17 กันยายน 2550 14:34 น.
หอมดอกลำดวน
ท่ามกลางหมู่ผีเสื้อบินเหนือทุ่ง
คือประกายเกล็ดรุ้งเมื่อรุ่งสาง
ย้อมผืนหล้าสวยเด่นทุกเส้นทาง
กับน้ำคำน้ำค้าง...สร้างสายใย
ดอกไม้แย้มกลีบย้อมกลิ่นหอมเหลือ
ล่อผีเสื้อทายทักอยู่ขวักไขว่
กระซิบบอกถ้อยคำสำคัญนัย
ว่าห้วงใจจำหลักด้วยรักแล้ว
เจ้าเกิดมาเพื่อกำหนดความสดชื่น
พร้อมโลกตื่นตาส่องแสงผ่องแผ้ว
ใช่มายามาผ่านเห็นหวานแวว
แต่ก็ใช่เกล็ดแก้วอันแพรวพราว
เพียงต้องการยิ้มรับให้กับโลก
ล้างคราบโศกซมซานการเหน็บหนาว
ชีวิตข้าดับได้ไม่ขาดคราว
แต่แสงวาวยังอยู่เกินรู้จาง
ธรรมชาติทั้งชีวีทุกชีวิต
พร้อมอุทิศพลีให้โลกใสสว่าง
กระทั่งชีพกระจิริดทั่วทิศทาง
ยังหมายสร้าง..วีรกรรม อันเกรียงไกร
ท่ามกลางหมู่ผีเสื้อบินเหนือทุ่ง
คือเรียวรุ้งรจนาหล้าสดใส
โอบละมุนอุ่นเอื้อแผ่เยื่อใย
หน่วงเชื้อไฟโชนฝันอีกวันแล้ว
14 กันยายน 2550 12:12 น.
หอมดอกลำดวน
ร่ำร่ำระริกชลละล่อง
รสฟ่องละอองฟอง
แววเดือนสะเทื้อนสิจะผยอง
ขณะพ้องอุทกผืน
ลำลมประโลมพนพนานต์
วิญญาณก็หยัดยืน
ริ้วพรายระบายรุจ ณ คืน
ระกะชื่นระรื่นชม
บรรสารประการนิลสภาพ
ขณะอาบอุรารมย์
รอเถิดไถงสิตจะพรม
สุวิกรมจรัสจร
หรีดร่ำเจรียงสัทผสาน
ชะวิกาลกอปรพร
เหนี่ยวนำคะนึง นยะสะท้อน
อนุสรณ์ประสาสันต์
ฟองคว้างระหว่างอุทกผืน
สิสะอื้นอเนกนันต์
หากเพ็ญน่ะเร้นรัศมิสรร-
พะละหลั่นประโลมชล
แลเจ้าจะเร้าอุระเกษม
ผัสสะเขมขนัดยล
ด้วยเพ็ญะเด่นศุภสกล
ตะละหนมิห่อนหาย
เสียงคลื่นกระเซ็นกระแซะสถาน
เสนาะซ่านสุหร่ายราย
ปลุกสิ้น ณ จินตนะสยาย
ปะทุหมายบ่อาจสูญ
16 สิงหาคม 2550 20:35 น.
หอมดอกลำดวน
ด้วยความเป็นสุนทรีย์แห่งชีวิต
จากดวงจิตจึงฉลักเป็นอักษร
ด้วยอารมณ์บ่มร่ำไกลกำจร
จึงสะท้อนสายธารตระการไทย
ด้วยมิเคยสิ้นแล้งเรี่ยวแรงรัก
ดาราจักรเวิ้งว้างแลกว้างใหญ่
ด้วยสืบเชื้อพงศาพนาไพร
จึงห้วงใจท้นถวิลถิ่นท้องนา
ด้วยความรักภักดีเป็นที่สุด
ไม่อาจหยุดใจซึ่งคอยซึ้งหา
ธรรมชาติร่ายรินอาบวิญญา
หน่วงเวลาวิสุทธิ์ภพบรรจบใจ
ด้วยรักดินน้ำฟ้าป่าอากาศ
จึงหวังวาดสีสันแต้มวันใส
ปรารถนาท่านเอื้อเผื่อเยื่อใย
รั้งโลกให้งดงามทุกยามเอย
15 สิงหาคม 2550 13:56 น.
หอมดอกลำดวน
หยาดน้ำฝนโปรยปรายแตะสายน้ำ
ความชุ่มฉ่ำหยดหยอดบนยอดหญ้า
หอมไอดินกลิ่นฝนบนท้องนา
เคล้าดอกหญ้าไหวว่อนขจรขจาย
มวลดอกไม้อวดช่อลออชื่น
คอยหยิบยื่นความงามนัยความหมาย
เรไรเรื่อยร้องร่ำจำเรียงราย
เผื่อแผ่สายใยซึ่งซาบซึ้งทรวง
มาลัยปรุงประทิ่นกลิ่นเกสร
ผึ้งภมรเย้าหยอกดอกบัวหลวง
ณ น่านน้ำวาวใสเป็นใยยวง
อีสานปวงปันสุขสิ้นทุกข์กาง
คือมนต์รักลูกทุ่งฟุ้งเฟื่องฟ้า
คือบ้านนาถิ่นไพรไสวสว่าง
คือเกลียวสายสัมพันธ์ทุกสรรพางค์
คือเส้นทางแห่งรักที่ถักทอ
11 มิถุนายน 2550 23:00 น.
หอมดอกลำดวน
อำพนมนตร์เสน่ห์ห้วง เวหา
เรื่อเรื่อแสงสุริยา ยาตรเยื้อง
เปลวทองทาบผืนนภา ทอเด่น
เผยรุ่งอรุณฉายเรื้อง ร่วมพื้นไผทสมัย
นพคุณกระจ่างแจ้ง จักรวาล
คอยปลอบประโลมลาน แหล่งหล้า
น้ำค้างหมอกบรรสาร บรรสบภพเอย
สัพยอกเย้ยหยาดฟ้า หยดเฟื้อยฟ่องฟู
ลมเช้าโชยเฉื่อยชั้น- เชิง,ชาย
ซ้อนกลิ่นบุปชาติราย จรดด้าว
โอ้อณูกรุ่นกำจาย จรุงจิต
เรื่อยเรื่อยละอองอะคร้าว หน่วงเคลิ้มในภวังค์
เสียงระฆังรัวกู่ก้อง กังวาน
ขับท่วงทำนองผสาน สื่อถ้อย
ลำนำพฤกษ์ไพรพิมาน เสนาะพาทย์
เรียวรุ้งร่วงถักร้อย เสน่ห์รั้งนิราดูร
รายรายไอหมอกเช้า ฉ่ำนอง
เร็วเร่งละเมอมอง ม่านฟ้า
ทะเลหมอกเอี่ยมละออง อบร่ำ
รวยดอกรักระยับระย้า คลี่แย้มมายล
สางรุ่งจำหลักเกื้อ กำนัล
ห้วงแห่งหฤทัยฝัน ฝากไว้
โปรยปรายประภาพพรร- โณภาส
บทบาทบรรโลมไล้ ชีพเชื้อเหลือนาน