17 พฤศจิกายน 2547 16:01 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
อันหยดหนึ่งเลือดพ่อก่อกายเจ้า
ทั้งมือเท้าเส้นเอ็นเห็นอยู่นี่
พ่อให้มารักษาไว้ให้ดีดี
พ่อไม่มีสิ่งใดให้อีกเลย
มรดกพ่อก็คือก้อนกายเจ้า
มีมือเท้าเจ้าจงใช้อย่าได้เฉย
มรดกพ่อให้มาอย่าละเลย
ใช้ชดเชยในทางชอบประกอบการ
มรดกพ่อ..ขอพลังร่วมสร้างสรรค์
ปรองดองกันหมั่นพิทักษ์สมัครสมาน
มรดกพ่อก็จะตั้งยั้งยืนนาน
จงสืบสานการงานต่อพ่อวางมือ
จงร่วมพลังตั้งพรรครักกันเถิด
ช่วยชูเชิดเปิดหัวใจให้สมชื่อ
เราก็หนึ่งตระกูลเก่าเขาเล่าลือ
ไม่ร่วมมือคือไร้ค่าราคาคน
อย่าให้โลกติเตียนเพียรติดต่อ
เจ้ามีพ่อรอดูอยู่เบื้องต้น
หน้าที่พ่อขอมอบใจให้ทุกคน
ถึงยากจนก็อย่าท้อพ่อเชยชม
เจ้าเรียนรู้รู้อะไรรู้ไปเถิด
ที่ประเสริฐรุ้จักกันนั้นเหมาะสม
รู้เอื้อเฟื้อเพื่อพงษ์เผ่าเขานิยม
รู้เพื่อข่มขู่อาฆาตปราชญ์ติเตียน
17 พฤศจิกายน 2547 15:33 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
อันชายกำพร้า..เที่ยวทำการค้า.จรมาแรมรอน
ก่อนกลับเคหา.ซื้อหาผ้าผ่อน.เครื่องนุ่งห่มนอน.แรมรอนกลับมา
เดินขึ้นบันได.ตะลึงตกใจ..ของใครกันหนา
สร้อยแหวนเงินทอง..ล้วนของมีค่า...เพชรนิลจินดา..น่าแปลกหัวใจ
เอ่ยปากเรียกแม่..ชะเง้อชะแง้แม่จ๋าอยู่ไหน
ลูกกลับมาแล้ว..แผ้วถางทางไกล..กลับมาด้วยใจพิไรรำพรรณ
ไร้เสียงตอบกลับ.ไร้ซึ่งเสียงรับ..กลับหลังหุนหัน
เที่ยวถามชาวบ้าน....ซมซานจาบัลย์อกไหวหวาดหวั่น.สั่นเหงาฤดี
ตะวันคล้อยเย็น.ไม่มีใครเห็นมาเป็นสักขี
โอ้ว่ามารดา.ลาคอนจรลี..ทิ้งลูกชายนี้..อยู่ที่ชายคา
ชายหนุ่มซมซานเดินเหม่อกลับบ้านอาการเหว่ว้า
จนล่วงเข้าแคว้น.เขตแดนพนาลมโหยโชยมาเสียงหมาเห่าหอน
ก้าวท้าวเยื้องย่าง..ยินเสียงครืนครางหว่างทางสัญจร
ได้ยินเสียงหนึ่ง..จึงหยุดเดินก่อน..บอกอย่าอาวรณ์..จงผ่อนอาลัย
อันหญิงชรา..ผู้เป็นมารดาเจ้าอย่าสงสัย
ใยจึงจรลี..หนีไปกับใคร.ไปแห่งหนไหน.อย่าได้สงกา
ข้าจะบอกให้.อันหญิงนั้นไซร้..ใช่คนธรรมดา
แต่คือองค์อินทร์.ถวิลแฝงแปลงมา.ปลอมเป็นมารดา.มาช่วยอวยชัย
ในเรือนมีทรัพย์.เจ้าจงรีบกลับ.ห้องหับเร็วไว
อย่าได้รีรอ.ท้อแท้ถอนใจ.จงรีบกลับไป..แก้ไขจัดแจง
ชายหนุ่มกำพร้า..พอรู้มารดา.คือเทวาแปลง
