30 เมษายน 2554 19:32 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
เหตุการณ์ ณ วันเดินทาง
17 ก.พ. 49
วันนี้แล้วสินะ วันเดินทาง ดูจากโปรแกรมนัดกันบ่ายสองโมงที่สนามบินดอนเมือง
หนูหิ่ง ฯ กะคุณแม่กลัวรถติด ไปถึงตั้งกะสิบเอ็ดโมง แฮ่.... ไม่เห่อเลยเนอะ ^_^
เราสองคนแม่ลูกร้องเพลงรอ ร้อ รอ.... รอเพื่อนร่วมชะตาเดียวกัน
จนกระทั่งต่างคนต่างทะยอยกันมารวมถึงพี่สาวของหนูหิ่ง ฯ
เพื่อน (โอ) และแฟนของเพื่อน (พี่อ้อ) มาถึงบ่ายโมง
ส่วนเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์มาถึงบ่ายสองโมงตรงเด๊ะ แหม อะไรจะรักษาเวลาขนาดน้าน !
กลุ่มนี้แบ่งลูกทัวร์ออกเป็น 4 กลุ่ม โดยใช้ริบบิ้นเป็นสัญญลักษณ์ผูกกระเป๋าสัมภาระเดินทาง
เพื่อความสะดวกในการจำ หนูหิ่ง ฯ อยู่ในกลุ่ม BUS 3 ริบบิ้นสีฟ้า (สีฟ้า น่ารัก ^_^)
แฮ่.... อย่างกะรู้เลยว่าหนูหิ่ง ฯ ชอบสีฟ้า เมี้ยว ๆ ๆ แถมยังได้รับแจกกระเป๋าสีฟ้าจากบริษัททัวร์อีกคนละ 1 ใบ
หนูหิ่ง ฯ เคยเจอพี่บอย ไกด์ที่น่ารักหลายครั้งแล้ว ก็ค่อนข้างสนิทกัน เห็นริบบิ้นมีเยอะ ก็นึกขึ้นได้
หนูหิ่ง ฯ " พี่บอย หนูขอริบบิ้นอีก 2 เส้นได้หรือเปล่าคะ "
พี่บอย " ได้สิ แล้วน้องจะเอาไปทำอะไรล่ะ "
หนูหิ่ง ฯ " ครือว้า.... จาเอาไปผูกผมค่ะ จาได้ไม่หายไงคะ ^_^ "
พี่บอย " ? ? ? ? "
พี่บอย " เอามาเซ็นต์รับกระเป๋าให้พี่ด้วยนะ "
หนูหิ่ง ฯ " ดั้ยค่ะ ^_^ ...... อ้าว !!!! พี่บอย ไหงงี้ล่ะคะ ? "
พี่บอย " อะไรน้อง ? "
หนูหิ่ง ฯ " ก็นี่ไง หมายเลข 25 หนูหิ่ง ฯ ไม่มีที่พัก แล้วนู๋จะทำไงล่ะ ? "
พี่บอย " เฮ้ย ! เป็นไปได้ไง ไหนดูสิ .... นี่เขาอ่านว่าไม่มีคู่พักตะหากล่ะ "
หนูหิ่ง ฯ " อ้าวหรอ แหะ ๆ ๆ ขออภัย นู๋อ่านผิดอ่ะ เมี้ยว ๆ ๆ "
โอ " เฮ้ย ไอ้หนูหิ่ง ฯ ทัวร์กรุ๊ปนี้ไปกันตั้ง 158 คน ไหงแกคนเดียวไม่มีคู่พักฟะ ? "
พี่อ้อ " นั่นสิ ตัวจริงก็ไม่มีคู่อยู่แล้ว นี่ขนาดไปเที่ยวยังไม่มีคู่อีกหรือเนี่ย ^_^ "
คณะทัวร์ " ฮา.... เจ๋งจริง เจ้าหน้าที่ทัวร์จัดห้องพักเหมือนรู้เลย ^_^ "
หนูหิ่ง ฯ " แง้ ๆ ๆ อย่าพูดเรื่องจริงดิ เศร้าอ่ะ *_~ "
' ฮึ่ม ! ฝากไว้ก่อนนะเจ้าโอ
20 เมษายน 2554 21:31 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
ปรกติแล้ว เมื่อไหร่ที่หนูหิ่ง ฯ มีเพื่อนสนิท หรือคนที่สนิท หนูหิ่ง ฯ จะบอกก่อนเสมอว่า....
ในอนาคตจะดุ.... จะด่า.... จะว่า.... อะไรก็ได้
แต่.... หนูหิ่ง ฯ ขอว่าอย่าพูด 2 คำนี้กับหนูหิ่ง ฯ เลย....
