11 ธันวาคม 2544 15:50 น.
หิ่งห้อย
ดุ่มดุ่มเดินดั้นด้นบนทางเปลี่ยว
ตัวคนเดียวเที่ยวแข่งแสวงหา
ด้วยจิตตั้งหวังไว้ในมรรคา
แก้ปัญหาทางใจให้เห็นทาง
ดำริแรกแตกหน่อเลือดพ่อเข้ม
เพื่อเติมเต็มชีวิตบ่คิดหมาง
หวังสร้างชื่อของตนบนเส้นทาง
หวังสล้างสละสลวยด้วยแสงทอง
พเนจรหมอนหมิ่นจากถิ่นฐาน
แหล่งตำนานบ้านเราเข้าลัดล่อง
แบกความฝันโอ่อ่ามาประลอง
กล้าผยองร้องกู่สู้ชะตา
มีชีวิตสู้ทนบนทางเปลี่ยว
ทางเลาะเลี้ยวเคี้ยวคดกำหนดหา
มีตะวันจันทร์ผ่องส่องนำพา
เพื่อค้นหาฝันมีที่นิรันดร์
เส้นทางก้าวยาวไกลไปสุดหล้า
เขตขอบฟ้าไกลเกินจะเชิญฝัน
แต่ไกลแสนสุดตาจะฝ่าฟัน
ให้ลือลั่นฝันนี้มีคนจอง
9 ธันวาคม 2544 19:26 น.
หิ่งห้อย
หรือว่าลืมตำนานม่านฟ้าสาง
หรือว่าลืมหนทางจึงจางหาย
หรือว่าลืมแดนดินถิ่นเกิดกาย
หรือว่าลืมความหมายสายสัมพันธ์
หรือสิ้นแล้วสายใยใต้สำนึก
หรือมัวตรึงนึกถึงซึ่งความฝัน
หรือเจอหลากขวากหนองต้องฝ่าฟัน
หรือไหวหวั่นอันใดไม่ย้อนมา
หรือว่ามัวหลีกเลี่ยงคิดเบี่ยงบ่าย
หรือแหนงหน่ายทรนงในวงศาย์
หรือผูกเหน็บเจ็บแสบแปลบอุรา
หรือเหว่ว้าระอาใจในกมล
หรือว่านึกย้อนรอยแล้วน้อยจิต
หรือชีวิตตกอับคิดสับสน
หรือชีวิตขัดข้องต้องอดทน
หรือเกลือกกล่นกลัดกลุ้มร้อนรุ่มใจ
หรือตกอับทรัพย์จ่ายรายได้น้อย
หรือท้อถอยคอยแต่แค่อาศัย
หรือต่อสู้อยู่ย้ำระกำใจ
หรือปล่อยกายปล่อยใจให้เป็นพาล
หรือปกปิดชีวิตเศร้า..เอาใจสู้
หรือเพียงอยู่อยู่ไปไร้หลักฐาน
หรือหมกมุ่นชีวิตด้วยกิจการ
หรือจุ้นจ้านจับเจ่าเมากามา
หรือวางแผนพัฒนาอนาคต
หรือเก็บกดกัดฟันหมั่นศึกษา
หรือชอกช้ำน้ำใจใยไม่มา
หรือลืมว่าข้านี้มีแม่พ่อ
สิ้นกระแสสื่อสารมานานแล้ว
สิ้นวี่แววแนวคิดการติดต่อ
สิ้นกระแสสายใยกลั้นใจรอ
อกแม่พ่อขอเพียงเห็นก็เป็นสุข
กลับมาบ้านสานใยให้เหนียวแน่น
กลับมาแคว้นแดนเราเร้าปลอบปลุก
กลับมาดูพ่อแม่แก่เป็นทุกข์
กลับมาปลุกความรักรักบ้านเรา
8 ธันวาคม 2544 20:09 น.
หิ่งห้อย
ยิ่งใหญ่ใช่คับฟ้า ธานี
ยิ่งยงคงฤดี ใหญ่ยิ่ง
หยาบหยามย่ำคนนี้ หาใช่ ใหญ่ยง
หยิบยื่นหยาดใจสิง สู่ใจ ใหญ่จริง
ยิ่งใหญ่ในดวงจิต ประชา
ใจกว้างอย่างธารา สนาน
ใหญ่ยงคงยิ่งกว่า กระเดื่อง
ยื่นจิตคิดสงสาร ยิ่งใหญ่ หยัดยง
8 ธันวาคม 2544 12:57 น.
หิ่งห้อย
มองดูเดือนเคลื่อนคล้อยลอยละล่อง
แสงเรืองรองส่องมาฟ้าสดใส
ดวงดาราพราวฟ้านภาลัย
มองเห็นดาวลูกไก่อยู่ไกลตา
มองดูเดือนเคลื่อนคล้อยลอยละลิ่ว
อยู่เหนือทิวยอดไม้ไผ่ใบหนา
เดือนงามเด่นเช่นนี้มีนานมา
ประดับฟ้าให้เห็นเย็นกมล
มองดูเดือนเคลื่อนคล้อยลอยลงต่ำ
ฟ้าเริ่มนำความมืดมิดปิดไพรสณ
ลมสงัดพัดโบกโยกลมบน
นำผู้คนในหล้าลาหลับไป
มองดูเดือนเคลื่อนคล้อยลอยลับล่วง
เข้าสู่ห้วงนิทราพาหลับไหล
ดาวดวงเด่นนานาลาลับไป
คงเหลือไว้แต่เพียงความเงียบงัน
มองดูเดือนไม่เห็นเดือนเลื่อนเคลื่อนคล้อย
ใจฉันพลอยหงอยเหงาเศร้าโศกศัลย์
คิดถึงใครคนหนึ่งซึ่งไกลกัน
ไม่เห็นหน้าจอมขวัญฉันระทม
มองดูเดือนจนเดือนเลือนลับฟ้า
ป่านนี้เจ้าขวัญตาคงสุขสม
ปล่อยให้พี่เปลี่ยวเหงาเศร้าระทม
ปล่อยให้ซมซานเศร้าเหงาชีวัน
มองดูเดือนถึงเดือนจะลาลับ
เหมือนเธอลับตาไปไม่กลับหัน
แม้เดือนดับยังกลับย้อนมาพลัน
แล้วใยเจ้าจอมขวัญไม่กลับ
8 ธันวาคม 2544 12:43 น.
หิ่งห้อย
คลื่นกลอกระลอกซัดเจ้ามัจฉา
สายธาราขุ่นข้องไม่ผ่องใส
ธารระทมล้มป่วยด้วยมือใคร
ที่เคยใสกลายเศร้าเขม่ามัว
มัจฉาว่ายตายหมู่ดูแล้วเศร้า
ธาราเน่าเขม่าปนระคนทั่ว
สกปรกตกค้างช่างน่ากลัว
เขียวขุ่นมัวทั่วทิศติดต่อกัน
วารีบ้ามัจฉาบ่นทนไม่ไหว
จะมีใครไหนบ้างริสร้างสรรค์
มัจฉาหนีวารีป่วยช่วยเหลือกกัน
ขืนนานวันอาการหนักจักหมองมัว
มัจฉาหนีวารีช้ำแสนลำบาก
จึงของฝากสำนวนโดยถ้วนทั่ว
อย่ามักง่ายบ่ายเบนเห็นแก่ตัว
ถ้ายังมัวแต่ประมาทอาจสายเกิน