18 กรกฎาคม 2550 10:20 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
สายลมเหงาพัดมาในความเงียบ
เย็นยะเยียบสุดใจในความเศร้า
คราก่อนนั้นเคยมีเพียงสองเรา
ยามนี้เขาพรากรักไปจากเรา
จากวันนั้นไม่มีใครอยู่เคียงข้าง
ใจที่ว่างก็เริ่มสั่นใจหวั่นไหว
น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้รินท่วมใจ
เจ็บเพียงใดไม่มีใครซับน้ำตา
เคยรักเขามากมายล้นใจฉัน
ไม่มีวันเขาเห็นคุณค่า
เคยดูแลในวันที่ผ่านมา
แม้บึ้งตึงโกรธายังเอาใจ
เมื่อเธอเจอคนที่ดีกว่าฉัน
เมื่อเธอนั้นจะจากไปกับคนใหม่
ไม่เป็นไรไปเถิดให้อภัย
เพียงเธอไปสุขใจก็เพียงพอ
ยามเธอเจ็บจงนึกว่ามีฉัน
เผ้าคอยวันที่เธอกลับมาหนอ
เจ็บเพียงใดจะรักและเผ้ารอ
เจ็บและท้อรักเราไม่เรือนลาง
สายลมพัดโหยอ่อนถอนสะอื้น
ทุกวันคืนคอยเธอคอยห่วงหา
หากเขาทำเธอช้ำจงกลับมา
จะคอยเธอด้วยรักและหวังดี
17 กรกฎาคม 2550 15:42 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
แดนขวานทอง กว้างใหญ่ แสนไพศาล
เมืองด้ามขวาน กำลังเดือด ร้อนเหลือที่
ด้วยเหตุเพราะ ชนชาวไทย ไร้สามัคคี
กลับแก่งแย่ง ชิงดีเด่น เห็นแก่ตน
จะเข่นฆ่า กันทำไม ให้อาสัญ
ฆ่ากันไป ก็เท่านั้น ไร้เหตุผล
หรือเพราะไม่ มีน้ำใจ ในตัวคน
ไม่รักตน ไม่รักถิ่น ที่เกิดมา
บรรพชน รุ่นก่อน ได้สอนสั่ง
แดนขวานทอง จงระวัง และรักษา
สละชีพ เพื่อเอกราช เมื่อนานมา
เพื่อรักษา ถิ่นนี้ไว้ ให้พวกเรา
สามัคคี เถิดพี่น้อง ปกป้องชาติ
ให้ชาวไทย มีเอกราช อย่าขลาดเขลา
คิดกบฏ ทำการชั่ว อย่ามัวเมา
เพื่อไทยเรา ถิ่นแหลม รอดพ้นภัย
17 กรกฎาคม 2550 15:31 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
ใช่ว่าตัวฉันจะไม่รัก
แต่ตัวฉันมักจะหวั่นไหว
ตัวฉันไม่อาจห้ามหัวใจ
ต่อใครใครที่ก้าวเข้ามา
ยอมรับฉันเองก็รู้สึก
ในใจลึกลึกยังห่วงหา
ฉันกลัวเธอจะหมดศรัทธา
กลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ
16 กรกฎาคม 2550 11:34 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
พี่วิวาห์ ดวงใจ น้องสะอื้น
พี่สุขชื่น ดวงใจน้อง แทบสลาย
แสนร้าวรวด เจ็บปวด ไม่เว้นวาย
เจ็บปางตาย พี่นั้น ไม่ไยดี
บุญตัวน้อง มีน้อย เป็นแน่แล้ว
จึงได้แคล้ว จากชาย ในชาตินี้
น้องจำต้อง ลาลับ ดับชีวี
ดว้ยรักนี้ มากเพียงไหน ไม่อาจลืม
พระพายพัด โหยอ่อน ถอนสะอื้น
รักเราไม่ หวนคืน แล้วหรือนี่
น้องมีเพียง ดวงวิญญา ไร้ชีวี
แต่พี่มี เขาอิงแอบ แนบดวงใจ
น้องเฝ้ามอง ตัวพี่ มีสุขสันต์
ชั่วนิรันดร์ จะรอพี่ มิไปไหน
จะมองพี่ ด้วยรัก และห่วงใย
คอยดวงใจ อยู่ตรงนี้ เป็นนิรันดร์
16 กรกฎาคม 2550 11:18 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
เดินแบกไถ ไปนา ยามฟ้าสาง
พาเรือนร่าง กร้านดำ ฝ่าแดดฝน
มุ่งหน้าสู่ ท้องนา ด้วยยากจน
เฝ้าดิ้นรน สร้างหลักฐาน นานนมมา
แสนสงสาร ชาวนา น่าเศร้าศร้อย
เหงื่อไหลย้อย ลงดิน ตามยถา
ต้องหว่านไถ ดูแล เหนื่อยกายา
จนได้มา เป็นต้นกล้า ที่หว่านดำ
เฝ้าดูแล ด้วยรัก ที่ปักจิต
เพราะชีวิต เกิดมา แสนต้อยต่ำ
จนได้มา เป็นต้นกล้า ที่หว่านดำ
เฝ้าตรากตรำ จนได้เห็น เช่นรวงทอง
แสนเหน็ดเหนื่อย กายา แทบอาสัญ
ร่างกายนั้น บ้างช้ำ บ้างแผลหนอง
ด้วยแดกดเผา ร่างตน จนพุพอง
ขอพี่น้อง จงมองเห็น เช่นความดี