14 กุมภาพันธ์ 2545 23:16 น.
หิ่งห้อย
น้ำค้างพราวพร่างพรมลมหนาวโยก
น้ำตาโศกโขลกใจจนไหวสั่น
หนาวเหน็บเนื้อนั่งนึกถึงคืนวัน
ที่ผ่านผันวันเดือนที่เคลื่อนคลา
เดือนสกาวดาวพร่างกลางห้วงหาว
ดารดาษแวววาวพราวเวหา
ฟ้าสดใสแต่ใจหม่นกล่นน้ำตา
คิดถึงวันเวลาที่ล่วงเลย
เคยสนุกสุขสันต์วันเก่าก่อน
เคยหนาวร้อนทุกข์ใจไม่วางเฉย
คิดถึงถิ่นสุขสันต์วันเราเคย
ได้เฉลยความนัยให้กันฟัง
คืนเหน็บหนาวดาวพร่างน้ำค้างร่วง
โอบรัดรวงข้าวหล่นบนความหวัง
ลมกระบัดพัดพลิ้วลิ่วใบบัง
หนาวโถมถั่งคนเหว่ว้าในราตรี
14 กุมภาพันธ์ 2545 23:16 น.
หิ่งห้อย
เจ้าร้องเพลงเสียงเพราะเสนาะหู
เสียงที่หลั่งพรั่งพรูดูสุขสันต์
หวานหวานซึ้งตรึงใจในชีวัน
ทำพี่นั้นพลันนิ่งยิ่งอยากฟัง
เสียงใสใสเจื่อยแจ้วดูแกล้วกล้า
หัวเราะร่าไร้แววตาว่าผิดหวัง
ใจแกร่งดังภูผายืนท้าพลัง
อ่อนเย็นดังธารใสในสายชล
แต่พี่รู้ใจเจ้าเศร้าเพียงไหน
ที่เก็บซ่อนภายในไม่ให้ล้น
เจ้าหนาวเหน็บเจ็บทรวงดวงกมล
แม้ทุกข์ล้นทนได้ไม่หวั่นเกรง
พี่จะอยู่คอยเตือนเป็นเพื่อนเจ้า
ให้คลายเศร้าเหงาตรมไม่ข่มเหง
จะคอยฟังเสียงน้องร้องบทเพลง
จะคอยเร่งให้กินยาถ้าไม่สบาย (และอื่น ๆ อีกมากมาย)
14 กุมภาพันธ์ 2545 23:02 น.
หิ่งห้อย
พี่คิดถึงคิดถึงและคิดถึง
พี่คิดถึงเฝ้ารำพึงคะนึงหา
พี่คิดถึงคิดถึงเจ้าขวัญตา
พี่คิดถึงห่วงหาและอาทร
พี่อยู่ไกลแต่ใจเหมือนอยู่ใกล้
พี่เฝ้าห่วงขวัญฤทัยไม่ถ่ายถอน
พี่อยู่ไหนดวงใจใฝ่อาทร
พี่ฝากกลอนแทนใจให้นุชนาง
พี่ถอดใจใส่อักษรเป็นกลอนเข้า
พี่ฝากเจ้าไว้อ่านกาลเหินห่าง
พี่ฝากไว้ใกล้ใกล้ฤทัยนาง
พี่ฝากไว้อย่าหายห่างจากกลางใจ
พี่อยู่ไกลอยู่ไหนใจยังคิด
พี่ไม่ริดรอนร้างห่างไปไหน
พี่ยังมองท้องฟ้าทุกคราไป
พี่ยังฝากความห่วงใยให้ฟ้านำ
พี่ขอฝากดารา บนฟ้ากว้าง
พี่ฝากถึงนวลปรางค์ทางแขขำ
พี่ฝากเดือนเพื่อนหาวดาวเจ้านำ
พี่ฝากคำห่วงใยให้เจ้าเอย
17 มกราคม 2545 22:04 น.
