6 พฤศจิกายน 2546 00:49 น.
อกนิษฐ์
๏ คำคมเหมือนมีดคม.........................กรีดก็กรมด้วยกราดกร่าง
กระทบเทียบและถากถาง....................เป็นอาวุธได้ดุจหวัง
ลัทธิวิวาทะ.......................................เป็นสัจจะอนิจจัง
พูดดีก็ดีดัง..........................................หากพูดชั่วก็ชั่วเชิง
คำพระให้ประพฤติ...........................เป็นเครื่องยึดมิยุ่งเหยิง
สัจจะจะร่าเริง......................................พูดภาษิตเป็นนิจศีล
เอ่ยคำประโยชน์คิด..........................อย่าต้องติดแค่ตุ่มตีน
พูดเป็นอย่าเล่นปีน..............................จาบจ้วงจู่ครูอาจารย์
คำคมคือคมคิด..................................จากกอปรกิจประสบการณ์
สั่งสมเฝ้าบ่มสาร...................................เคี่ยวกรำงานเบ่งบานงาม
เชี่ยวชาญในการใช้..........................โต้ฉับไวบ่วู่วาม
ข่มขู่ศัตรูขาม.......................................หากตอแยจักแพ้ยับ
คำเยาะแค่เหยาะแหยะ.....................คือหนูแทะจักถ่มทับ
คำกล้าก็กล้ากลับ..................................เข่นคำโม้ใครโมเม
ภาษาสุภาษิต.....................................จักพิชิตความเฉียงเฉ
ลวงลมและคมเล่ห์................................ขจัดสิ้นจากลิ้นสวย
คนชมคนคมใช้.................................มากแม่ไม้และแม่มวย
น้อมนำและอำนวย................................ให้เลื่องชื่อระบือชัย
คำคมเหมือนมีดคม............................กรีดผิวจมลึกบาดใจ
มีดนั้นทื่อวันไหน..................................บาดผิวไผผู้ใช้พลัน ๚
6 พฤศจิกายน 2546 00:34 น.
อกนิษฐ์
๏ โคลงจารควานไขว่คว้า..........................ความหมาย
โทสี่เอกเจ็ดราย.......................................เรี่ยไว้
คงรูปแต่ความหาย...................................หาห่อน....เห็นนอ
จัดแต่งแจงตาใช้.....................................ช่วยค้นคลายเขลา ๚
๏ อนึ่ง...........คำเก่าพู้น...........................พอหลีก
ลางที.............อาจฉีกรูป...........................แบบบ้าง
หากบ่............อาจไม้ซีก............................งัดตึก
ปราชญ์ว่า...... อวดปราชญ์อ้าง...................โอ่โถง ๚
๏ โบราณท่านยลค้นคิด............................ดัดแปรงประดิษฐ์
ร้อยกรองกลอนฉันท์กาพย์โคลง ๚
๏ หนึ่งฉบังผังกาพย์จับโยง.......................คำข้างผางโผง
ผันเป็นเด่นตรงทรงพลัง ๚
๏ อีกหนึ่งกาพย์ยานี.................................แรงรัศมีเมลืองมลัง
คล้ายฉันท์อันน่าชัง...................................คลี่คลายขลังและเคร่งขรึม ๚
๏ จังหวะหนักเบาวาง................................ทรงสำอางค์ห่างอึมครึม
ชมงามอยู่งำงึม..........................................ประทับใจบ่เจือจาง ๚
๏ ฉันท์นั้นมโนนึก....................................ก็สะอึกและแคลงคลาง
ด้วยยากจะจับวาง......................................สระลงประโยคเคียง ๚
๏ หนักเบาละเมียดทำ...............................ประจุคำเสนาะเสียง
ฤๅรูปพิลาศเพียง......................................แลเพราะพริ้งพิไลตา ๚
๏ แบบฉันทลักษณวิธี...............................ครุมีสภาพพา
ให้ยากพิจารณ์แลพิเคราะห์หา...................ยุติลงสนิทใจ ๚
๏ ฉันท์การก็เลยละวรผล...........................อันสุชนจะพึงใคร่
เหลือเพียงกวีวิริยะไป...............................แปะประกวดเพราะรางวัล ๚
๏ กวีเอยกวีวัจน์.......................................ฤๅเพรงพลัดพรากภพสบสวรรค์
ปล่อยโลกแล้งร้างมณีกวีวรรณ...................หนาวยะเยียบเงียบงันนิรันดร์กาล
ทะเลทรายร้อนแล้งที่แห้งหน.....................ยังมีฝนหล่นบ้างไม่ล้างผลาญ
กวีโลกแล้งร้าวนานเท่านาน......................ไม่พบพานกวีวัจน์วิบัติเอย ๚
โลกแล้ง.....
ผืนทรายแห้ง กว้างใหญ่สุดปลายฟ้า
กวีวัจน์.....
กลอนกานต์ เมื่อใหร่จะหยาดมา ให้กวีโลกได้แช่มชื่น ?