8 ธันวาคม 2544 12:43 น.

ธรณีกรรแสง

หิ่งห้อย

โลกไร้ป่าฟ้าไร้แสงแห่งสุรีย์ 
แม่ธรณีกำสรดหมดความหมาย 
แม่ธรณีกรรแสงเหือดแห้งตาย 
มวลแมกไม้มลายหมดรันทดใจ 

สีเขียวสดหมดสิ้นแผ่นดินแม่ 
วิกฤติแท้แม่บ่นทนไม่ไหว 
พิรุณงดหยดหยาดราดดวงใจ 
อุทกภัยไหลส่งผงธุลี 

แม่ธรณีโศกาป่าไม้เอ๋ย 
จงชดเชยช่วยแม่แต่บัดนี้ 
พฤกษาพันธุ์จงแผ่แม่ธรณี 
เขียวขจีทวีวัฒน์ขจัดภัย 

ธรณีอาพาธขาดพฤกษา 
ธรณีโศกาน้ำตาไหล 
ธรณีกระอักเลือดเดือดเป็นไฟ 
อาการไข้เข้าขั้นสั่นสะเทือน 

ธรณีกรรแสงแรงละห้อย 
เป็นแผลรอยรุมเร้าเขาเชือดเฉือน 
เหล่าหมอยาหน้าไหนไม่มาเยือน 
แม่ตักเตือนเขาตอบโต้โถธรณี				
8 ธันวาคม 2544 12:14 น.

ไม่ถือ

หิ่งห้อย

ไม่ถือผิดอิจฉาพาเหหัน
ไม่ถือชั้นวรรณะชำระล้าง
ไม่ถือดีมีมิตรสนิทวาง
ไม่ถือหางวางใจให้พอดี

ไม่ถือผิดคิดทำระยำชั่ว
ไม่ถือตัวมัวอ้างวางศักดิ์ศรี
ไม่ถือโทษโกรธท่านนั้นถูกดี
ไม่ถือมีงี่เง่าเจ้าอารมณ์

ไม่ถือสิทธิ์อิทธิพลคนแตกแยก
ไม่ถือแปลกแหวกแนวแล้วทับถม
ไม่ถืองามตามเป่าเขานิยม
ไม่ถืองมถืองายอายฟ้าดิน

ไม่ถือเอาเท่านั้นมันไม่หนัก
ไม่ถือรักถือใคร่ให้ถวิล
ไม่ถือโชคถือลางอ้างฟ้าดิน
ไม่ถือกินนินทาลักพาเอา

ไม่ถือเช้าถือสายให้ขัดข้อง
ไม่ถือพ้องของตนจนอื้อฉาว
ไม่ถือทำลำเอียงใช้เสียงเอา
ไม่ถือเอาเบาใจไม่รำคาญ

ไม่ถือคือทำใจให้หนักแน่น
ไม่ถือทำลำเอียงเพียงสงสาร
ไม่ถือดีเพียงทำตามกมลมาลย์
ไม่ถือคือประสานความกลมเกลียว				
7 ธันวาคม 2544 21:50 น.

นิราศป่า

หิ่งห้อย

เดินเข้าดงพงป่าพนาไพร 
เสียงหรีดหริ่งเรไรก้องไพรสน 
เสียงนกแสกดังคล้ายกับเสียงคน 
ฟังแล้วชวนให้ขนลุกเป็นแนว 

เสียงนกเขาจับคู่แล้วคูขัน 
เสียงนกเอี้ยงประชันขันเจื่อยแจ้ว 
นกกระจอกตัวน้อยก็คอยแซว 
นกอีแซวนอนหลับกับนกยูง 

เจ้างูเห่าขู่ฟู่ดูเหมือนทัก 
จึงรีบหักหน้าเมินดูเบื้องสูง 
เห็นชะนีห้อยโหนบนต้นยูง 
เจ้าไม่กลัวความสูงเลยหรือไร 

ครู่ต่อมาอีกาเจ้าร้องขึ้น 
ช้างเฒ่าฝืนยืนกายขึ้นจนได้ 
ร้องถามกาว่าเจ้าเป็นอะไร 
การ้องให้เสียใจบอกไร้รัง 

นกกาเหว่าเสียงเศร้าเข้ามาหา 
แล้วพูดจาปลอบใจให้ความหวัง 
บอกเจ้ากาหากว่าเจ้าไร้รัง 
จะทำบุญสักครั้งให้รังนอน 

เจ้าช้างเฒ่าหัวเราะร่าจนตาหยี 
บอกว่าเจ้าทำดีที่พลีขอน 
ให้กับกาที่ไร้ซึ่งรังนอน 
อุทาหรณ์สอนจิตคิดแบ่งปัน 