หิ่งห้อย
ขอเกริ่นกลอนสด ทดแทนคุณแม่
บรรเลงเพลงแหล่ เริ่มแต่เบื้องต้น
แม่ให้กำเนิด เกิดมาเป็นคน
แต่แรกเริ่มต้น ทนทรมาน
ลูกถือกำเนิด เกิดในครรภ์แม่
หนาวร้อนอ่อนแอ แม่เบื่ออาหาร
ง่วงเหงางัวเงีย เสียการเสียงาน
เป็นลมซมซาน สังขารซีดเซียว
หมูเห็ดเป็ดไก่ แม่ไม่อยากทาน
จำพวกอาหาร อยากทานของเปรี้ยว
ลอดช่องของหวาน แม่ทานนิดเดียว
ผักดองของเปรี้ยว เที่ยวหามาทาน
แรกแม่ตั้งครรภ์ มันแสนลำบาก
วาบหวิวหิวอยาก ปากปรุงฟุ้งซ่าน
ฟักมะขามดิบ แม่หยิบใส่จาน
แพ้ท้องต้องการ อาหารโอชา
พอเดือนที่สอง ท้องแม่อึดอัด
เค็มจัดเผ็ดจัด แม่ปรารถนา
แต่ไม่กล้ากิน สิ้นรสโอชา
ด้วยความเมตตา ลูกอยู่ในครรภ์
ลูกแม่ในท้อง เหมือนฟองสบู่
แม่หลับตาดู รู้เห็นเช่นนั้น
ด้วยความพันผูก ลูกแม่ในครรภ์
ประคองป้องกัน นับวันเดือนปี
จะลุกจะนั่ง ระวังตัวไว้
แม่เอาใจใส่ ให้เป็นราศรี
แม่คอยสังเกต เมตตาปราณี
ในครรภ์แม่นี้ มียอดยาใจ
พอเดือนที่สาม เกิดความคลื่นเหียน
ตื่นมาอาเจียน เวียนหน้าตาลาย
วาบหวิวชอบกล ทุรนทุราย
กระสับกระส่าย น้ำลายกระเซ็น
ที่เคยกินได้ กลับกลายจืดชืด
พะอมพะอืด ฝืดคอพอเห็น
รสไม่ถูกปาก ทานยากทานเย็น
ที่หอมกลับเหม็น แม่เป็นอาการ
พอเดือนที่สี่ แม่นี้หิวอยาก
ระกำลำบาก อดอยากอาหาร
หิวไม่ได้กิน ดิ้นรนทนทาน
ผักดองของหวาน ทานได้ทานดี
แม่รับประทาน อาหารตามอยาก
ขบเคี้ยวเปรี้ยวปาก อยากชิมอิ่มหมี
แม่รู้แก่ใจ ไม่ให้เกินดี
ในครรภ์แม่นี้ มีเยาวมาลย์
ดื่มกินระวัง นั่งนอนระแวง
ขนมต้มแกง ระแวงอาหาร
เกรงลูกในครรภ์ นั้นทรมาน
รักเยาวมาลย์ ปานหนึ่งดวงใจ
พอเดือนที่ห้า มารดาอุ้มท้อง
แม่คอยประคอง อุ้มท้องหมองไหม้
ใจแม่จดจ่อ ขอให้ปลอดภัย
ห้าเดือนเคลื่อนไหว ให้ทุกข์ระทม
นั่งยืนตื่นเต้น เห็นภาพทารก
แม่คอยป้องปก หัวอกขื่นขม
เลือกกินของดี เผื่อมีน้ำนม
อดออมตรอมตรม ขมเปรี้ยวเคี้ยวกลืน
พอเดือนที่หก ทารกในครรภ์
โตคืนโตวัน แม่ทานทนฝืน
เคลื่อนไหวไปมา เวลาเดินยืน
ทั้งวันทั้งคืน ตื่นเต้นเห็นภัย
เจ้าดิ้นในครรภ์ วันแล้ววันเล่า
เผ็ดแสบหรือเปล่า แม่เฝ้าสงสัย
อาหารรสจัด แม่ตัดออกไป
ผัดเผ็ดเป็ดไก่ หิวไม่กล้ากิน
อดอยากปากแห้ง ระแวงลูกรัก
น้ำพริกจิ้มผัก ฝักอ่อนกระถิน
ขิงข่าตระไคร้ แม่ไม่กล้ากิน
ใส่พอดับกลิ่น กินได้ลงคอ
พอเดือนที่เจ็ด เหน็ดเหนื่อยเมื่อล้า
ลุกขึ้นมึนชา ไม่น่าเลยหนอ
ประคองท้องแก่ แม่ตั้งตารอ
