทย ตรงกับวันสิ้นเดือน ๑๐ หรือวันแรม ๑๕ �ค่ำ เดือน ๑๐ � ซึ่งเป็นฤดูที่พืชพันธุ์ธัญชาติและผลไม้สุก ข้าวและต้นผลไม้ที่ปลูกไว้กำลังให้ผลเป็นครั้งแรกในฤดูนี้ ความเป็นมา � � � � � สารทเป็นนักขัตฤกษ์ �ถือเป็นประเพณีนิยมมาแต่โบราณว่า เทศกาลทำบุญสิ้นเดือน ๑๐ คือวัน เวลา เดือนและปีที่ผ่านพ้นไปกึ่งปี �และโดยที่มนุษยชาติดำรงอยู่ได้ด้วยเกษตรกรรมเป็นหลักสำคัญ เมื่อถึงกึ่งปี เป็นฤดูกาลที่ข้าวออกรวงเป็นน้ำนม จึงได้มีกรรมวิธีปรุงแต่งที่เรียกว่ากวนข้าวทิพย์ หรือ ข้าวปายาส ข้าวยาคูและขนมชนิดหนึ่งเรียกว่า กระยาสารท แล้วประกอบการบำเพ็ญกุศลถวายพระสงฆ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ข้าวในนา ทั้งอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนผู้มีพระคุณและแจกสมนาคุณญาติมิตรตามคติที่ชาวไทยเป็นพุทธศาสนิกชน � แม้จะเป็นประเพณีที่มีส่วนมาจากลัทธิพราหมณ์ � ชาวไทย ก็นิยมรับ เพราะเป็นประเพณีในส่วนที่มีคุณธรรมอันดีพึงยึดถือปฏิบัติ � � � �� � �� � � � � �