14 สิงหาคม 2554 19:36 น.
หมึกใหม่
ความอดทนของแม่
ใช่แล้วครับ แม่คือผู้ที่มีความอดทนสูงสุด ท่านอดทนในเรื่องอะไรบ้าง เอาที่ใกล้ตัวเราที่สุด คืออดทนอุ้มท้องพวกเรามาเป็นเวลา9เดือนเต็ม อาหารบางอย่างก็ทานไม่ได้กลัวว่าจะมีผลกับลูกในท้องจำเป็นต้องงด ท่านยังอดทนได้ นี่คือความอดทนของแม่ บางคนก็คลอดแบบธรรมชาติ บางคนก็คลอดด้วยวิธีผ่าตัด ทำทุกวิธีเพื่อให้เราได้เกิดมา ซึ่งคงไม่ต้องบรรยายว่าจะเจ็บปวดขนาดไหน ท่านยังอดทนได้นี่คือความอดทนของแม่ ตอนที่เรายังเป็นทารก ต้องทนอดหลับอดนอนคอยดูแลเรา ไม่ให้ยุงไม่ให้มดหรือสิ่งอื่นมารบกวนมาทำร้ายเราได้ในขณะที่เราหลับ ท่านยังอดทนได้ นี่คือความอดทนของแม่ พอลูกพร้อมที่จะเข้าโรงเรียนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ตำราเรียนและค่าใช้จ่ายอื่นอีกมากมาย แม่ก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยที่เราไม่รู้ตัว นี่คือความอดทนของแม่ จนกระทั่งจบการศึกษาและมีงานทำ มีเงินใช้ แม่ก็ไม่เคยเรียกร้องเงินทองที่ได้ส่งเสียค่าเรียนหนังสือกลับคืนมาสักบาทเดียว แม่เป็นผู้ที่อดทนต่อการรอคอย รอวันที่ลูกพบกับความสำเร็จ เรียนจบ มีงานทำ และที่สำคัญสำหรับลูกผู้ชายก็คือการบวชทดแทนพระคุณแม่ นี่คือความอดทนของแม่ สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมเชื่อแล้วว่าแม่คือผู้ที่มีความอดทนจนวาระสุดท้ายของชีวิต ประมาณปลายปี 49 แม่ผมล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าอาการคงไม่ดีขึ้นเนื่องจากสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมตามอายุขัยและโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้า ตัวผมเอง พี่สาว และพี่ชาย(ขณะนี้บวชเป็นพระ) ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้าไข้ ทุกคนต่างหมดหวังว่าแม่จะฟื้นคืนมาแข็งแรงเป็นปกติ เพียงแต่หวังว่า ขอให้แม่จากไปอย่างสงบ ไม่เจ็บปวด สงสารที่แม่ต้องมีสายน้ำเกลือเสียบเข้าไปที่แขน ต้องเจาะคอ ต้องมีสายเสียบไปที่รูจมูก สิ่งเหล่านี้ทำให้แม่ผมมีชีวิตเพียงแค่ลมหายใจ แต่ไร้การตอบสนองของร่างกาย พูดไม่ได้ ลืมตาไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ทานอาหารไม่ได้ เป็นการมีชีวิตที่เป็นเพียงเปลือกนอก ทุกคนต่างรอสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ว่าเมื่อไรจะมาถึง การเฝ้าไข้จะเสร็จสิ้นตอนไหน ไม่มีใครตอบได้และไม่มีใครอยากตอบคำถามนี้ ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า จิตใจห่อเหี่ยว ซึ่งคงยังไม่ถึงวาระของท่าน หรือมีอะไรที่น่าเป็นห่วง แม่ผมจึงยังไม่จากไป ในชีวิตผม สิ่งที่ผมยังไม่ได้ทำตอนที่แม่ผมยังมีชีวิต นั่นคือการบวช คืนนั้นที่ผมนั่งเฝ้าไข้อยู่ข้างเตียง ผมนำพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ใส่ไว้ในมือแม่ ผมกุมมือแม่ไว้พร้อมกับพูดว่า แม่ครับไม่ต้องเป็นห่วง ผมและพี่ๆสบายดี พี่น้องทุกคนไม่เดือดร้อน พี่น้องทุกคนรักและสามัคคีกันดี ส่วนเรื่องบวชนั้น ผมขอสัญญาว่าต้องบวชให้แม่อย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง จะบวชให้หลายๆวัน ให้สมกับที่แม่รอคอยมานาน ผมขอสัญญา ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไป แม่จะรับรู้หรือไม่ แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่ผมพอทำได้ในขณะนั้น จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น แม่ก็จากไปด้วยอาการสงบ ท่านอดทนรอคำพูดนี้จากปากผมมานานแล้วนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล ท่านอดทนที่จะมีชีวิตเพื่อฟังคำนี้ มองดูเผินๆเหมือนกับว่า ผมพูดไปท่านก็คงไม่ได้ยิน ไม่รับรู้ใดๆ แต่หลังจากที่ผมพูดไปแล้ว ท่านก็จากไป อาจเป็นเพราะเหตุบังเอิญ หรืออาจเป็นเพราะสิ่งที่ผมพูดไปทำให้ท่านหมดห่วง และผมก็ได้ปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ผม ท่านอดทนเพื่อผมและพี่ๆมามากแล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ
สำหรับผมแล้ว แม่คือผู้ที่ความอดทนสูงสุดจริงๆ นับตั้งแต่ลมหายใจแรกของผมจนถึงลมหายใจสุดท้ายของแม่ ทุกท่านรักแม่ให้มากๆนะครับ สิ่งใดที่ยังไม่ได้ทำเพื่อแม่ มีโอกาสให้รีบทำเสีย อย่าให้เสียเวลาเหมือนอย่างผม จนเกือบสายไปหรือเรียกว่าสายไปแล้วก็ได้ แม่จะได้มีความสุข
แด่ คุณแม่ ฉวี ที่เคารพยิ่ง
จาก ลูกๆทุกคน
24 สิงหาคม 2553 23:29 น.