แม่ไม่เคยท้อ รอคลอดปลอดภัย
สู่เดือนที่แปด แดดร่มลมตก
ลูกยาทารก แม่ปกป้องให้
สู่เดือนที่เก้า ให้เจ้าปลอดภัย
ลูกน้อยกลอยใจ จงไร้โรคา
จวบจนวันคลอด ยอดรักของแม่
ต่อสู้ดูแล แม่ปรารถนา
ดวงใจแม่นี้ มีแต่เมตตา
หัวอกมารดา เปี่ยมค่าปราณี
กว่าแม่จะคลอด ยอดรักของแม่
ประคองท้องแก่ เหลือบแลหาที่
แม่ปวดรวดร้าว เจ้าไม่ปราณี
คลอดเจ้าคราวนี้ มีแต่น้ำตา
ปวดแน่นปวดหนัก ชักงอคอตั้ง
อัดอั้นสันหลัง ครวญครางข้างฝา
ปวดเหน็บเจ็บหนอ ขอภาวนา
เจ้าคลอดออกมา จงอย่ามีภัย
แม่เจ็บแม่ทน จนถึงสุดท้าย
เนื้อหนังร่างกาย มุ่งหมายเอาไว้
เพื่อเจ้าเท่านั้น สำคัญกว่าใคร
แม่ยอมยกให้ ด้วยใจปราณี
นาทีสุดท้าย หายใจไม่ทั่ว
ความรู้สึกตัว มืดมัวตอนนี้
สลบไสล ไม่สมฤดี
ฟื้นมาอีกที แม่นี้ชื่นใจ
ได้ยินอุแว้ ใจแม่ระทึก
ฟังดูรู้สึก แม่นึกสงสัย
แม่รักแม่ห่วง ลูกดั่งดวงใจ
ฉับพลันทันใด แม่ไม่รั้งรอ
ประคองกอดจูบ ลูบไล้ไปมา
โอ้ลูกแม่จ๋า น่ารักจริงหนอ
กอดกกอกแนบ แอบน้ำตาคลอ
ด้วยใจจดจ่อ แม่รอมานาน
ยิ้มทั้งน้ำตา ว่าแม่รักลูก
รักมั่นพันผูก ลูกหรือคือฐาน
รักแท้แม่ห่วง ดวงเยาวมาลย์
พะวงสงสาร มารดาอาลัย
เสียงร้องอุแว้ ใจแม่สะดุ้ง
มือปัดริ้นยุง กางมุ้งหลังใหม่
เช้าเย็นเป็นห่วง ลูกดั่งดวงใจ
คุ้มครองป้องภัย ให้หลับสบาย
นมโคนมคน แม่สนใจป้อน
สดชื่นตื่นนอน แม่ป้อนนมให้
นมแม่จากเต้า ป้อนเอาเข้าไป
แม่รักจากใจ ไม่เบื่อระอา
รักแท้แม่ท่าน กลั่นเลือดในอก
ประคองป้องปก อ้อมอกเปิดอ้า
แม่คือร่มไทร ให้ลูกพึ่งพา
เลิศเหลือเหนือฟ้า หนักกว่าแผ่นดิน
แม่เลี้ยงลูกยา มาเป็นลำดับ
ลูกน้อยคอยรับ แม่จ่ายทรัพย์สิน
เสื้อผ้าสวมใส่ ของใช้ของกิน
แม่จ่ายทรัพย์สิน ยินยอมพร้อมใจ
งานหนักตรากตรำ ลำบากเพราะลูก
หาได้ขายถูก เลี้ยงลูกจนใหญ่
ลงทุนเหนื่อยกาย ไม่ได้กำไร
แม่มีแต่ให้ ด้วยใจอาทร
อดอยากปากแม่ ให้แต่ลูกอิ่ม
ละห้อยรอยยิ้ม แม่พิมสมร
คอยเก็บเศษเหลือ แม่เอื้ออาทร
ดูแลแม่ป้อน วอนเว้าเอาใจ
อาหารชั้นดี มีไว้ให้ลูก
แม่แทะกระดูก เผื่อลูกเอาไว้
ลูกน้อยนอนเปล แม่เห่แกว่งไกว
เหลือบยุงริ้นไร มิให้ไต่ตอม
ลูกตื่นขึ้นมา แม่พาอาบน้ำ
ผิวเจ้าขาวงาม พยายามถนอม
ประแป้งแต่งกาย ได้ชมดมดอม
เอี่ยมอ่องของหอม ย้อมให้ใจยา
ขับถ่ายหนักเบา แม่เอามือรอง
มิให้เศร้าหมอง แตะต้องเสื้อผ้า
กลิ่นเหม็นเป็นไฉน ไม่เบื่อระอา
แม่เฝ้าอุตส่าห์ เมตตาปราณี
ยามลูกป่วยไข้ ใจแม่จะขาด