จึงหักห้ามจิต..คิดสู้กู้แรง.ให้ใจแข็งแกร่ง.ไม่แกว่งกวัดไกว
สร้างกุศลต่อ..ไม่รั้งรีรอต่อเติมเพิ่มให้
ด้วยเดชบุญญา..เทวาเห็นใจอำนวยอวยชัย..เพิ่มได้บารมี
อำนาจกตัญญูแห่งคนผู้รู้.บูชาคุณนี้
เหล่าเทพเทวัญ.สวรรค์ท่านเห็นดี..ต่างเป็นสักขี..ชี้ให้รุ่งเรือง
ก่อนจบนิทานอันเป็นตำนาน..เล่าขานนานเนื่อง
ดั่งได้สาธก.ยกความรุ่งเรือง.ยกความฟูเฟื่อง.เรื่องที่เล่ามา
กตัญญูกตเวที..บุคคลใดมี..ที่บิดามารดา
อยู่แห่งหนใด.ใครใครเมตตา.จะช่วยนำพา.พัฒนาเพิ่มพูน
จึงขอฝากไว้.ทุกทุกดวงใจ..ได้สดับสนับสนุน
ควรทดแทนรู้..ผู้มีพระคุณ.ช่วยเหลือเกื้อหนุน..ด้วยคุณความดี ฯ
17 พฤศจิกายน 2547 15:31 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
ชายหนุ่มคุกเข่า.กล่าวอ้อนวอนเว้า.รุกเร้าเข้าคลอ
หากว่าใจร้าย.ลูกชายจะขอ.เอาใจพะนอ.ขอเข้าเอาใจ
จะร้องเพลงขับ...ยามที่แม่หลับจับเส้นเฟ้นให้
ให้แม่หรรษาสุขาฤทัย..ผ้าผ่อนท่อนสไบหาให้ใหม่พลัน
ลูกจะอาสาเป็นคนค้นหา.มาเลี้ยงชีวัน
ยาดมยาหอม..พร้อมรบครบครัน.ผ้าถุงมุ้งนั้น.เสกสรรจุนเจือ
ฝ่ายหญิงชรา.ได้กล่าววาจา..ว่าข้าแก่เหลือ
จะลองทำบุญ.ช่วยนุนจุนเจือ..วันไหนข้าเบื่อ..เมื่อนั้นฉันจร
สุดแสนดีใจ.รีบเร่งเร็วไว.ไปประคองกร
เลี้ยงหญิงชรา.ดุจว่ามารดร.น้อมเศียรรับพร..มิจรไคลคลา
ดูแลแก้ไข.จัดที่ทางให้.ได้พักกายา
มิให้ทุกข์โศก.วิโยคโศกา.มิให้น้ำตา.มารดาไหลริน
ยามย่ำค่ำคืน.จะนั่งจะยืน.จะกลืนจะกิน
เพียรดูอยู่เฝ้า.ปัดเป่าเหลือบริน.สุขสมถวิล.จนสิ้นขวบปี
ชายหนุ่มแปลกใจ..คิดหวังสิ่งใด.ได้มาทันที
ครอบครัวก้าวหน้า.กว่าขั้นเศรษฐี..หรือเพราะฤทธี.ผีป่ามาดล
ความจริงหญิงชรา.คือเทพเทวา..แปลงมาบัดดล
อยากจะดลด้วย...ช่วยชายขัดสน.จัดแจงแปลงตน...ให้พ้นระแวง
ส่วนชายกำพร้าหารู้ไม่ว่าใครมาแอบแฝง
เกิดความเลื่อมใส...ไม่คิดระแวง...จึงออกเรี่ยวแรง...แสวงหาเลี้ยงดู
อรุณทองส่องฟ้า.แสงฉาบทาบทา.เวลาเช้าตรู่
วิหคผกผิน..บินมาเป็นคู่.เสียงก้องร้องกู่..เรียกชู้ชิดเชย
ต้นข้าวสดเขียว..พลิ้วไหวใบเรียว..เกลียวลมพรมเผย
น้ำค้างเหยาะหยด.รดไล้ใบเตย.ดอกบัวบานเผย.เอ่ยให้ชวนชม
ชายหนุ่มกำพร้า.ลุกขึ้นกราบลา.ฝ่ามือประนม
กราบอำลาแม่.ลงแพลอยลม..เพื่อขายสะสม.ทรัพย์สินเงินทอง
