5 ตุลาคม 2545 13:41 น.

คิดถึงตะวัน

อตีตะโศก

ตะวันลอยลอยเลื่อนเฝื่อนจากฟ้า
ฟ้าผันเปลี่ยนเปลี่ยนนภาไร้สดใส
ใสกลับมืดมืดลงไม่อำไพ
ภัยเยือนใกล้ใกล้ค่ำน่าพลั่นพลึง

พลึงพลั่นพรากพรากจากสุรีศรี
สีหม่นค่าค่าบ่มีให้นึกถึง
ถึงค่ำแล้วเวลาเวลาตรึง
ตรึงเพราะถึงถึงเพลาที่ฟ้าครวญ

ครวญล่ำคร่ำคร่ำเศร้าเคล้าดาวน้อย
น้อยนิดนิดที่ติดต้อยสุดจะหวน
หวนหักให้ให้สุดหักอาทิตย์จวน
จวนเจียนสิ้นสิ้นเพราะสรวลดั่งโซ่ตรึง

ตรึงใจฟ้าฟ้าเรียกหาพระอาทิตย์
ทิศใดใดสุดจะคิดเหมือนถูกขึง
ขึงติดอยู่อยู่เยี่ยงยากฟ้ารำพึง
พึงใจอยากอยากให้ถึงซึ่งกลางวัน

วันในฟ้าฟ้าสว่างอย่างละครึ่ง
ครึ่งของครึ่งครึ่งหนึ่งไม่อยากฝัน
ฝันอยากให้ให้สว่างเป็นอนันต์
อนันต์ไร้ไร้ซึ่งผันเปลี่ยนวันเดิม

เดิมโพยมมีแสงแสงส่องสาด
สาดส่องสุดสุดจะคาดอาจฮึกเหิม
เหิมฮึกฮักฮักตะวันเสียเหลือเกิน
เกินจนเมินเมินสิ้นซึ่งจันทรา

จันทราส่องส่องฟ้าใสในความมืด
มืดมนมิดมิดหม่นมาดขลาดผวา
ผวาแสงแสงสาดไม่งามตา
ตาของฟ้าฟ้าร้องให้ไม่คลายครัน

ครันครั้นมืดมืดลงฟ้าคงคิด
คิดว่าผิดผิดที่จันทร์ชอบเปลี่ยนผัน
ผันผ่อนผ่านผ่านแผ่วแคล้วกลางวัน
วันไหนฉันฉันจะมีเพียงอุทัย				
4 ตุลาคม 2545 15:05 น.

เพราะฉะนั้น

อตีตะโศก

จะอยู่อย่างหยิ่งยิ่งทรนงค์
ในศักดิ์ตนไม่สนแม้นไร้คนเหลียว
ไม่สนหล้าจะเปลี่ยนผันหรือคงเดียว
ไม่สนใจศักดิ์เพียงเสี้ยวในโลกา

 จะอยู่อย่างหยิ่งยิ่งทรนงค์
ในศักดิ์ตนแม้นยากไร้อนาถา
ไม่สนใจคำคนพูดว่ากล่าวมา
ไม่สนว่าใครชมติหรือริรอน

 จะอยู่อย่างหยิ่งยิ่งทรนงค์
ในศักดิ์ตนยืนหยัดอย่างผยอง
ไม่สนใจแม้นชีพไร้คนหมายปอง
ไม่สนใจใฝ่ต้องสิ่งป้องอบาย

 จะอยู่อย่างหยิ่งยิ่งทรนงค์
ในศักดิ์ตนจนกว่าชีพสลาย
ไม่สนใจความช่วยเหลือจนตัวตาย
ไม่สนใจสิ่งชั่วร้ายที่ล่อลวง

 จะอยู่อย่างหยิ่งยิ่งทรนงค์
ในศักดิ์ตนไม่ก้มลงแม้นต่อสวรรค์สวรง
ไม่สนว่าฟ้าลงทัณย์ให้โรยร่วง
ไม่สนปวงผู้ใดในหล้ามี

 จะอยู่อย่างหยิ่งยิ่งทรนงค์
ในศักดิ์ตนไม่สนลาถยศศรี
ไม่สนแม้นของมีค่าตนไม่มี
ไม่สนใจใยดีสิ่งที่เกิน

 จะอยู่อย่างหยิ่งยิ่งทรนงค์
แม้นไร้พงษ์พลผู้ล้วนห่างเหิน
จะขอหยัดยืนสู้ฟ้าหน้าเผชิญ
จะขอเมินความรักเคยปักใจ				
4 ตุลาคม 2545 02:39 น.