กระวีกระวาด ดังราชสีห์
ป้อนยาป้อนน้ำ ด้วยความอารี
แม่ทำหน้าที่ มีเมตตาธรรม
แม่หัดสอนเดิน เพลินหยอกเพลินเย้า
เย็นย่ำค่ำเช้า แม่เฝ้าพาย้ำ
แม่หัดสอนเดิน เพลินกิจกรรม
เย็นวันยันค่ำ สำราญอุรา
โตขึ้นมาหน่อย ไม่ปล่อยให้พล่าน
สอนให้เขียนอ่าน ในการศึกษา
อยากให้ลูกดี ได้มีวิชา
โตใหญ่ภายหน้า อย่าต่ำลำเค็ญ
สมุดหนังสือ แม่ซื้อมาให้
เสื้อผ้าสวมใส่ หาให้ไม่เว้น
ชุดใหม่แขนยาว กันหนาวกันเย็น
เป็นกองของเล่น เห็นแม่ซื้อมา
โตเป็นหนุ่มสาว ผิวขาวผุดผ่อง
แม่เฝ้าแอบมอง ยิ้มย่องหรรษา
แม่นึกภูมิใจ ได้เลี้ยงโตมา
ยืนยาวก้าวหน้า จงอย่าอับจน
โตเป็นหนุ่มสาว แม่เฝ้าระวัง
แม่เฝ้าสอนสั่ง ให้บังเกิดผล
เที่ยวเตร่เฮฮา เจ้าอย่าซุกซน
แม่คอยฝึกฝน ให้เป็นคนดี
ถ้าเป็นลูกชาย แม่หมายให้บวช
พากเพียรเรียนสวด บวชไปใช้หนี้
อุทิศกุศล แด่ชนนี
ตามประเพณี ที่มีมานาน
ทดแทนคุณแม่ แผ่ส่วนกุศล
ไหว้พระสวดมนต์ ท่องบ่นเขียนอ่าน
จดจำให้คล่อง สิบสองตำนาน
เชื่อฟังสมภาร ท่านนั้นตักเตือน
แต่งตัวเป็นนาค ฝากตัวเป็นพระ
จงบวชเถิดนะ ละจากคนเถื่อน
ก่อนบวชเป็นสงฆ์ นาคลงจากเรือน
ฟังคำแม่เตือน เอื้อนเอ่ยวาจา
ทำใจเถิดนาค แม่ฝากข้อคิด
สึกมาเป็นทิด คอยคิดคอยหา
สึกมาอีกที มีภรรยา
แม่ด้วยช่วยหา เจ้าอย่ากังวล
บวชพระเสียก่อน ตอนนี้เป็นหนุ่ม
แม่หมายได้คุม อุ้มไตรสักหน
จับชายจีวร ตอนยังเป็นคน
เผื่อได้กุศล พ้นทางอบาย
หัวอกคุณแม่ แผ่ไอใจกว้าง
ผดุงมุ่งสร้าง หลีกทางเลวร้าย
แม่รักลูกจริง ทั้งหญิงและชาย
พลีให้ใจกาย ตราบวายชีวัน
ลูกแม่เป็นหญิง ยิ่งแม่เป็นห่วง
คอยทักคอยท้วง ห่วงเจ้าจอมขวัญ
ลูกโตเป็นสาว แม่เฝ้าป้องกัน
ความรักแม่ท่าน นั้นเหนือสิ่งใด
ปัญหาทางใจ อาศัยแม่ช่วย
ลูกทุกข์ทุกข์ด้วย แม่ช่วยแก้ไข
ลูกผิดแท้แท้ แม่ให้อภัย
แม่คอยปลอบใจ ไม่เอือมระอา
บางครั้งดุด่า เพราะว่าแม่รัก
ไม่นานสักพัก แม่ทักทายว่า
ต้องการอะไร ให้บอกแม่มา
จะเอาเสื้อผ้า หรือว่าเงินทอง
ที่แม่ดุด่า เพราะเมตตาเจ้า
โกรธแม่หรือเปล่า เข้าไปในห้อง
ไม่นานเท่าไร แม่ไปแอบมอง
เปิดประตูห้อง ร้องเรียกกลับมา
แม่จัดสำรับ กับข้าวเตรียมไว้
ค่อยค่อยปลอบใจ ไปอาบน้ำท่า
อาหารตามใจ แม่ได้ต้มปลา
อาบน้ำแล้วมา สู่หากินกัน
เอาใจอย่างนี้ มีแม่เท่านั้น
บุญคุณของท่าน นั้นไม่รู้สิ้น
เหนือกว่าจะเทียบ เปรียบฟ้าแผ่นดิน
ทดแทนไม่สิ้น พระคุณแม่เอย ฯ
22 ธันวาคม 2544 01:26 น.