จะไปไม่นาน.เป็นเพราะห่วงบ้าน...ห่วงมารดาพ้อง
หมดสิ้นสินค้า.ได้มาเงินทอง..จะรีบจับจอง..ล่องกลับลำเนา
เมื่อชายกำพร้าล่องลอยนาวา.ลาลับทิวเขา
ฝ่ายเทวาแปลง..เปล่งแสงใสเบา..กลับคืนร่างเก่า.เข้าสู่องค์อินทร์
ท่านเทพเทวา.เมื่อได้เวลา.ลาจากแดนดิน
จึงบันดาลดล.ด้วยกลองค์อินทร์.ให้กองทรัพย์สิน.เต็มสิ้นห้องนอนฯ
17 พฤศจิกายน 2547 12:38 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
สรรพสิ่งโทรมทรุด.ไม่เว้นมนุษย์..ฉุดไม่อยู่หนอ
ล้วนต้องพลัดพราก...จากไปไม่รอ..ก่อนไปใจขอ.ก่อกรรมทำดี
อันว่าหญิงหม้าย..นางก็ไม่วาย..สลายในปฐพี
วิญญาณ์ดับดิ้น.สูญสิ้นชีวี..สิ้มสมประดี.สู่ที่เคยมา
ทิ้งให้ลูกน้อย.เหว่ว้าตาลอย.คอยสู้ชะตา
ทุกเช้าทุกค่ำ.ร่ำร้องเรียกหา.โอ้ว่ามารดา.ข้าฯอยู่แห่งใด
บางครั้งหมองเหม่อ.เหมือนดังละเมอ..เพ้อพร่ำรำไร
โอ้ว่าแม่จ๋า.อย่าจากไปไหน.รู้ไหมดวงใจ..ร่ำไห้ร้อนรน
กลับมาหาลูก.จะเพาะจะปลูก.ทุกทิศแห่งหน
จะเลี้ยงดูแม่..แม้จะยากจน.เกิดมาเป็นคน.จะปรนจะเปรอ
เด็กน้อยคิดได้..เราบ้าหรือไร.ใยร่ำพร่ำเพ้อ
อธิษฐานจิต.คิดไว้ได้เจอ.ชาติหน้าเสมอ.ขอเจอมารดา
รีบเร่งทำงาน.ทำใจเบิกบาน.สืบสานงานค้า
ผักบุ้งผักหวาน.งานเคยทำมา..เก็บเอามาค้า.ฐานะคล่องดี
จวบโตเป็นหนุ่ม.มาดดูสุขุม.เป็นหนุ่มมั่งมี
อยู่ไม่ลำบาก..ไม่ยากชีวี.อยู่อย่างสุขี.เพราะมีเงินทอง
ให้ทานทำบุญ.ช่วยเหลือเกื้อหนุน.จุนเจือประคอง
น้อมใจอุทิศ.ตั้งจิตให้ผ่อง.ผลบุญสนอง.ส่องถึงมารดา
ต่อมาวันหนึ่ง.ชายหนุ่มตะลึง..เห็นซึ่งหญิงชรา
หน้าตาละม้าย.คล้ายดั่งมารดา..สวมใส่เสื้อผ้า.เดินมาขอทาน
ตะโกนเรียกแม่.คล้ายเด็กงอแง.ได้แต่เรียกขาน
ก้มตัวลงกราบ.ราบนานแสนนาน.ปากก็เรียกขาน.ปานปริ่มอิ่มกมล
ชายหนุ่มอาสา.รับเลี้ยงหญิงชรา.ดุจมารดาตน
แม่ไปอยู่ไหน.ลูกใจสับสน.ภายในกมล.ทนทุกข์เรื่อยมา
ลูกร่ำรวยแล้ว..อนาคตผ่องแผ้ว.ดั่งแก้วรัตนา
แม่อย่าได้หนี.หลีกลี้หลบหน้า.แม่จงกลับมา.พร้อมหน้าลูกชาย
หญิงชราคนจร..ได้ฟังคำวอน.หย่อนนั่งร่างกาย
กล่าวออกเสียงดัง..ฟังนะลูกชาย..ตัวเราโกรธง่าย..ร้ายยิ่งสิ่งใด
ไม่เหมือนดั่งแม่..ของเจ้าที่แท้...ที่แดดับไป
เราบอกให้ทราบ.ให้รับรู้ไว้.ปล่อยเราให้ไป.อย่าได้รั้งรอฯ
