5 กันยายน 2551 09:33 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
เธอคือเงาที่หายไปในคืนมืด
ร่างของเธอนั่งอยู่กลางถนน
มองดูแล้วน่ากลัวพิลึกคน
ชะรอยเธอเป็นคนหรือเป็นใคร
เห็นเธอนั่งทางสามแพร่งก็แจ้งจิต
แม่มิ่งมิตรเป็นเป็นวิญญานใช่หรือไม่
ตำรวจมาแม่คุณวิ่งเร็วไว
เดี๋ยวถูกจับคดีไพ่จะเสียที
ทั้งเงินทองกองไพ่ไว้นั่นก่อน
แม่เนื้ออ่อนรีบวิ่งหนีเร็วรี่
ขืนเธอช้าอยู่ตะรางขังหลายปี
เร็วเข้าซีแม่คุณวิ่งเร็วไว
เลิกมั่วสุมการพนันกันเสียเถิด
ไม่ต้องวิ่งเตลิดหนีไปไหน
เอาเงินทองมาใช้หมดเปลืองไป
สู้เก็บไว้ใช้สอยดีกว่าเธอ
5 กันยายน 2551 09:19 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
กี่เดือนแล้วที่สองเรายังคงมั่น
ร่วมผูกพันสัญญาไม่ลาหาย
กี่ครั้งคราวเราบอกรักมิแคลนคลาย
ภาพความหลังยังเรียงรายไม่เลือนลา
ยังเป็นคนดีของเธออยู่หรือเปล่า
ยามเธอเหงาอยากไปเยี่ยมอยากไปหา
ฉันพาเธอมาลำบากกายา
หลายเวลาห่วงงานลืมแคร์ใจ
เคยสัญญาคราปลงใจร่วมทางฝัน
สิ่งสำคัญหลายข้ออเคยฝันใฝ่
ความหวานค่อยทยอยหล่นหายไป
หรือเพราะเธอเปลี่ยนใจไปจากกัน
รู้สึกไหมเราเผลอใจร้อนบ่อย
พลาดผิดหน่อยโมโหทำหุนหัน
คุยเรื่องงานจนลืมวันสำคัญ
อีกกี่วันจะบอกรักอีกสักครา
หวั่นเธอเหนื่อยกับงานพาลหงุดหงิด
หวั่นเธอคิดทิ้งฉันให้เหว่ว้า
ไม่ว่าฉันต้องเจ็บช้ำมีน้ำตา
จะขอร่วมชีวาไม่ห่างไกล
วันวานเหมือนวันนี้ไหมฉันไม่รู้
จะหดหู่เริงร่าสักแค่ไหน
ขอมีเธออยู่ในห้วงหทัย
ไม่ว่าเป็นวันไหนก็เหมือนกัน
รอยรักในอดีตคิดสรรค์สร้าง
ขออย่าร้างลาไปใจแปรผัน
อยากให้รักเหมือนเดิมทุกคืนวัน
ไม่ว่ารักเราพ้นผ่านกี่เดือนปี
1 กันยายน 2551 13:48 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
พระพุทธองค์ตรัสไว้มีบัวสี่เหล่า
จากคนเขลาจนถึงคนเลิศเลอค่า
บางคนเป็นดังบงกชพ้นธารา
แต่บางคนแม้ฝูงปลายังไม่มอง
หลงในความเง่าโง่มัวเมาผิด
หลงระเริงไล่ฆ่าคนทั้งผอง
มิมองเห็นแสงธรรมอันเรืองรอง
เห็นภาพความสยองเป็นความงาม
ไม่รู้บาปรู้บุญรู้คุณโทษ
มีแต่ความเหี้ยมโหดให้คนหยาม
มีแต่ความสามาณย์ต่ำเลวทราม
คอยเหยียดหยามคนต่ำกว่าอยู่ร่ำไป
มีรู้ว่าตนผิดคิดว่าดี
คิดว่ามีค่าเลิศกว่าใครไหน
แท้จริงแล้วเธอจะรู้อะไร