หิ่งห้อย
อันชายกำพร้า..เที่ยวทำการค้า.จรมาแรมรอน
ก่อนกลับเคหา.ซื้อหาผ้าผ่อน.เครื่องนุ่งห่มนอน.แรมรอนกลับมา
เดินขึ้นบันได.ตะลึงตกใจ..ของใครกันหนา
สร้อยแหวนเงินทอง..ล้วนของมีค่า...เพชรนิลจินดา..น่าแปลกหัวใจ
เอ่ยปากเรียกแม่..ชะเง้อชะแง้แม่จ๋าอยู่ไหน
ลูกกลับมาแล้ว..แผ้วถางทางไกล..กลับมาด้วยใจพิไรรำพรรณ
ไร้เสียงตอบกลับ.ไร้ซึ่งเสียงรับ..กลับหลังหุนหัน
เที่ยวถามชาวบ้าน....ซมซานจาบัลย์อกไหวหวาดหวั่น.สั่นเหงาฤดี
ตะวันคล้อยเย็น.ไม่มีใครเห็นมาเป็นสักขี
โอ้ว่ามารดา.ลาคอนจรลี..ทิ้งลูกชายนี้..อยู่ที่ชายคา
ชายหนุ่มซมซานเดินเหม่อกลับบ้านอาการเหว่ว้า
จนล่วงเข้าแคว้น.เขตแดนพนาลมโหยโชยมาเสียงหมาเห่าหอน
ก้าวท้าวเยื้องย่าง..ยินเสียงครืนครางหว่างทางสัญจร
ได้ยินเสียงหนึ่ง..จึงหยุดเดินก่อน..บอกอย่าอาวรณ์..จงผ่อนอาลัย
อันหญิงชรา..ผู้เป็นมารดาเจ้าอย่าสงสัย
ใยจึงจรลี..หนีไปกับใคร.ไปแห่งหนไหน.อย่าได้สงกา
ข้าจะบอกให้.อันหญิงนั้นไซร้..ใช่คนธรรมดา
แต่คือองค์อินทร์.ถวิลแฝงแปลงมา.ปลอมเป็นมารดา.มาช่วยอวยชัย
ในเรือนมีทรัพย์.เจ้าจงรีบกลับ.ห้องหับเร็วไว
อย่าได้รีรอ.ท้อแท้ถอนใจ.จงรีบกลับไป..แก้ไขจัดแจง
ชายหนุ่มกำพร้า..พอรู้มารดา.คือเทวาแปลง
จึงหักห้ามจิต..คิดสู้กู้แรง.ให้ใจแข็งแกร่ง.ไม่แกว่งกวัดไกว
สร้างกุศลต่อ..ไม่รั้งรีรอต่อเติมเพิ่มให้
ด้วยเดชบุญญา..เทวาเห็นใจอำนวยอวยชัย..เพิ่มได้บารมี
อำนาจกตัญญูแห่งคนผู้รู้.บูชาคุณนี้
เหล่าเทพเทวัญ.สวรรค์ท่านเห็นดี..ต่างเป็นสักขี..ชี้ให้รุ่งเรือง
ก่อนจบนิทานอันเป็นตำนาน..เล่าขานนานเนื่อง
ดั่งได้สาธก.ยกความรุ่งเรือง.ยกความฟูเฟื่อง.เรื่องที่เล่ามา
กตัญญูกตเวที..บุคคลใดมี..ที่บิดามารดา
อยู่แห่งหนใด.ใครใครเมตตา.จะช่วยนำพา.พัฒนาเพิ่มพูน
จึงขอฝากไว้.ทุกทุกดวงใจ..ได้สดับสนับสนุน
ควรทดแทนรู้..ผู้มีพระคุณ.ช่วยเหลือเกื้อหนุน..ด้วยคุณความดี ฯ