16 พฤศจิกายน 2547 20:47 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
จักกล่าวนิทานซึ่งเป็นตำนานเล่าขานนานฉนำ
ผู้เฒ่ากล่าวไว้..สอนให้จดจำ.ทุกเย็นยามค่ำ..จำไว้ใส่ใจ
เรื่องของแม่หม้าย..ผู้ซึ่งผัวตาย..ดับหายสูญไป
อาลัยเศร้าโศก..วิโยคดวงใจหม่นหมองร้องไห้..ไร้พรรณผ่องสี
ขาดแล้วที่พึ่งนางเฝ้ารำพึงคะนึงโศกี
พักตร์หมองผิวเผือดแห้งเหือดรัศมีนางยังโชคดี.ที่มีลูกชาย
ช่วยแม่บรรเทาจากหนักเป็นเบา..เหงาเศร้าเข้าคลาย
เที่ยวขอทานกินเหงื่อรินเป็นสายทิ้งแล้วความอายความหมายของคน
ขอข้าวสุกบ้าง..ข้าวสารมีบ้างอยู่ข้างแม่ตน
บ้างก็ทานให้...ด้วยใจกุศล..บางคนเหยียดคน..ไล่พ้นธรณี
บางคนเขาว่า.ใช้ถ้อยวาจาต่อว่าเสียดสี
บางคนดูหมิ่นไม่มีชิ้นดี..บ้างเอาไม้ชี้...จงหนีให้ไกล
แม่ลูกร้าวราน..ซังเซซมซาน..กลับบ้านตนไป
โอบกอดมารดา..เหว่ว้าดวงใจ..ทอดถอนร้องไห้..โลกใจร้ายจัง
หิวจนแสบท้อง..ไร้อาหารรองกรองน้ำประทัง
ไร้ญาติขาดมิตร..ร่วมคิดร่วมหวัง..เมื่อชีวิตยัง..ตั้งหน้าสู้ทน
ความหิวตัวร้าย..หิวอันตราย..หิวเป็นนายคน
ต้องดีดต้องดิ้น.แทบสิ้นกมล..หวังได้ตั้งตน..ให้พ้นทุกข์ภัย
เมื่อหิวเกิดขึ้นจะลุกจะยืน..สุดฝืนรำไร
ที่เคยแข็งแกร่ง..แรงอ่อนผ่อนไป.โรยราเริ่มไร้.สิ้นไปเรี่ยวแรง
กล่าวถึงหญิงหม้าย..โรคเริ่มกร่ำกราย..สายเกินเสาะแสวง
ลำบากเข็ญใจ.ไม่มีเรี่ยวแรง.คืนนั้นตะแคง.แฝงกอดลูกชาย
พอรางรุ่งเช้า.ความมืดบางเบา.เช้ามืดจืดหาย
นางฟื้นจากหลับ.ขยับตื่นกาย.นางต้องใจหาย.คล้ายขาไม่มี
เท้าขวาอาพาธ.เกินจะเยื้องบาท.ลาดในวิถี
ขยับมองลูก.เจ็บจุกฤดีโอ้ต่อแต่นี้.มีใครเลี้ยงดู
เจ้าเด็กสิบสอง..เหลือบตาแอบมอง..น้ำนองไหลพรู
โอ้ว่าแม่จ๋าเมื่อข้าฯยังอยู่ข้าฯจะเลี้ยงดู.เชิดชูมารดา
เจ้าเด็กตัวนิด.ชะตาลิขิต.คิดแก้ปัญหา
ขยันทำกิน.ดีดดิ้นชีวา.หาผักหาปลา.เลี้ยงมารดาตน
เที่ยวเก็บของป่าเอาออกมาค้าได้มาดอกผล
ได้กำไรดี เริ่มมีไม่จนเก็บออมรอมผล ได้ผลกำไร
ได้มาสลึงใช้ไปแค่ครึ่งเก็บกึ่งหนึ่งไว้
ซื้อหาเสบียงให้เพียงพอใจ.แล้วหอบเอาไป ให้แก่มารดา
เริ่มมีเงินทอง แม้ไม่ก่ายกองจับต้องตามประสา
ใช้อย่างประหยัด.ขจัดสิ่งลวงตาไม่ซื้อไม่หามารดาว่าไว้
อยู่มาวันหนึ่งเด็กน้อยตะลึงถึงจำช้ำใจ
เพราะมิ่งมารดา.ด่วนลาจากไปเด็กน้อยร้องไห้.แทบใบ้บ้าบอ ฯ