27 มกราคม 2548 12:28 น.
หมูก้อย
ตอนที่1 แตกแยก
เมื่อนานมาแล้ว มีประเทศหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเล ซึ่งห่างจากแผ่นดินใหญ่หลายร้อยกิโลเมตร มีชื่อว่าฟาคลูเลสก้า แต่ต่อมาสมาพันธุ์ผู้วิเศษเกิดการเข้าใจผิด จึงบุกยึดสถานที่สำคัญต่างๆ ทางฝ่ายมนุษย์ธรรมดาก็ไม่ได้อยู่เฉยจึงรับมือป้องกัน ทำให้เกิดสงครามระหว่างผู้วิเศษกับมนุษย์ธรรมดา และก็ยุติลงได้ตรงที่มีผู้วิเศษคนหนึ่ง แบ่งแยกดินแดนผืนนี้ออกเป็น2ส่วน ส่วนหนึ่งคือชุมชนของเหล่าผู้วิเศษ ฟาเลสก้า และอีกส่วนคลูเลสก้าพื้นดินที่ซึ่งมนุษย์ธรรมดาแห่งนี้
นี่คือเหตุการณ์ที่หำให้มีคลูเลสก้าแห่งนี้ มีใครจะถามอะไรอีกมั้ย ผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งยืนอยู่บริเวณหน้าห้องเรียนพูดจบ
มือๆหนึ่งชูขึ้นในอากาศ มีค่ะ งั้นทำไมทุกวันนี้ถึงไม่ติดต่อกันล่ะค่ะ ทั้งๆที่สงครามนั้นยุติลงแล้ว สาวน้อยอายุราว13-14 มีผมยาวสยายสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า ดวงหน้ารูปไข่บ่งบอกถึงความฉงน ยกมือขึ้นถามอย่างชัดเจน
ถามได้ดีแอนนิต้า สงครามครั้งนั้นยังไม่จบ มันจะประทุขึ้นมาได้ตลอดเวลาเหมือนกับภูเขาไฟนั่นล่ะ มีคำถามกันแค่นี้ใช่มั้ย เงียบกันไปสักพัก เธอจึงพูดต่อไปว่า ตกลง ตามที่สัญญาเสาร์นี้เจอกันที่เฟเวอร์เบียส สวนดอกไม้บนหน้าผานะจ๊ะ หวังว่าฉันคงจะเจอทุกคนล่ะ เลิกเรียน เธอพูดจบก็เดินออกนอกห้องไปโดยไม่ฟังเสียงทำความเคารพเสียด้วย ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาหลังโรงเรียนเลิก เสียงของเหล่าเด็กๆยามเย็นจึงเริ่มจอแจขึ้น
กลับบ้านกันเถอะ! แอนนี่ เด็กหญิงรูปร่างสูงโปร่ง และเพื่อนๆอีก3คน เป็นเด็กผู้หญิง1คน เด็กผู้ชาย2คน ถลันเข้ามาหาแอนนิต้า
พวกเธอนั่นเอง เอ่อ เจน แคตตี้ แซม แล้วเธอ เออ
เอ็ด เด็กหนุ่มพูดแทนเพื่อต่อให้จบประโยค
**************************************************************************
ณ ยอดเหว เวลา 9.00AM
ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ที่สวนที่สุดและอันตรายที่สุดอีกด้วย มันมักจะมีต้นไม้ ดอกไม้แปลกๆ รวมทั้งสัตว์ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเชียวล่ะคุณครูยังพูดสาทะยายต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่ไม่ใครสนใจอีกแล้วทั้งหมดต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น แต่แล้วทั้งหมดก็ต่างเงียบกริบมุ่งความสนใจไปที่จุดเดียวกันอีกครั้ง หญิงวัยกลางคนซึ่งบัดนี้แต่งตัวด้วยชุดไปรเวท ซึ่งต่างจากชุดที่เคยใส่ไปสอนที่โรงเรียนอย่างสิ้นเชิง หล่อนตั้งต้นประโยคว่า