จรแม่ (ทิ้งเธอให้ตรม)

อตีตะโศก

นอนแนบเนื้อน้องนาง       นวลนิ่ม
นิ่มนิ่มนางบ่นิ่ม                  ดั่งหมาย
หมายหมายจิตบ่นิ่ง             เพียงหนึ่ง
หนึ่งหนึ่งราตรีคลาย            รสรัก.....ร้างลา ๚ะ๛


ลาลาราตรีพา                       เลยล่วง
ล่วงล่วงลวงรักแม่                 จนสาย
สายสายสุดฟ้าสรวง               บ่อส่าง
ส่างส่างสิ้นสลาย                     รักแม่ แล้วเอย ๚ะ๛


ทิ้งทิ้งทอดทิ้งแม่                     โดดเดี่ยว
เดี่ยวเดี่ยวอยู่ผู้เดียว             ตรมพักษ์
พักษ์พักษ์แม่จักเหี่ยว            หายสิ้น
สิ้นสิ้นสาปสาวส่าง                   ตราบสิ้น ชีวา ๚ะ๛				
3 ตุลาคม 2545 17:01 น.

ลำพูครวญ

อตีตะโศก

วิเวกแว่ววังเวงวะวับหวาม
วูบวาบวามวาววาดวิจิตไหว
หวัดวิ่นว่อนวอนวุ่นอย่างว่องไว
แสงส่องสาดดงในไพรพนา

หิ่งห้อยหวนห่อนเบื่อลำพูใหญ่
เหาะเหินไม่ห่างห้วงปวงพฤกษา
หิ่งห้อยหายห่างหักหนักอุรา
ปวงพฤษาพนาแนบแอบคร่ำครวญ

ยามเจ้าอยู่เคียงคู่ลำพูเก่า
ย่อมหยอกเย้ายอกย้ายคล้ายคำหวน
จะรักเจ้าลำพูเก่าหิ่งห้อยครวญ
สุดกำสรวลหิ่งห้อยน้อยมีร้อยใจ

เจ้าโจนจากลำพูที่คู่เคียง
เพียงแว่วเสียงลำธารน้ำเย็นใส
เจ้าจิกจ้วงใจจากลำพูไป
แล้วทิ้งให้ลำพูเฉาด้วยเฝ้ารอ

ครั้งยามเก่าแสงเจ้าเคยประดับ
สุดประทับทรวงในลำพูหนอ
พอเจ้าเบื่อก็ปล่อยให้ลำพูรอ
แล้วลวงล่อหลอกรักจากห้วงใจ

หิ่งห้อยน้อยร้อยใจไม่ประสา
ปล่อยลำพูที่คร่ำคร่าให้หวั่นไหว
ทิ้งอดีตที่เจ้าเคยมีใจ
แล้วจึงจรจากไปไม่เหลียวมา

กาลผ่านไปลำพูอยู่เพียงโดด
คิดถึงยามที่รุ่งโรจน์โชติหรูหรา
ยามที่มีหิ่งห้อยน้อยประดับประดา
สุดจะหายามใดที่เทียบทัน

เวลาผ่านลำพูเริ่มแข็งแกร่ง
เคยอ่อนแรงอ่อนล้าเกือบอาสัน
มาวันนี้ไม่มีเจ้าไม่ตายยังอนันต์
แม้นต้องอยู่สู้คืนวันเพียงเดียวดาย

หิ่งห้อยเอ๋ยสุดเฉลยในใจเจ้า
หลอกลวงเราจนหลงรักหักก็สาย
ลำพูใหญ่คิดย้อนกลับน่าเสียดาย
ขำไม่หายยามนั้นฉันหม่นมัว

แม้นไม่มีหิ่งห้อยคอยให้แสง
ยังมีแรงเพราะมีรากฝากฝังหัว
ยังอยู่ได้ยังมีน้ำหล่อเลี้ยงตัว
เคยเมามัวกับแสงส่องผ่องอำพัน

มาบัดนี้ขำอดีตที่เคยเขลา
ที่เคยเมามาดหมายแสงสุขสรรค์
เคยขลาดคิดคลุกเคล้าสิ่งเย้ายัน
เกือบอาสันบั่นสิ้นซึ่งอินทรีย์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอตีตะโศก
Lovings  อตีตะโศก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอตีตะโศก
Lovings  อตีตะโศก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอตีตะโศก
Lovings  อตีตะโศก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอตีตะโศก