13 ธันวาคม 2544 14:24 น.
หิ่งห้อย
ความคิดที่จะได้ดั่งไฟเผา
ความคิดที่จะเอาใจเร่าร้อน
ความคิดที่จะให้ใจอาทร
ช่วยดับร้อนผ่อนคลายสบายใจ
ความคิดที่จะได้ทำลายสุข
เชื้อเพลิงลุกลามทรวงดวงไฟใหญ่
กองอัคคีที่จิตเป็นพิษภัย
แผดเผาไหม้ให้กระหายวุ่นวายเกิน
ความคิดที่จะเอาเผาตนเอง
เป็นมะเร็งเกาะกินสิ้นสรรเสริญ
เป็นโรคร้ายหายยากลำบากเกิน
สังคมเมินโลกหมิ่นสิ้นโสภา
ความคิดที่จะให้ใสสะอาด
ไม่เป็นทาสคอยตามกามตัณหา
โลกนิยมชมช่วยด้วยศรัทธา
เป็นดวงตรากาประทับอยู่กับใจ
โลกนี้สวยด้วยให้ไม่ใช่เอา
จงรู้เท่ารู้ทันกันดีไหม
ถ้าโลกนี้มีแต่เอาโลกเฉาตาย
ด้วยสิ้นสายเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน
มาสร้างโลกให้สวยด้วยการให้
มาฝึกใจฝึกจิตคิดสร้างสรรค์
มาสร้างโลกให้สวยช่วยเหลือกัน
มาสร้างฐานโลกใหม่ให้เลิศลอย
13 ธันวาคม 2544 11:16 น.
หิ่งห้อย
การเมืองวิกฤติจิตฟุ้งซ่าน
เห็นชาวบ้านเขาบ่นจนอื้อฉาว
แถมโยนโทษโจทย์จันกันเกรียวกราว
บ้างก็กล่าวแช่งชักนักการเมือง
มองดูรัฐสภาน่าหัวร่อ
บ้างยกยอท่านประธาน (บ้าง) พาลหาเรื่อง
พูดพาดพิงทิ้งท้ายระคายเคือง
ล้วนแต่เรื่องเคืองแค้นแสนหนักใจ
ต่างโต้ตอบญัตติตำหนิค้าน
ขอประธานอนุญาตไม่ขาดสาย
ต่างจะล่อขอด้วยช่วยอภิปราย
ต่างวุ่นวายในรัฐฯนัดประชุม
การเมืองวิกฤติหรือจิตแน่
ควรจะแก้อย่างไรภายในกลุ่ม
ประธานรอขอผลัดนัดประชุม
ในหนึ่งทุ่มประชุมต่อขอยกมือ
ได้เวลามาประชุมกลุ่มฝ่ายค้าน
ขอประธานอภิปรายเรียงรายชื่อ
ประธานสั่งให้นั่งรีบวางมือ
ให้เชื่อถือคือนั่งฟังประธาน
การเมืองวิกฤติเพราะจิตมนุษย์
หลงสมมุติบัญญัติจึงคัดค้าน
หลงลาภยศสรรเสริญเกินประมาณ
ปูพื้นฐานกันใหมให้การเมือง
(แล้ว นักการเมือง คิดใหม่ ทำใหม่ หรือยังอ่ะ อิอิ)
12 ธันวาคม 2544 22:48 น.
หิ่งห้อย
เวรกรรมอันใดนั่น มาบันดาลให้เจอน้อง
ให้พี่เจอเนื้อทอง ให้เราสองมีสัมพันธ์
ทั้งที่ฟ้ารู้ดี ว่าพี่นี้มีคู่มั่น
รักเราสามเส้าพลัน อย่างมหันต์พลันจากนาง
เวรกรรมอันใดเล่า รักสองเราต้องแรมร้าง
ต้องพลันมาหันหลัง ต้องเลิกร้างนองน้ำตา
ทั้งที่พี่แสนรัก แต่ต้องหักใจหนีหน้า
เวรกรรมอันใดหนา ต้องจำลาจำจากไกล
คงเคยร่วมทำบุญ ปางก่อนหนุนจุนเจือไว้
แต่ว่าบุญน้อยไป ชาตินี้ไซร้จึงทุกข์ตรม
เราพบกันเมื่อสาย คล้ายมีกรรมกั้นสุขสม
ต้องช้ำซานเซซม บุญไม่สมซมซานพลัน
จงคิดเสียเถิดว่า บุญทำมาร่วมแค่นั้น
ให้คลายทุกข์โศกศัลย์ เพราะสวรรค์กั้นทางใจ
รักซ้อนซ่อนชาตินี้ ชาติหน้ามีพี่ขอให้
รักน้องผุดผ่องใส หนึ่งดวงใจให้นางเดียว
12 ธันวาคม 2544 22:19 น.
หิ่งห้อย
ฝนหลั่งจากฟากฟ้า ร่วงลงมาสู่พื้นดิน
พี่น้องร่วมแผ่นดิน รองไว้กินที่ต่างกัน
จะใส่ตุ่มมังกร หรือโถทองผุดผ่องพรรณ
แต่ค่าน้ำฝนนั้น ล้วนแต่มันจากฟ้าเดียว
แล้วไฉนใยน้องพี่ จึงหลบลี้หนีไม่เหลียว
ทั้งที่ร่วมฟ้าเดียว กลับฉุนเฉียวทำชิงชัง
หรือเพราะเจ้างามงอน เห็นพี่นอนบนหญ้าฟาง
ดวงใจจึงเกลียดชัง รักจึงร้างห่างลางเลือน
ผู้คนในโลกนี้ คิดให้ดีคือผองเพื่อน
ใยน้องต้องแชเชือน มาบิดเบือนมาเคลื่อนคลาย
ไม่รักพี่ไม่ว่า แต่น้องยาอย่าผลักใส
แค่นี้ก็ช้ำใจ อย่าได้ไหมน้องหน้ามล
คุณค่าของน้ำใจ เปรียบได้ไหมกับน้ำฝน
คุณค่าใจของคน อยู่ที่คนเจ้าของใจ
12 ธันวาคม 2544 17:31 น.
หิ่งห้อย
ทุยเจ้าเอ๋ยโอ้หนอทุยเพื่อนข้า
เจ้าต้องพรากจากนาข้าไปไหน
เจ้ายืนบนสิบล้อห้อบึ่งไป
แต่ไฉนน้ำตาเจ้าจึงไหลนอง
โอ้ทุยเอ๋ยเจ้าไม่อยากจากไปหรือ
ข้าเห็นเจ้ายืนทื่อแล้วหม่นหมอง
ข้าไม่อาจช่วยไว้ได้แต่มอง
เห็นเจ้าร้องหมองเศร้าข้าเหงาใจ
โอ้ทุยเอ๋ยก่อนนี้เจ้ามีค่า
เจ้าช่วยเหลือชาวนาค่ายิ่งใหญ่
มาบัดนี้เขาไล่เจ้าหนีไกล
เขาได้ใหม่คือรถไถ...ไม่การุณ
ควายเจ้าเอ๋ยเคยร้องไห้เสียใจไหม
เขาต้อนเจ้าไปไว้ที่ใต้ถุน
เขาเฆี่ยนตีไม่เมตตาแสนทารุน
เรื่องบุญคุณเขาไม่คิดแม้นิดเดียว
ควายเจ้าเอ๋ยเคยได้รับทรัพย์บ้างไหม
คนเขาใช้แรงเจ้าจนข้าวเขียว
เขาเคยแบ่งให้ไหมสักใบเดียว
เขาให้เคี้ยวฟางแห้งค่าแรงงาน
คนเอาข้าวเจ้าเอาฟางเป็นรางวัล
เขาทำกันเช่นนี้มีทั่วบ้าน
เขาเลี้ยงเจ้าเอาไว้เพื่อใช้งาน
หากเกียจคร้านงานช้าเขาด่าตี
บุญคุณเจ้าช่วยชาวนามหาศาล
ได้ไถหว่านมีข้าวกินทั่วถิ่นที่
จะมีใครมองควายในแง่ดี
ใจคนนี้ยากรู้สึกระลึกคุณ