มองดูเพลินเกินไปไม่รู้ว่า 
เป็นเวลาเท่าใดในคราวนั้น 
เห็นเจ้านกแขกเต้าเคล้าคลอกัน 
จึงกลับหันหน้าเดินเพลินพฤกษ์ไพร 

เห็นกระยางสีขาวเจ้าเฝ้าสระ 
ไม่ลดละจับปลามาจนได้ 
จงอยปากยาวยาวสาวเรื่อยไป 
จับปลาได้ทำกระหยิ่มยิ้มให้ตน 

นกเป็ดน้ำบินข้ามเขาฝั่งโน้น 
เพื่อมายลน้ำไสในป่าสน 
นกพิราบฝูงใหญ่ใจร้อนรน 
จึงดั้นด้นทนฝ่ามาเหมือนกัน 

กระต่ายน้อยคอยดูอยู่ไม่ห่าง 
ส่วนเจ้ากวางทำกร่างกับสมัน 
ประกาศก้องที่นี่เป็นของมัน 
ทำก๋ากั่นสมันน้อยต้องถอยไกล 

เต่าต้วมเตี้ยมเตาะแตะแสยะยิ้ม 
หลับตาพริ้มยิ้มยวนชวนสงสัย 
เจ้าหมีควายจึงได้ร้องออกไป 
ถามความนัยเหตุใดจึงยิ้มยวน 

เต่ายิ้มเยาะแล้วก็หัวเราะร่า 
นกกระทาตัดหน้าร้องด่าสวน 
กระรอกน้อยคอยบนต้นลำดวน 
เต่ายิ้มยวนตาเยิ้มเพิ่มเลศนัย 

เจ้านกแก้วหวานแหววดูแกล้วกล้า 
โฉบลงมาฝ่าวงลงจนได้ 
บอกเจ้าเต่าให้รีบเอ่ยความนัย 
ไม่งั้นไซร้คงได้มีเรื่องกัน 

ดูเจ้าเต่าตัวน้อยค่อยคิดได้ 
จึงขยายเรื่องราวที่น่าขัน 
ว่าชาวโลกล้วนแต่แก่งแย่งกัน 
ต่างห้ำหั่นหันหน้าแล้วท้าชน				
7 ธันวาคม 2544 21:36 น.

ลำนำคำห่วงใย

หิ่งห้อย

เสียงขับกล่อมลำนำคำหวานแว่ว 
ฝากลมแผ่วพลิ้วไหวในเวหา 
ฝากไปกับสายลมพรมพัดพา 
ฝากถึงน้องแก้วตาคราห่างไกล 

เสียงขับกล่อมลำนำเพื่อย้ำฝาก 
แม้นยามพรากจากกันอย่าหวั่นไหว 
ความทรงจำย้ำจิตคิดห่วงใย 
ให้เธอเดินก้าวไปในเส้นทาง 

เสียงขับกล่อมลำนำซ้ำอีกหน 
ให้อดทนด้นดั้นสิ่งกั้นขวาง 
แม้หมอกมัวมืดมิดปิดรายทาง 
จะส่องใจใสสว่างให้ทางเธอ 

เสียงขับกล่อมลำนำย้ำก่อนจบ 
เราจะพบกันนั้นมั่นเสมอ 
หากมองฟ้าเห็นดาวพราวพะเรอ 
นั่นแหละเธอคือตาฉันนั้นมองมา				
7 ธันวาคม 2544 21:21 น.

หากรัก

หิ่งห้อย

**หากเปรียบรักสะพรั่งดั่งดอกไม้ 
คงสดใสชะโลมโลกที่โศกศัลย์ 
หากเปรียบรักนั้นเด่นเช่นตะวัน 
คงสีสันสดสวยช่วยโลกงาม 

**หากเปรียบเทียบรักนั้นเหมือนจันทร์ส่อง 
คงไม่หมองดวงใจไม่หวั่นหวาม 
หากเปรียบรักดุจดาววาววับวาม 
คงสวยงามตามส่องสู่ห้องใจ 

**หากเปรียบรักใสเย็นเช่นแม่น้ำ 
คงชุ่มฉ่ำชื่นจิตพิศมัย 
หากเปรียบรักดั่งฟ้านภาไกล 
คงโอบไออุ่นรักประจักษ์ทรวง 

**หากเปรียบรักมีอยู่เช่นภูผา 
คงไม่หวั่นอุราหนาแน่นสรวง 
หากเปรียบรักดั่งดินถิ่นทั้งปวง 
คงเฝ้าห่วงรองรับรักนิรันดร์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อย
Lovings  หิ่งห้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อย
Lovings  หิ่งห้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อย
Lovings  หิ่งห้อย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหิ่งห้อย