19 กุมภาพันธ์ 2546 07:17 น.
หมูหวานจอมทะลึง
รอยยิ้มของใครกันเล่า
จะทำให้เรามีความสุขขนาดนี้
คือรอยยิ้มกับความรู้สึกดี ๆ
ที่ผองเพื่อนมีให้กัน
แม้เราสุขหรือเศร้า
แม้เราติดศูนย์ยังไม่หวั่น
ขอเพียงรอยยิ้มสดใสให้กัน
เพียงวันละครั้งเท่านั้น...ก็สุขใจ
19 กุมภาพันธ์ 2546 07:09 น.
หมูหวานจอมทะลึง
เงียบเหงาและอ้างว้าง
เคว้งคว้างเหลื่อเกินสุดทนไหว
ยามนี้เปล่าเปลี่ยวแทบไม่เหลือใคร
ที่จะคอยเข้าใจ และใยดี
การรอคอยคือการเจ็บปวด
สำหรับคนพ่ายแพ้แบบฉัน
เวลาคงไม่ได้ช่วยอะไรให้
ฉันรู้สึกดีขึ้นเลย !
18 กรกฎาคม 2545 11:10 น.
หมูหวานจอมทะลึง
ฝากบอกว่าตัวเองมีใคร
แล้วทำไมมาร้องไห้อย่างนี้
ไหนบอกว่าเยื่อไยไม่มี
แล้ววันนี้ทำไมมีน้ำตจา
บอกกันว่าไม่แคร์
กลับแพ้ใจตัวเองทุกทีท่า
แค่เขาทะเลาะกับใครคนนั้นมา
ทำไม่ต้องไปเสนอหน้าออกรับแทน
18 กรกฎาคม 2545 11:01 น.
หมูหวานจอมทะลึง
กี่ครั้งที่เธอหลอกลวงกัน
กี่ครั้งที่ใครคนนั้นแอบเข้ามา
กี่ครั้งที่เธอพูดโดยไม่มองหน้า
หลบสายตาเหมือนปิดบังอะไร
จำนวนครั้งเหล่านั้น
ไม่อาจเทียบกันกับสิ่ง..ความช้ำได้
คือ..ความรู้สึกที่เสียไป
กับความเสียใจที่มาแทน
5 กรกฎาคม 2545 21:55 น.
หมูหวานจอมทะลึง
คุณ เคยพบคำตอบที่ร้าวรานหัวใจไหม.. ในท่ามกลางความเย็นชื่นของอากาศ ในศาลาท่าน้ำไม่มีชื่อ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งง่อนแง่นดูโลเล เหมือนใจผู้คนที่ต่างก็พร้อมจะโอนเอนไปในทิศทางใดก็ได้ เพียงเพื่อให้หลักชีวิตไม่หักโค่นด้วยกระแสแห่งสังคม ยอมแม้จะล้มพับ?ทำได้ แม้จะสูญเสียความเป็นตัวตน เพื่อรักษาความเป็นไม้ผุ ๆ ของตนไว้. คุณ เคยพบคำตอบที่ร้าวรานหัวใจไหม.. ที่มันคืบคลานมาเกาะจิตใจอย่างเงียบกริบ แล้วกัดแทะโมงยามแห่งความสุขของคุณให้แหว่งวิ่น ด้วยฟันที่คมกริบ มีน้ำพิษฉีดออกมา เพื่อคงความเจ็บปวดนั้นไว้ให้เรื้อรัง กัดกร่อนความเข้มแข็งทีละนิด จนสุดจะฝืนยืนอยู่ได้ ต้องล้มลงคร่ำครวญอย่างบ้าคลั่งให้กับมัน?ใบหน้าของอนาคตจะแสยะยิ้มแยกเขี้ยวให้เห็น ดวงตาที่ปีติของมันจะปูดโปนออกมาอย่างสะใจกับอาการของคุณ ส่วนอดีตจะส่งรอยยิ้มที่ยั่วเย้ยตามมาล่อหลอกให้ใบหน้านองน้ำตาที่กำลังฟูมฟายของคุณต้องกำสรวญเป็นทวี..เมื่อคิดถึงวันวาน.. วันเวลา..เป็นมิตรที่ดีและเป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว มือเรียวงามของโมงยาม จะค่อย ๆ เกลื่อนความรวดร้าวในชีวิตให้จางลง และก็พร้อมจะฉีกบาดแผลให้เปิดกว้างได้อีก เมื่อคุณตกเป็นทาสของอดีต เราต้องยืนอยู่ในจุดสัมผัสของอดีตและอนาคต ปลดเปลื้องตัวเองให้เป็นอิสระกับปัจจุบันกาล รู้จักที่จะปรับความทรงจำให้กับบางสิ่งหลอมละลายไป และดูดซับในอีกสิ่งให้เด่นชัดกับชีวิต..เราต้องเลือกอยู่เสมอว่า ?จะจำหรือจะลืม? เพื่อพาตัวเองขึ้นจากปลักแห่งความเร่าร้อน คล้ายกับหลีกหนี แต่ไม่ใช่ เป็นการถอยออกมาห่าง ๆ เพื่อจะดูว่าก้าวต่อไปของเราจะพ้นหล่มลึกนั่นหรือไม่ ถ้าเกินกำลังของเรา เราก็ลืมเสียว่าได้เดินผ่านเส้นทางนี้ พาตัวเองไปสู่เส้นทางใหม่ แต่จดจำร่องรอยที่ทำให้เราซวนเซลื่นล้มไว้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับตัวเราและปิยมิตรที่ร่วมชะตากรรม? สายน้ำเจ้าพระยาไหลเอื่อย ลมพัดโบกโบยสะบัดพัดพลิ้วแผ่วไหว ..อาทิตย์ใกล้อัสดง ฉันนิ่งเงียบในกระแสเสียงที่แทรกผ่านมาสู่ประสาท บางครั้งมองแผ่นน้ำที่พลิ้วกระเพื่อมเข้าสู่ฝั่งตามแรงของเรือยนต์ที่แล่นไปมา ผักตบชวาลอยเปะปะตามน้ำ บางกอติดอยู่ริมฝั่ง หลายกอลอยตามน้ำไป จะเหมือนความรู้สึกที่ออกจะเหนือความจริง ซึ่งนานครั้งฉันจะรู้สึกเช่นนี้..