หนึ่งคือ * รำคาญ * อีกหนึ่งคือ * เบื่อ *
สาเหตุเพราะว่า เมื่ออดีตกาลนานมาแล้ว ตั้งแต่ตอนที่หนูหิ่ง ฯ ยังเล็กเป็นเด็กน้อย
พี่ชายหนูหิ่ง ฯ 3 คน พี่สาวอีก 3 คน ต่างก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว
และก็ตามประสาวัยรุ่น ชอบเที่ยว ชอบไปยิงนกตกปลา จนทำให้กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ
บางทีก็กลับเกือบสว่างแล้วตอนเช้าก็ขี้เกียจตื่น พ่อก็จะดุ แล้วพูดว่า
กลางคืนเป็นนกฮูก กลางวันเป็นผี อะไรประมาณนี้
พี่ ๆ เขาก็จะบ่นว่า.... รำคาญบ้าง เบื่อบ้าง
พ่อก็จะทำหน้างง ๆ เพราะว่าพ่อไม่รู้ภาษาไทย แต่พ่อก็คงรู้ได้โดยสันชาตญาณว่าพี่ ๆ ของหนูหิ่ง ฯ บ่นรำคาญและเบื่อ
หนูหิ่ง ฯ รับรู้ได้ว่าพ่อเสียใจ....
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา....
หนูหิ่ง ฯ ก็จะคอยปรามพี่ ๆ เสมอว่าอย่าพูดคำสองคำนี้ให้พ่อได้ยินอีก
เพราะเมื่อไหร่ที่พ่อได้ยิน หนูหิ่ง ฯ รับรู้ได้ว่าพ่อรู้สึกเสียใจมาก หนูหิ่ง ฯ ก็เสียใจด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อหนูหิ่ง ฯ สนิทกับใคร คบกับใคร หนูหิ่ง ฯ จอขอเสมอว่า....
อย่าพูดคำ 2 คำนี้กับหนูหิ่ง ฯ เลย....
เพราะเป็นคำที่หนูหิ่ง ฯ ไม่อยากได้ยิน
เพราะเป็นคำที่แสลงใจหนูหิ่ง ฯ มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
คำสองคำนี้หากพูดในเวลาที่หนูหิ่ง ฯ อารมย์ปรกติ ก็ดีไป แต่ถ้าเจอเวลาหนูหิ่ง ฯ สติแตก ก็ซวยไป
หลาย ๆ คนอาจมีหลาย ๆ คำที่ไม่ชอบ ต่างคนต่างจิตต่างใจ
หนูหิ่ง ฯ แค่อยากบอกให้รู้ว่าคำสองคำธรรมดา ๆ นี่แหละที่หนูหิ่ง ฯ ไม่ชอบมากที่สุด
9 เมษายน 2554 00:14 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
จากการออนเอ็มของคนสองคน พูดถึงนางร้ายหนึ่งคน
เสมือนฟ้า.... ที่ไร้ดาว VS เรื่องของความหลอกลวง
เดี๋ยวนี้ในบ้านกลอนมีพวกแปลกอย่างที่ว่า
สาว ๆ คนนึงเห็นพรีเซนต์ตัวเองจัง
ลงรูปตัวเอง เชื้อเชิญ ชวนเชิญจริง ๆ
ไม่รู้ว่าคิดยังไง คิดอะไร เหมือนเข้ามาหา...
เพื่อน ๆ ในบ้านกลอนหมั่นใส้กันเยอะ
เห็นว่าบ้านกลอนเป็นเฟสบุคละมั้ง
เพื่อนผู้หญิงในบ้านกลอนเธอบ่นให้ผมฟัง
ยังพูดกันเล่น ๆ กับผมเลยว่าให้ผมไปช่วยสงเคราะห์
ไม่ไหวหรอกครับ
ผมก็บอกเพื่อนผมอย่าไปว่ากัน
ถึงผมไม่หล่อ ไม่รวย ผมก็เลือกน่ะ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem139728.html
โอกาสสมหวังแบบกลอนที่เขียนมีสูง
น่าสงสารน่ะผมว่าคนแบบนี้
ผมสงสารเธอมากกว่า
ดูไม่มีทางไป ยังไงไม่รู้
มีคนที่หมั่นใส้เธอเยอะ ขอไม่เอ่ยชื่อดีกว่า
ไม่หรอก ไม่ใช่ไม่มีทางไป
แต่ยังไม่เลือกที่จะไปต่างหากล่ะผมว่า
หน้าก็โอเค รูปร่างก็ดี ไม่น่าทำแบบนี้
ผมไม่ชอบแบบนี้ ไม่ได้ว่าหรือดูถูกอะไรน่ะครับโลกทุกวันนี้การมีคู่นอนหน้าใหม่
ไม่ใช่ของแปลกแล้ว
หญิง ชายพบกันแค่คืนนึง อะไรก็เกิดขึ้นครับ
นี่ถ้าเอาลิงค์ไปแปะในเวป freesex เดี๋ยวก็เป็นเรื่อง
หรือพวกสลับคู่นอน อะไรแบบนี้
น่าสงสารไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
หนูหิ่ง ฯ อยากรู้.... ว่า....
ผู้ชายคนหนึ่ง สามารถพูดถึงผู้หญิงที่รักตัวเองได้ขนาดนี้เลยหรือ
ผู้ชายคนหนึ่ง เคยบอกรัก พอเลิกกัน พูดถึงกันในแง่ดีไม่ได้เลยหรือ
หนูหิ่ง ฯ อยากรู้.... ว่า....
ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยให้กัน ไม่มีค่าเลยหรือ.... ?
ความหวังดีที่เคยให้กัน ไม่เหลือเลยหรือ.... ?
หนูหิ่ง ฯ อยากรู้.... ว่า....
หนูหิ่ง ฯ มีสิทธิ์ที่จะได้รับคำขอโทษไหม.... ?
หนูหิ่ง ฯ มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ถึงคำว่าเสียใจไหม.... ?
หนูหิ่ง ฯ รู้สึก เศร้ามาก !
หนูหิ่ง ฯ รู้สึก เสียใจมาก !
หนูหิ่ง ฯ รู้สึก เสียความรู้สึกมาก !
หนูหิ่ง ฯ รู้สึก คิดไม่ถึง !
หนูหิ่ง ฯ รู้สึก ฯลฯ....
4 เมษายน 2554 06:41 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
ฉันรู้จักกับเธอก่อนงานแข่งขันกีฬาระหว่างหมู่บ้าน
เธอไม่ใช่คนในหมู่บ้านของฉัน แต่เป็นนักศึกษาภาควิชาการเกษตรของมหาวิทยาลัยในเมือง
ส่วนฉันยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในหมู่บ้านที่เธอมาฝึกงาน
ฉันได้รับเลือกให้เล่นกีฬาวอลเล่บอล รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี
พวกเราได้ไปฝึกซ้อมที่สนามกีฬาของโรงเรียนในตอนเย็นของทุกวัน
ส่วนเธอก็ได้เล่นกีฬาตะกร้อ เพราะนักกีฬามีไม่พอ
เธอและเพื่อน ๆ ก็เลยขอลงเล่นแทน
เธอเป็นคนหน้าตาดีมาก มีสาว ๆ ในหมู่บ้านชอบเธอกันหลายคน
รวมถึงสาวแก่แม่หม้ายด้วยนะ ในตอนนั้นเรายังไม่เคยคุยกันเลย
ฉันไม่รู้จักชื่อเธอด้วยซ้ำไป อีกอย่างฉันต้องรีบกลับไปช่วยแม่ขายของที่บ้าน
ก่อนการแข่งขัน 2 อาทิตย์ เธอและเพื่อน ๆ
ได้มาช่วยซ้อมให้แก่ทีมวอลเล่บอลหญิง
เธอรู้ไหมว่าฉันโกรธเธอมาก เพราะว่าเธอชอบตีบอลมาที่ฉัน
แรงเธอเยอะมากด้วย ฉันรับทีไรเจ็บมือทุกที ฉันต้องไปให้แม่นวดแขนให้ทุกวัน
ฉันคิดว่าเธอต้องเกลียดฉันแน่ ๆ เลย เธอถึงได้แกล้งฉันเจ็บ ๆ ทุกวัน
แรกเริ่ม เดิมที ที่พบ
ประสบ กับเธอ วันนั้น
รู้สึก เฉย เฉย ทุกวัน
ไม่หวั่น ไม่ไหว ในใจ
เคยโกรธ เธอบ้าง บางครั้ง
ที่พลั้ง ทำเจ็บ รู้ไหม
ไม่รู้ ว่าเพราะ อะไร
แต่ไม่ ค่อยกล้า ถามเธอ
* * * * * * *
ก่อนการแข่งขัน 1 วัน เรานัดซ้อมกันตอนเช้า
เพราะจะได้มีเวลาพักผ่อนในตอนเย็น
ฉันไปถึงสนามกีฬาก่อนใคร
ฉันรอเพื่อน ๆ ไม่นานนัก ฉันก็เห็นเธอเดินเข้ามาในสนาม
พร้อมดอกกุหลาบสีแดงในมือ 1 ดอก
เธอเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับยื่นให้
เธอรู้ไหมว่าฉันเอื้อมมือไปรับด้วยความมึนงง
แต่ก็ไม่กล้าถามเธอ ว่าเธอให้ฉันทำไม
เธอก็แปลกนะยื่นดอกไม้ให้ แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ
จนกระทั่งเพื่อน ๆ ของเธอมาถึง
เราก็เลยซ้อมเสริฟลูกไปพลาง ๆ ฉันกะว่าจะถามเธอหลังซ้อมเสร็จ
ว่าเธอต้องการจะฝากกุหลาบไปให้ใครหรือเปล่า
แต่ไม่ยักกะได้ถามแฮะ
เพราะว่าพอซ้อมเสร็จเธอก็ถูกเพื่อนเธอลากไปในตัวเมือง
ส่วนฉันก็กลับบ้านพร้อมกุหลาบแดง 1 ดอกของเธอ
เออ.......... จะทิ้งไปทำไมล่ะ ของสวย ๆ งาม ๆ
แถมยังหอมอีกด้วย
ฉันเอาไปใส่แจกันไว้ในห้องนอน
ตอนกลางคืนสบาย..............ฝันดี...............
กุหลาบสีแดง 1 ดอกของเธอส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทั้งคืน....
ตื่นเช้า รีบไป ฝึกซ้อม
ต้องยอม เนื่องด้วย หน้าที่
อยากเป็น นักกีฬา ที่ดี
จึงรี่ เร่งไป ก่อนใคร
พบเธอ ส่งกุ- หลาบมา
ทำหน้า งง งง สงสัย
ส่วนเธอ ไม่พูด อะไร
ยังไง กันนี่ งง งง
หลับซาบาย......... ทั้งคืน.............
* * * * * * *
วันนี้แล้วสินะ เป็นวันแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างหมู่บ้าน
สำหรับวอลเล่บอลหญิงมีแค่ 5 ทีมเท่านั้น
จึงใช้ระบบพบกันทุกทีม ชนะ 2 ใน 3 เซ็ท
ปรากฎว่าทีมของฉันแพ้ในรอบชนะเลิศ ได้อันดับที่ 2 มาครอง
หลังจากนั้นฉันกับเพื่อน ๆ ก็ไปเชียร์กีฬาชนิดอื่น ๆ
พอช่วงพักกลางวันฉันกับเพื่อน ๆ ก็ไปที่ร้านอาหาร
ฉันเห็นเธอกับเพื่อน ๆ นั่งทานขนมอยู่ในร้าน
ฉันเลือกที่นั่งที่หันหลังให้เธอ
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเธอ แต่.......
เธอกลับสกิดแขนฉันพร้อมทั้งยื่นซองขนมมาให้
แล้วพูดว่ารางวัลปลอบใจที่ไม่ได้ถ้วยชนะเลิศ เพื่อน ๆ ของเธอ ฮาตรึม
พร้อมทั้งแซวว่าน้องมีตั้งหลายคนทำไมเธอเจาะจงส่งขนมให้ฉัน
เธอรู้ไหมว่าตอนนั้นฉันอายมาก ไม่กล้าพูดกับเธอเลย
เพื่อน ๆ ของฉันก็แซวว่าส่งสัยเธอจะชอบฉันแน่ ๆ เลย
ไม่ได้เกลียดฉันอย่างที่ฉันเข้าใจ เพียงแต่เธออาจจะขี้อาย
ไม่กล้าแสดงออก หรือไม่เธอก็อาจจะเห็นว่าฉันยังเด็กเกินไป
ช่วงบ่าย ฉันและเพื่อน ๆ ได้ไปเชียร์ทีมตะกร้อชาย
เป็นการตอบแทนที่พวกเธออุตสาห์มาฝึกซ้อมให้
ช่วงก่อนการแข่งขัน ฉันกับเพื่อนยืนเชียร์อยู่ขอบสนาม
เธอมักจะมองมาทางเราบ่อย ๆ พวกเราเชียร์อย่างสนุกสนาน
เพราะทั้งทีมของเธอ และคู่แข่งฝีมือสูสีกันมาก
แต่สุดท้ายทีมของเธอก็แพ้ไปอย่างเฉียดฉิว
แต่เธอก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ฉันคิดว่าเธอคงจะมีน้ำใจนักกีฬาพอสมควรนะ
และแล้วฉันก็ต้องรีบกลับบ้านไม่ได้อยู่จนถึงพิธีปิดการแข่งขัน
ในตอนเย็นของวันนั้นมีสาวคนหนึ่ง (ฉันรู้สึกว่าเขาจะชอบเธอนะ)
ได้เลี้ยงฉลองรองชนะเลิศสำหรับทีมตะกร้อชาย
เพื่อนของฉันก็ไปด้วย แต่ฉันไม่ได้ไปเพราะต้องช่วยแม่ขายของ
เพื่อนฉันเล่าให้ฟังว่าเธอถามหาฉันใหญ่เลย
ฉันก็เลยบอกเพื่อนว่า ถามหาทำไมล่ะ แน่จริงก็มาหาที่บ้านเลยสิ
สงสัยเธอจะกลัวพี่ชายฉันมั้ง ก็เลยไม่กล้ามาหา
ฉันมีพี่ชายตั้ง 3 คน แต่ละคนตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลย
และแล้ว ก็ถึง วันแข่ง
ต้องแย่ง ชิงชัย ในสอง
ทีมฉัน ได้รับ ครอบครอง
เป็นรอง แชมป์ใน ครั้งนั้น
ทีมเธอ ก็รับ ที่สอง
เราต้อง พ่ายแพ้ แข่งขัน
น้ำใจ นักกีฬา มีกัน
แบ่งปัน ความสุข สู่ชุมชน
* * * * * * *
เช้าวันหนึ่ง ฉันกำลังทำงานบ้านอยู่
ก็มีรถกระบะคนหนึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้าน
และเห็นเธอกระโดดลงจากรถ
เธอเดินมาหาฉันในบ้าน เธอบอกว่าฝึกงานเสร็จแล้วนะ
และกำลังจะกลับบ้าน มีเพื่อน ๆ ในหมู่บ้านไปส่งกันหลายคน
เธอชวนฉันให้ไปส่งเธอที่ในเมือง
แต่ฉันไม่กล้าขออนุญาตแม่ ทั้ง ๆ ที่ใจฉันก็อยากเข้าไปในเมืองเหมือนกัน
แต่.... ถึงยังไงแม่ก็คงไม่อนุญาตอยู่ดี เธอก็เลยทำหน้าเศร้ากลับไป
ฉันได้แต่มองตามเธอและเพื่อน ๆ ของเธอที่โบกมือลาฉันจนรถลับสายตา
หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ข่าวคราวของเธอเป็นเวลานาน.........
จนกระทั่งวันหนึ่งฉันกลับจากไปเยี่ยมบ้าน
เพราะใกล้จะเปิดเทอม ๆ สุดท้ายของชีวิตนักเรียนมัธยมแล้ว
เพื่อนฉันมาบอกว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ เธอและเพื่อน ๆ กลุ่มเดิม
ได้มาที่หมู่บ้าน เธอได้ถามหาฉันด้วย
เพื่อนฉันบอกว่าดูท่าทางเธอจะเสียใจที่ไม่เจอฉัน
เธอได้ฝากที่อยู่ของเธอให้ฉัน เธอบอกเพื่อนฉันว่า
ถ้าฉันไม่ได้เกลียดเธอ ก็ให้ฉันเขียนจดหมายไปหาเธอบ้าง
ที่อยู่ของเธอฉันก็เก็บไว้เหมือนกันแหละ แต่สงสัยว่าจะเก็บไว้ดีเกินไปมั้ง
เก็บดีจนหาไม่เจอเลยไงล่ะ ^_^
หลังจากจบมัธยม 3 ฉันได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ฯ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน
บางครั้งตอนปิดเทอมฉันก็ทำงานพิเศษ
พอฉันกลับบ้านเพื่อนฉันบอกว่าช่วงปิดเทอมเธอมาที่หมู่บ้านของฉัน
เธอมักจะถามถึงฉันทุกครั้ง เพื่อนฉันบอกให้ฉันเขียนจดหมายถึงเธอ
แต่ฉันก็ไม่ได้เขียนเพราะว่าฉันทำที่อยู่ของเธอหายไปเสียแล้ว
เพื่อนฉันบอกว่าสงสารเธอนะ มาตั้งหลายครั้งแล้ว
แต่ไม่เคยเจอฉันเลยสักครั้งเดียว
ดูท่าทางเธอต้องชอบฉันแน่ ๆ เลย
เพื่อนฉันถามฉันว่าฉันคิดยังไงกับเธอ เกลียดเธอหรือเปล่า ฉันก็ตอบไม่ได้
ก็ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา
แต่ที่แน่ ๆ ฉันน่ะไม่ได้เกลียดเธอหรอกนะ
และแล้ว ก็ถึง วันลา
เดินหน้า ไปสู่ เมืองหลวง
ไม่มี คำสัญ - ญาลวง
เพียงดวง ตาบอก ความนัย
เนื่องด้วย ยังเล็ก เด็กนัก
มิรู้จัก ความรัก เป็นไฉน
ไม่เคย คิดและ สนใจ
เก็บไว้ เพียงความ ทรงจำ
* * * * * * *
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนกระทั่งฉันเรียนจบปวช.
เพื่อน ๆ ของฉันต่างก็แต่งงานกันไป มีลูกมีหลานกันเกือบหมดแล้ว
เพราะว่าในหมู่บ้านของฉันส่วนใหญ่จะแต่งงานเร็ว
แต่ฉันกลับไม่มีแฟนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าฉัน
เรียนแต่โรงเรียนสตรีมาโดยตลอดหรือเปล่า
จึงไม่ค่อยรู้จักผู้ชาย เพื่อนของฉันมักจะถามฉันว่ามีแฟนหรือยัง
หรือว่าฉันรอเธออยู่ ฉันเองก็ตอบว่าเปล่า
แต่ลึก ๆ ในใจนั้น ฉันยังคงคิดถึงเธอเสมอ
ฉันก็ยังคงตอบคำถามของเพื่อนฉันไม่ได้ว่าฉันคิดยังไงกับเธอ
อาจจะเป็นเพราะว่า ขณะนั้นฉันยังเด็กเกินไป
ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง
คงจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วมั้ง
ฉันก็ได้แต่หวังว่าเธอคงจะมีครอบครัวที่ดี
มีความสุขกับครอบครัว
ถ้าเธอยังพอจำได้ว่าเคยรู้จักเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ
หน้ากลม ๆ ตาโต ๆ ไว้ผมม้า
สมัยที่เธอฝึกงาน ณ หมู่บ้านบนดอย
ขอให้เธอรู้ไว้ด้วยนะ ว่า
เด็กหญิงคนนั้นในตอนนี้เป็นสาวแล้วนะ
แม้จะยังซนอยู่ก็ตาม ^_^
และก็ไม่ได้ไว้ผมม้าแล้วด้วย แต่
เปลี่ยนเป็นไว้ผมยาว ยาวมากเลยหละ
และแล้วก็กลับคืนมาเป็นผมสั้น และไว้ผมม้า เหมือนเมื่อตอนเด็ก ๆ อีกครั้ง
แต่ก็ยังคงความน่ารักใว้เหมือนเมื่อตอนเด็ก ๆ นะ จริง ๆ ^^"
ถ้าเจอกันอีกครั้งหนึ่งเธอต้องจำไม่ได้แน่ ๆ ฉันมั่นใจ
ปล.
อยากจะบอกเธอว่า หลาย ๆ เวลาที่คิดถึงยามยังเยาว์
เธอเป็นคนหนึ่งที่ฉันคิดถึงมาก คิดถึงมากจริง ๆ นะ *__~
28 มีนาคม 2554 16:17 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
ปรกติแล้วหนูหิ่ง ฯ จะให้รางวัลตัวเองเป็นการเดินทางท่องเที่ยวปีละ 1 ครั้ง
ไม่จำกัดสถานที่.... ในประเทศก็ได้ ต่างประเทศก็ดี ขอให้ฟรีไว้ก่อน คิก ๆ ๆ ๆ
เหตุผลที่ได้ไปฟรีเนื่องจากทำยอดตามเกณฑ์ที่บริษัท ฯ กำหนดให้มีการแข่งขันแต่ในละครั้ง
การเดินทางส่วนใหญ่จะไปกับกรุ๊ฟทัวร์ที่บริษัท ฯ จัดให้ ส่วนใหญ่จะเป็นกังวาลทัวร์
ในแต่ละครั้งก็มีคนทำเฟอะฟะ หน้าแตกเกี่ยวกับสถานที่พัก (โรงแรม 5 ดาว) เนื่องจากความไม่รู้
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หนูหิ่ง ฯ ได้ไปเที่ยวสิมิลัน - พังงา - ภูเก็ต
ทริปนี้ตัวแทนติดคุณวุฒิทั่วประเทศ 300 ที่ หนูหิ่ง ฯ ติด 2 ที่ ก็เลยพาคุณแม่ไปด้วย
คณะทัวร์ทั้งหมดเข้าพักที่โรงแรม 5 ดาวในภูเก็ต
แค่คืนแรกก็ได้เรื่อง....
เช็คอินเข้าที่พักเที่ยงคืนเศษ ๆ ต่างคนต่างเพลีย ต่างคนต่างง่วง เมื่อรับการ์ดแล้วก็ลากข้าวของไปห้องใครห้องมัน
หนูหิ่ง ฯ กับคุณแม่พักห้องที่อยู่ติดลิฟท์ ก็เลยถึงห้องก่อนใครเพื่อน
จัดแจงเสียบการ์ด เสียบ ๆ ๆ ๆ หลายรอบแล้ว ก็หมุนลูกบิดไม่ได้
ห้องหนูหิ่ง ฯ เปิดม่ายล่าย แง้ ๆ ๆ ๆ พี่ ๆ หลายคนมาช่วยเสียบ ๆ ๆ ๆ สอด ๆ ๆ ๆ ก็ยังเปิดไม่ได้ ท้ายสุดจำต้องเอาการ์ดไปเปลี่ยน
พอเปลี่ยนมาแล้วก็ยังเปิดไม่ได้อีก โหย.... โค - ตะ - ระ - เศร้า เลยค่ะ เพราะว่าง่วงสุด ๆ และเพลียสุด ๆ
กว่าจะเปิดห้องได้เปลี่ยนการ์ดไป 4 ใบ รอบแรกได้มา 2 ใบ ใช้ไม่ได้ทั้งคู่ ฮึ่ม ๆ แง่ง ๆ
เช้ามาได้อีกเรื่อง แฮ่.... อันนี้เฟอะฟะมาก อายเป็นที่สุด
กางเกงยีนส์ขาสั้น ! ซักแล้วก็กลัวจะไม่แห้ง พรุ่งนี้จะไม่มีใส่เล่นน้ำ
มองไปมองมาอ๊ะ ! มีเตารีด แต่ไม่ดี ๆ เพราะผ้ายังเปียก ๆ อยู่
ใส่เข้าไปในไอ้นี่ดีกว่า ด้วยความเข้าใจว่าเป็นเตาอบ ^_^ เรียบร้อย พรุ่งนี้ก็แห้ง
ชะ ! ตื่นเช้ามาจะเอากางเกงเพื่อเตรียมตัวไปเล่นน้ำต๊ะเล ที่ไหนได้....
เปิดตู้ม่ายล่าย ! ต้องโทร.ไปบอกโอปะเรเตอร์ตามช่างมาเปิดให้
ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ
หนูหิ่ง ฯ ก็เดินไปเปิดประตู แล้วก็เดินเข้ามา.... อ้าว ! ไหงช่างไม่ตามเข้ามา จำต้องเดินไปชะโงกดู
หนูหิ่ง ฯ : แฮ่.... เชิญค่ะ ครือว้า.... เปิดตู้ไม่ได้ค่ะ ช่วยเปิดหน่อยนะคะ
ช่าง : เอ็กคิวส์มี....
หนูหิ่ง ฯ : ฮ่อ ๆ ๆ ไม่ได้เป็นคนไทย สเน็ก ๆ ฟิช ๆ ฟุทฟิตฟอไฟ
แง้ ๆ ๆ ๆ ดั่งนรกชัง ฤาสวรรค์....แกล้ง ภาษาอังกฤษยิ่งเก่ง ๆ อยู่
ช่าง : จิ้มนั่น จิ้มนี่ ฟุท ๆ ฟิช ๆ สอน ๆ ๆ ๆ ๆ
หนูหิ่ง ฯ : ฮ่อ ๆ ๆ เปิดแล้วก็ไป ๆ ซะทีซิเฟ้ย ตูข้า ฯ อับอายขายหน้าจะแย่แล้ว
และแล้วหนูหิ่ง ฯ ก็ถึงบางอ้อ !
เจ้าตู้ที่เปิดนั้นหรือครือ.... ตู้เซฟ จ๊าก ! เฟอะเป็นที่สุด
มารู้ที่หลังว่าช่าง (หนุ่มหล่อ) คนนั้นหรือคือชาวอินโดนีเซีย
ทราบมาว่าโรงแรมในเมืองไทยมักจะจ้างชาวอินโดนีเซียหรือชาวฟิลิปปินส์ เนื่องจากค่าแรงถูกกว่าของเราเยอะ (เขาว่างั้นอ่ะค่ะ)
ส่วนเรื่องนี้ได้จากในรถ
สงสัยว่าลูกทัวร์ผู้ชายคงจะไปสุมหัวกันอยู่ที่ห้องใดห้องหนึ่ง สละห้องให้เด็ก ๆ นอนกับผู้หญิง
ปรากฎว่า.... ถึงเวลาอาบน้ำ....
คนที่อาบอยู่ในห้องน้ำก็อาบไป คนที่อยู่ในห้องนอน....นอกห้องน้ำมีอยู่ 3 คน
สองคนดูทีวี อีกคนเตรียมตัวอาบเป็นคนต่อไป เอ๊ะ ! นี่ตู้อะไร ? ? ?
สงสัยแล้วก็เลยลองเปิดดู.... ไอ้หยา ! ชีเปลือย !
ปรากฎว่าเป็นประตูห้องน้ำอีกหนึ่งประตู อย่างในรูปนี้ แง้ว ๆ ๆ ๆ
งานนี้ไม่ใช่แค่กุ้งยิง พี่เขาหาน้ำยามาล้างตาใหญ่ กลัวเป็นฉลามยิง
อ่ะจึ๊ย ! ทำไมไม่กินยาแก้อักเสบด้วยล่ะเพ่
เรื่องสุดท้าย เด็ดสุด !
ตอนเช็คเอ้าท์ ห้องหนูหิ่ง ฯ ไม่มีอะไร เช็คตามปรกติ
ดื่มเพียงน้ำเปล่าที่เขาให้ ขนม - นม - เครื่องดื่มต่าง ๆ ไม่แตะ
เพราะรู้ว่าขืนแตะ จ่ายบานแน่ ราคาเป็นหลายเท่าของข้างนอก
ข้าวของที่หยิบได้ทุกวัน.... คือ
1. ของที่ระลึกที่เขาวางไว้ให้บนเตียงนอน (ถ้ามี)
2. กระดาษ + ซองจดหมาย ปากกา หรือดินสอ (อันนี้หนูหิ่ง ฯ หยิบทุกครั้ง เอาไว้จดบันทึกเรื่องเล่าการเดินทางค่ะ)
3. กาแฟ ชา น้ำตาลเป็นซอง ๆ ที่เขาวางไว้ให้ รวมถึงไม้ขีด
4. สบู่ แชมพู และรองเท้าผ้าสำหรับใส่ในห้อง
นอกจากนี้ห้ามหยิบโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นท่านจะถูกชาร์ทตอนเช็คเอ้าท์
เช่น เครื่องดื่ม ในตู้เย็น ขนมขบเคี้ยว เหล้า แก้วน้ำ ตลอดจนผ้าขนหนู
หมายเหตุ : ซื้อมาคืนก็ไม่ได้ เนื่องจากเขาเช็คของในห้องวันต่อวัน ซื้อมาคืนก็ไร้บอยจ้า
ที่ประเทศญี่ปุ่นเด็ดสุด ๆ ครือว้า....
ข้าวของทุกอย่างในตู้เย็น ห้ามเคลื่อนที่โดยเด็ดขาด เพราะเขาใช้ระบบอินฟาเรดติดไว้ที่ตู้เย็น
หากท่านหยิบผ่านอินฟาเรดออกมาก็ถือว่าท่านต้องจ่ายตังค์โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีสิทธิ์แก้ตัวสักกะจี๊ดเดียว
ทีนี้มาเข้าเรื่องของโรงแรมนี้ต่อ....
น้องผู้ชายห้องอื่น ๆ ซนมาก ซนจนได้เรื่อง ซนจนต้องยืมตังค์เพื่อนมาจ่าย เพราะช็อปปิ้งไปหมดแล้ว อีกทั้งไม่คิดว่าจะมีค่าใช้จ่ายใด ๆ อีก
ตอนเช็คเอ้าท์ ต่างคนต่างได้รับบิลเรียกเก็บค่าดูทีวีช่องพิเศษ (ไม่ใช่ช่องปรกติ)
เวลาจะดูต้องเข้าไปที่เมนู แล้วกดนั่น กดนี่ กดนู่น กดโน่น
โชคดีที่หนูหิ่ง ฯ โลเท็กซ์ ลองกดดูแล้วเพราะมาม้าอยากดูทีวี แต่หนูหิ่ง ฯ ดันกดไม่เป็น มาม้าก็เลยอดดู ^_^
น้องคนหนึ่งดูหนังผู้ใหญ่จนจบเรื่อง จ่าย 700 ดูสองคนก็หาร 2
น้องอีกนึง กดไปเจอซูเปอร์แมนรีเทิร์น พอขึ้นไตเติลก็กดเปลี่ยนช่อง เพราะเคยดูแล้ว
แล้วก็ดันกดไปเจอซูเปอร์แมนรีเทิร์นอีกรอบ แล้วก็เปลี่ยนช่อง
ปรากฎว้า.... น้องคนนี้จ่ายไป 1,200 บาท โค - ตะ - ระ - ซวยเลย ดูก็ไม่ได้ดู
เสียตังค์ฟรีซะงั้น !
อันนี้น่าจะไปเก็บกะไกด์เนอะ ดันไม่บอกลูกทัวร์ก่อน รู้ทั้งรู้ว่า Bus นี้เป็นกระเหรี่ยงตกดอยกันทั้ง Bus
หนูหิ่ง ฯ ก็เกือบไปแล้วไหมล่ะ !