เอ้าๆสนใจฉันหน่อย ตอนนี้ฉันจะให้พวกเธอหาพื้นที่เหมาะๆเพื่อที่จะสำรวจต้นไม้เหล่านั้น แล้วมารวมตัวกันตรงนี้เวลาบ่ายสามนะจ๊ะครูพูดจบ เหล่านักเรียนนอกเครื่องแบบทั้งหลายก็กระจัดกระจายกันไปในที่ต่างๆ โดนมีเหล่าแอนนี่กับเพื่อนกระจายไปอยู่ ณ ยอดผาที่สูงที่สุดเท่าที่เด็กเหล่านั้นจะขึ้นไปได้
ณ ที่นั้นมีเหล่าดอกไม้ที่แปลกประหลาดยิ่งนัก ซึ่งมันเดินได้ และมีกลุ่มดอกไม้ที่ประหลาดที่สุด ในบรรดาดอกไม้เหล่านั้น คือ มันกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจอาคันตุกะที่มาเยือนเลยสักนิด
เมื่อเวลาล่วงเลยมาแล้วครึ่งวัน เหล่าเด็กๆกลุ่มนี้ต่างสำรวจสิ่งมีชีวิต ณ บริเวณนั้นจนไม่เหลือแล้ว ต่างจึงพากันเบื่อหน่าย และเพียงเวลาหนึ่งเด็กหญิงผู้มีผมสั้นหยิกดำ ใบหน้ากลมมล ผิวสีแทน ผู้มีนามว่าแคตตี้เอ่ยปากออมาว่าเราขึ้นไปสำรวจดูเข้าบนต่อมั้ย เผื่อว่าจะมีต้นไม้ประหลาดๆอีก เธอพูดซ่อนด้วยยิ้มอย่างมีเลศนัย
ก็ดีนี่ ฆ่าเวลาด้วย อ่ะแต่ว่าเธอคงไม่ได้หวังให้มีการผจญภัยนะ เธอก็รู้ เราทั้งหมดไม่ชอบพวกผู้วิเศษ ถ้าเจอกับมันซึ่งๆหน้าเราจะเอาอะไรไปสู้กับพวกนั้น เด็กชายผู้ชื่อเอ็ดเอ่ยปากออกมา
เอาน่าๆ ฉันว่าแถบนี้คงไม่มีพวกนั้นอยู่หรอก เราไปผจญภัยกันเถอะเพื่อนรัก แซมเด็กชายผู้มีแววตาเจ้าเล่ห์เอ่ยออกมาบ้าง
แต่มันอันตรายเอาหน่า ทั้งชันทั้งมีหมอกคลุมเอ็ดให้ความเห็น
ไม่ต้องห่วงหรอก แบบนี้สิเค้าถึงเรียกว่าการผจญภัย ไปกันเลย!!!Let Go!!! ถึงเวลานี้แคตตี้ไม่ฟังคำเตือนของเหล่าผองเพื่อน เธอบุกนำเข้าไป ต่อด้วยแซม~เจน~แอนนี่~เอ็ด ต่อแถวเรียงกันตามลำดับ
พอยิ่งลึกเข้าก็แทบไม่มีเหล่าบรรดาต้นไม้ให้สำรวจ มาจนถึง ณ จุดๆหนึ่งซึ่งแค่ก่อนอาจเป็นที่แวะพัก แอนนี่สังเกตเห็นป้ายคำเตือนเขียนบอกไว้ด้วยภาษาที่ไม่รู้จัก แต่ก่อนที่จะบอกกับสี่เพื่อนซี้ แคตตี้ได้ลื่นไหลตกลงไปซึ่งเป็นเพราะเธอไปยื่นตรงขอบเหวพร้อมกับเพื่อนทั้งสามที่กำลังช่วยกันคว้ามือเธออย่างชุลมุน แอนนี่ได้เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตกตะลึงอย่ายิ่ง และเมื่อสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วนก็ได้แต่ตะโกนเรียกหาเพื่อนทั้งสี่ที่ตกลงไปในเหวลึกแต่ไม่เป็นผล เธอร้องไห้คร่ำครวญเฝ้าวิงวอน
..ได้โปรดใครก็ได้ๆ ช่วยเพื่อนของชั้นที ได้โปรดเถอะ..
..ได้สิ เราจะช่วยท่าน..
เสียงประหลาดดังขึ้นก้องอยู่ในสมอง ไม่ทันไร ลมที่อยู่รอบๆกายพัดโหยหวนราวกับมีชีวิตและเสียใจไปพร้อมๆกับแอนนี่ ต้นไม้ใบไม้เชียวชะอุ่มจนผิดตาไปจากทีแรก แล้วผลัดใบหลุดร่วงจากลำต้นในเวลาอันรวดเร็วเคลื่อนไหวไปตามสายลมราวกับเต้นระบำพัดพาไปยังหุบเหว ในไม่ช้า สิ่งที่เธอวิงวอนก็เป็นจริง
ปาฏิหาริย์ คำแรกที่ผุดขึ้นในใจของแอนนี่ เธอแทบไม่เชื่อสายตา ใบไม้ที่หลุดร่วงลงสู่หุบเหวนำพาร่างเพื่อนทั้งสี่ขึ้นมา พร้อมทั้งรักษาแผลให้เสร็จสรรพ
ละเหลือเชื่อ แอนนี่พูดด้วยความตกตะลึง ยังอยู่ครบ32มั้ย
ใช่! เหลือเชื่อจริงๆ แซมผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเอ่ยขึ้น ให้ตายสิ! เธอเห็นพวกเราเป็นอะไรหลอกกันได้ขนาดนี้ สะใจแล้วใช่มั้ย สมใจรึยังล่ะความโกรธจัดขึ้นหน้า พร้อมทั้งปลุกทั้งสามที่ยังหลับอยู่
ไม่ ฉันไม่รู้
ไม่รู้เรื่องอีกล่ะสิ จะพูดงี้ใช่มั้ย เอาคำอื่นมาพูดสิ บางทีฉันอาจจะเชื่อ เพราะฉันฟังคำๆนี้มาจนเบื่อแล้วล่ะ เขาหยุดตวาดพร้อมทั้งเล่าเรื่องให้คนงัวเงียทั้งสามฟัง
เมื่อฟังจบ สายตาทุกคู่พุ่งตรงไปที่แอนนี่เพียงคนเดียว แต่สายตาทั้งหมดที่จับจ้องนั้น เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ดะเดี๋ยวสิ แอนนี่พูดด้วยน้ำเสียอันสั่นเครือปะปนไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งใบหน้าในขณะนี้เต็ไปด้วยความหวาดผวาและรอยคราบน้ำตาซึ่งกำลังบังเกิดขึ้นมาอีกระลอก งะงั้น เรากลับกันก่อน ละแล้วค่อยว่ากันใหม่
**************************************************************************
+-+หลายวันต่อมา+-+
หมู่นี้ไม่เห็นแอนนี่เลยนะ,ว่ามั้ย แคตตี้เริ่มเรื่อง หรือเธอแซม[เธอชี้มือไปที่แซม]ที่พูดแรงไป
อ่า เพื่อนสองได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับแคตตี้ แซมก็ได้แต่อ้ำอึ้ง
เราจะไม่ไปเยี่ยมกันหน่อยเหรอ?เจนพูดเข้าทีที่สุด สุดซี้ทั้งสามต่างเห็นด้วย หารู้ไม่ว่าแอนนิต้าไม่ได้อยู่บ้านเสียแล้ว
[-:-โปรดติดตามตอนต่อไป-:-]