บทเพลง...ขอเป็นคนหนึ่ง (นันทิดา แก้วบัวสาย)อยากดูแลเมื่อยามเธอหมองเศร้าอยากเป็นเงาเมื่อเธอเหงาใจอยากเดินเคียง เมื่อเธอต้องการผู้ใดข้างกายสักคนหากว่าเธอท้อแท้วันใด ถูกสิ่งใดทำใจร้อนรนหากต้องการมีใครสักคน ที่พร้อมให้ความอุ่นใจขอเป็นคนหนึ่งซึ่งคอยห่วงใยแต่เธอเรื่อยไปแม้จะเป็นคนสุดท้าย ที่เธอจะมองขอมีคนหนึ่ง (อ.วรศิลป์)คอยดูแลเมื่อยามที่ฉันเฒ่าคอยเป็นเงา เมื่อฉันเหงาใจคอยเดินเคียงเมื่อฉันนั้นไม่มีใครข้างกายสักคนยามที่ฉันท้อแท้คราใด ยามที่ใจหมองไหม้ทุกข์ทนฉันต้องการมีใครสักคน ที่พร้อมให้ความอุ่นใจขอมีคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างใจและกายเรื่อยไปขอเพียงคนเดียวที่หมาย เผื่อใครจะมองป.ล. วันนี้ขออนุญาตนำบทเพลง " ขอเป็นคนหนึ่ง " ของคุณนันทิดา แก้วบัวสายมาดัดแปลงและเรียงร้อยในอีกมุมหนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบความไม่ลงตัวในชีวิตของสองอารมณ์ที่ต่างกัน ระหว่างคำว่า " ขอเป็น " กับ " ขอมี "และขอขอบคุณเจ้าของบทเพลงดังกล่าวไว้ ณ ที่นี้(14.1.62)
ความแตกต่าง คือสะพานหรือกำแพง คือเส้นแบ่งหรือสายใย ขึ้นอยู่กับเลือกแบบไหน สายใยใจหรือกำแพง ความแตกต่างเป็นได้ทั้งสะพานและกำแพง ความแตกต่างเป็นได้ทั้งมิตรภาพและโลกส่วนตัว ความแตกต่างเป็นได้ทั้งการแบ่งปันและการหวงแหน ความแตกต่างเป็นได้ทั้งการให้เกียรติและการดูแคลน ความแตกต่างอาจเป็นเหตุแห่งสุขสำหรับบางคน ความแตกต่างอาจะป็นเหตุแห่งทุกข์สำหรับบางคน
" คนขายขวด " สำหรับเด็กรุ่นใหม่ อาจจะไม่ลึกซึ้งกินใจเท่าใดนัก เพราะทุกวันนี้ นอกจากพ่อค้าเร่ที่ตระเวนร้องรับซื้อขวดตามบ้านเรือนแล้ว ก็ยังมีร้านรับซื้อของเก่ารายใหญ่ ๆ อีกหลายเจ้า ซื้อทั้งเศษเหล็ก เศษกระดาษ ขวดแก้ว ขวาดพลาสติก ฯลฯ ในงานประจำปี ณ วัดแห่งหนึ่ง ชายสูงวัยคนหนึ่งเดินเก็บขวดน้ำตามพื้นและในถังขยะ กระสอบปุ๋ยใบเชื่องสามใบบนรถซาเล้ง เต็มไปด้วยขวดพลาสติก ในขณะที่กระสอบปุ๋ยอีกสองใบอยู่ในเมืองของชายสูงวัย ที่กำลังเดินลัดเลาะ ก้มเก็บและคุ้ยเขี่ยถังขยะไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้สนใจสายตาผู้คนรอบข้าง ซึ่งคนเหล่านั้นก็ไม่ได้สนใจชายสูงวัยเช่นกัน นอกจากบางคนที่หยิบยื่นขวดเปล่าให้กับมือของชายสูงวัย ควันเทียนควันธูป ลอยตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ พร้อมๆกับช่อดอกไม้กำแล้วกำเล่าที่ถูกวางไว้หน้าองค์พระ ผู้คนที่คุกเข่าอยู่หน้าองค์พระ ต่างทำปากขมุมขมิบ เหมือนกำลังพูดอะไรสักอย่าง บางคนนั่งพูดอยู่ตั้งนาน แต่บางคนก็เดี๋ยวเดียว ก่อนจะลุดไปวางดอกไม้ใส่ภาชนะรองรับที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ ชายสูงวัยเผลอมองผู้คนบนศาลาอยู่พักใหญ่ พลางคิดทบทวนถึงกิตติศัพท์ขององค์พระที่เคยได้ยินมา แต่ก็ไม่เคยได้ไปกราบไหว้ ไปขออะไรจากองค์พระแม้สักครั้งเดียว " หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์นัก ขอลูก ได้ลูก ขอโชค ได้โชค ฯลฯ จริง ๆ นะ สมหวังกันไปหลายรายแล้ว " ชายสูงวัยยังคงก้มหน้าก้มตาเดินเก็บขวดน้ำต่อไป ได้ทั้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก และ กระป๋องเครื่องดื่มสารพัดยี่ห้อ จนรถซาเล้งคันเก่าแทบจะหี่ว่างไม่ได้ พลบค่ำ ชายสูงวัยเหนื่อยล้ากับการเดินเก็บขวดเต็มที " พอแค่นี้ก่อนแล้วกันสำหรับวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ " ตอนกลับ บังเอิญผ่านหน้าศาลาที่ตั้งองค์พระ บนศาลาเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน อีกทั้งไม่มีใครอยู่สักคน ชายสูงวัยจึงหยุดรถถีบ ถอกรองเท้าแตะ และค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปบนศาลา ไปคุกเข่าอยู่หน้าองค์พระเพียงลำพัง ท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัวนั้น ชายสูงวัยประนมมือก้มลงกราบ " จะขออะไรดีนะ " ชายสูงวัยรำพึงกับตนเอง " หลวงพ่อคงยุ่งทั้งวันแล้ว เห็นใครต่อใครมาไหว้มาขอกันเยอะแยะ " " ลูกช้างไม่รบกวนหลวงพ่อดีกว่า ข้าวเย็นวันนี้ก็มีแล้ว " " พรุ่งนี้ อย่างไรก็มีขวดให้เก็บอยู่ดี " " หลวงพ่อพักผ่อนนะครับ ลูกช้างไม่รบกวนดีกว่า กลับก่อนครับ " ชายสูงวัยก้มกราบอีกครั้ง ก่อนจะประคองกายลุกขึ้น เขาหยิบเงินยี่สิบบาทจากกระเป๋าเสื้อใส่ลงตู้ทานข้างบันได สมทบทุนสร้างพระอุโบสถ สองมือยกประนมขึ้นเหนือหัว แล้วก้าวลงจากศาลาอย่างสุขใจ " ผมไม่รบกวนหลวงพ่อนะครับ " ชายสูงวัยรำพึงในใจ ขณะที่ปั่นซาเล้งคู่ใจออกพ้นประตูวัด
ถามว่า " วันนี้ ใครส่งยิ้มให้คุณหรือยัง ? " คงไม่สำคัญเท่ากับ ถามว่่า " วันนี้ คุณส่งยิ้มให้ใครหรือยัง ? " รอยยิ้มที่จริงใจน่ะ รอยยิ้ม คือ สะพานแห่งมิตรภาพ รอยยิ้ม คือ ขุมพลังแห่งความอ่อนโยน รู้ไหม คนข้างกายหลายคนอยากเห็นรอยยิ้มของคุณ รู้ไหม คนที่บ้านอยากเห็นรอยยิ้มของคุณ รู้ไหม เพื่อนร่วมงานอยากเห็นรอยยิ้มของคุณ รู้ไหม โลกอยากเห็นรอยยิ้้มของคุณ แล้ววันนี้ คุณยิ้มให้ใครหรือยัง ? แต่อย่าลืม ยิ้มให้กับตนเองบ้าง รอยยิ้มมีผลดีมากมาย....ไม่เชื่อลองยิ้มดู
มีหนังสือดี ๆ แพง ๆ ใหม่ ๆ อยู่หลายเล่ม เก็บใส่ตู้โชว์ไว้ที่บ้าน เก็บไว้เพื่ออวด เพื่อโชว์ ด้วยความภาคภูมิใจ นาน ๆ จะหยิบออกมาปัดฝุ่นสักครั้ง แล้วก็เก็บเข้าที่เดิม ......เคยคิดไหมว่า หนังสือเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร กับการเป็นของโชว์อยู่ในตู้ ................................ ที่บ้านฉันก็เคยมีตู้โชว์หนังสือ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฉันเคยได้ยินหนังสือพูดกับฉัน ฉันขอถ่ายทอดให้ฟังนะ ..................................... วันนั้น ค่อนข้างดึก หนังสือเล่มหนึ่งกระซิบบอกฉันว่า " ฉันไม่อยากเป็นหนังสือใหม่ไปตลอดกาลหรอกนะ " " หยิบฉัน เปิดฉัน ดูซิว่า มีอะไรดี ๆ ในตัวฉันบ้าง " " ฉันไม่กลัวสกปรกหรอก และ ก็ไม่ต้องกลัวฉันจะเจ็บ " " ฉันมอมแมมและยับยู่ยี่บ้างก็ไม่เป็นไร " " ฉันไม่อยากเก็บสิ่งดี ๆ ไว้กับตัวฉันหรอก " " เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไร " " ฉันถูกสร้างมาเพื่อบันทึกสิ่งดี ๆ ไว้ให้ผู้คน " " ฉันมีเรื่องราวมากมายที่อยากเล่าให้ฟัง....หยิบฉันออกไปอ่านสิ " " ชีวิตนี้ ฉันไม่อยากเป็นแค่หนังสือในตู้โชว์ " " มันเสียชาติเกิดจริง ๆ "