เนื่องจากหนูหิ่ง ฯ พกโน้ตบุ๊คไปด้วย แลมองเห็นในโรงแรมก็มีสายแลนต่อเน็ท
หนูหิ่ง ฯ ก็นึกดีใจว่าจะได้ท่องเน็ทฟรี.... ที่ไหนได้.... พอเสียบสายเข้าไป ข้อความก็ขึ้นมาดังนี้....
ชั่วโมงละ 300 บาท โอ้ ! จ๊อด ราคายอดมาก อย่าเล่นมันเลย *_~
ดีนะที่ข้าพเจ้าอ่านภาษาปะกิตออกบ้าง ไม่งั้นมีหวังโดนอานแหงม ๆ
ข้อควรระวังเรื่องน้ำร้อน - น้ำเย็น มิฉะนั้นท่านอาจจะกลายเป็นหมูถูกน้ำร้อนลวกก็ได้
สอบถามให้แน่ใจว่าสีไหนเป็นน้ำร้อน สีไหนเป็นน้ำเย็น หรือไม่ก็ลองเปิดเบา ๆ ทีละสี
แล้วก็เปิดน้ำเย็นก่อน ค่อย ๆ เปิดน้ำร้อนตามหลังให้อุ่นพอดีกับที่ต้องการ
เพราะน้ำร้อนในโรงแรมส่วนใหญ่จะร้อนแบบลวกมาม่ากะไข่กินได้เลยอ่ะค่ะ
เพราะงั้นเวลาไปเที่ยว ตปท.แบบเซฟ ๆ ควรอย่างยิ่งที่จะพกมาม่าไปเยอะ ๆ พร้อมกับชามและตะเกียบ
เพราะน้ำประปาที่ ตปท.เขากินได้จ้า ^_^
น้ำดื่ม !
มึนตึบ ! ซื้อน้ำมาขวดเบ้อเร่มเติ่ม พอเปิดขวดแล้วกินไม่ได้ เอ๊ะ ! น้ำอะไรฟระ
หนอยดันไปซื้อน้ำอัดแก๊สมา ไม่ดูตาม้าตราขวด ดื่มม่ายล่าย ต้องเปิดฝาทิ้งไว้ทั้งคืนให้แก๊สระเหยไปก่อน
บางประเทศเขาดื่มน้ำอัดแก๊ส : วอเตอร์วิสแก๊ส บางประเทศดื่มเบียร์แทนน้ำ โอ้.... ข้าพเจ้าแย่เลย
เจ้านายบอกว่า....
เวลาซื้อให้เบิ่งดูตราขวด : เรียลวอเตอร์ จึงจะได้น้ำเปล่าแบบบ้านเรา เซ็งเหมียวเลยกว่าจะได้ดื่มน้ำ
อีกอย่าง....
อย่าริไปดื่มน้ำมะพร้าวเลยทีเดียวเชียวววววววว เพราะคุณจะได้ดื่มมะพร้าวห้าวปั่นผสมน้ำเปล่า
ประมาณหางกะทิแต่มีกากด้วย แถมยังไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่เกลืออิ๊กต่างหาก ^_^
ภาษามือ....
เวลาไปร้านอาหารโปรดระวัง
ทางบ้านเราเวลาเรียกเก็บตังค์ จะใช้ภาษามือชี้มือที่โต๊ะแล้ววนเป็นวงกลม คือ.... เก็บตังค์ หรือเช็คบิล
แต่.... บางประเทศนั้น ท่านจะได้อาหารเหมือนเดิมทุกประการมาอีกหนึ่งชุด
อาจทำให้ท่านกระเป๋าฉีก หรือท้องแตกได้
ที่ประเทศญี่ปุ่น เด็กเสริฟพูดอังกฤษไม่ได้ (หรือพูดได้ แต่มานม่ายยอมพูด) เมนูอาหารก็ไม่มีภาษาอังกฤษ
แถมอาหารก็โค - ตะ - ระ แพงเลย เมื่อทุกท่านนั่งลงบนโต๊ะ ก็ถึงเวลาที่ต้องสั่งอาหาร
จงตกลงกันให้ดี ๆ สั่งอย่าให้เหมือนกัน แล้วก็มารับประทานรวม ๆ กัน
หากท่านชี้มั่ว ๆ ด้วยการดูจากราคา โดยพยายามชี้ที่ราคาถูกที่สุดในเมนู....
ท่านก็จะได้.... สารพัดซุป ไม่ว่าจะเป็น ซุปผัก ซุปเห็ด ซุปข้าวโพด ซุปเต้าเจี้ยว ฯลฯ
แล้วก็นั่งมองหน้ากันตาปริบ ๆ ๆ เมี้ยววววววววว เวง - กำ นี่แหละไม่ยอมจ้างไกด์ ไม่ยอมเสียตังค์
ประเภทเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย (ใช่ไหมเนี่ย)
ดังนั้นก่อนเดินทาง ควรศึกษารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มิฉะนั้น.... อาจถึงคราวอับจน (ปัญญา) เช่นนี้
จบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ท่านใดมีประสบประการณ์เกิน เกี่ยวกับการท่องเที่ยว มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
จะได้เก็บไว้เป็นบทเรียนในการเดินทางท่องเที่ยวครั้งต่อ ๆ ไปค่ะ