ก็แค่ซากบัวไว้ให้ปลากิน
29 สิงหาคม 2551 09:28 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
ย้อนมองเขาใยตัวเราแสนไร้ค่า
ไม่เลิศเลอเด่นสง่าอย่างใครเขา
ส่องกระจกหน้าถึงมือนี่หรือเรา
เหตุใดเล่าไม่แสนดีได้ดังใคร
มองดอกไม้หัวใจยิ่งขมขื่น
แสนสะอื้นปวดร้าวเกินใครไหน
แสนขี้ริ้วไม่เรี่ยมเร้ดังคนใด
ไปรักใครใครเขาไม่หันมอง
มีแต่คนเห็นเราเป็นทางผ่าน
ต่อยามนานจึงมีคนเป็นเจ้าของ
มาเคียงรักเคียงใจมาใฝ่ปอง
แต่ต้องน้ำตานองเขาร้างลา
ยามฝนซาฟ้าสร่างกระจ่างใส
ฉันคงได้ชื่นใจเหมือนเช่นฟ้า
หยาดพิรุณฟ้าเคยหลั่งดั่งน้ำตา
ใครทรมาฟ้าจนโศกฤดี
เปรียบตัวเรารักใครใยต้องช้ำ
ทนระกำอยู่ในมุมมืดนี้
ต้องทนโศกอีกกี่เดือนอีกกี่ปี
ทุกนาทีมีแต่ความทรมาณ
************************************
ขอบคุณเพลงฝนซาฟ้าใสของคุณ พุ่มพวง ดวงจันทร์
ที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในบทกลอนนี้ขึ้นมา
มองกระจกเงาเห็นใบหน้าเรา ใจสะอื้น คิดยิ่งขมขื่น
กล้ำกลืนแต่น้ำตา ขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่เรี่ยมเร้โสภา
อยากมีผิวขาวเหมือนงา ไฉนเกิดมาเป็นคนผิวดำ
มองดอกลั่นทม หัวใจยิ่งตรม มิวายเว้นว่าง
หันมองหน้าต่าง มืดมนเพราะฝนพรำ
ฟ้ายังร้องไห้ คร่ำครวญคล้ายระกำ
โอ้ใครหนอช่างทำ ให้ฟ้าระกำช้ำจนร้องไห้
ฝนตกลงมาน้ำบ่าทั่วไป ไหลเจิ่งบึงหนอง
กบเขียดก็ร้องดังระงมไพร ฝนซาฟ้าสร่าง กระจ่างสดใส
ฉันคงจะได้ชื่นใจเหมือนกัน
มองลอดชายคา
น้ำฝนหยดมา แสนเศร้ากำโศก
เหมือนน้ำตาหยด
ราดรดอยู่ทุกวัน
น้อยใจคนที่บ่ายเบนหนีสำคัญ
ก่อนเคยสัญญารักกัน
เดี๋ยวนี้สัมพันธ์ นั้นไกลลิบลิ่ว
23 สิงหาคม 2551 08:09 น.
หยาดเพชร...มณีพลอย
ดาวดวงน้อยล่องลอยบนฟากฟ้า
เอ่ยวาจากล่าวแจ้งแถลงไข
ว่าพรหมลิขิตนำจันทร์มาเป็นคู่ใจ
หมดหทัยมอบถวายเพียงจันทรา
ดวงดาวเอยเจ้าจะรู้ใจจันทร์ไหม
ว่ารักเธอมากกว่าใครในท้องฟ้า
หมดดวงใจมอบให้ดวงดารา
เราจะอยู่คู่เวหาตราบนิรันดร์
หนึ่งดวงดาวลอยสว่างกระจ่างฟ้า
หนึ่งดาราเคยเป็นดาวในฝัน
หนึ่งดวงดาวมอบใจให้แก่จันทร์
หนึ่งหทัยไหวหวั่นในอุรา
เธอคือดาวในใจในวันนี้
รักที่มีมากเกินกว้างกว่าฟ้า
ดวงดาวน้อยสถิตแนบชิดชีวา
ดวงดาราคูจันทราตลอดไป