หมึกใหม่
คำขอโทษของพ่อ
มีหลายเหตุผล ที่ทำให้คนสองคนแยกทางกัน ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม สรุปคำตอบออกมาง่ายๆคือ ความไม่พึงพอใจของทั้งสองคนที่มีให้กันและกัน เป็นปกติของชีวิตคู่ หลายคู่อยู่ด้วยกันจนตายไปข้างหนึ่ง และมีไม่ใช่น้อยที่ต้องแยกทางกันไป มีทั้งจากกันด้วยดี และจากกันด้วยอารมณ์แห่งความโกรธแค้นโกรธเคือง เหตุผลแยกย่อยของการแยกทางกันผมจะไม่กล่าวถึงมากนัก แต่ที่ผมอยากกล่าวถึงคือผลลัพธ์ที่เกิดจากการแยกทางกัน ผลก็คือลูกๆขาดการดูแลอย่างครบถ้วน ทำให้เกิดปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม ครอบครัวของผมก็มีปัญหาเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเถ้าถ่านของปัญหาสังคม ก็เป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ครอบครัวผมไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ ซ้ำยังตกต่ำลงไปอีกต่างหาก บรรดาลูกๆขาดการควบคุม พ่อไปมีครอบครัวใหม่ แม่ต้องค้าขายทำงานหาเงินจนไม่มีเวลาอบรมลูก เพราะไม่มีพ่อช่วยทำมาหากิน ผลที่ตามมาก็คือพี่ชายทั้งสามคนของผมไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งรวมถึงผมด้วย พี่ชายคนโตออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นนานๆจึงจะกลับ และกลับมาพร้อมกับรอยสักตามร่างกาย เคยติดคุกคดียิงคน เคยติดกัญชา พี่ให้เหตุผลว่าโลกภายนอกเต็มไปด้วยอันตราย ไม่มีพ่อคอยป้องกัน เราต้องทำให้คนอื่นกลัวเราด้วยการสักตามร่างกาย มีปืนไว้ป้องกันตัวและเสพกัญชาตามคำชักชวนของเพื่อน แน่นอนว่าประวัติแบบนี้หางานทำยาก พี่ชายคนที่สองก็ติดสุราเรียนหนังสือไม่จบ ไม่ยอมทำงาน เหตุที่ติดสุราเพราะว่าตอนหัดดื่มใหม่ๆ ต้องการเพียงแค่อยากมีเพื่อนมาแทนพ่อที่ไม่อยู่ ต้องการเป็นที่ยอมรับของเพื่อนฝูง เนื่องจากไม่มีพ่อคอยรับฟังความคิดเห็น เรียนหนังสือไม่จบเพราะเกเรตามเพื่อนเพราะไม่มีใครห้ามปราม ไม่มีใครชี้ช่องทางที่ถูกต้อง ส่วนพี่ชายคนที่สามนี้ลอกเลียนแบบพี่ชายทั้งสองไว้เกือบทุกประการ เคยติดกัญชา ติดสุรา เรียนหนังสือก็ไม่จบ คบเพื่อนเลว มาถึงตัวผมเองถึงแม้จะเรียนจบมีงานทำ ก็มิใช่จะดำเนินชีวิตด้วยความราบรื่นสักเท่าไร เปลี่ยนงานบ่อยเพราะชอบขัดใจกับหัวหน้างานและผู้ร่วมงาน อาทิ เช่น ไม่ยอมโกงกินเป็นทีม ไม่ยอมไปดื่มสุราท่องราตรีด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมดำรงชีวิตด้วยความยากลำบากในหน่วยงานนั้นๆ จึงทำให้เปลี่ยนงานบ่อย ชอบใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว ไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ดิ้นรนที่จะมีครอบครัว เนื่องจากเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ จึงไม่สมควรที่จะนำพาผู้คนมาลำบากกับเราด้วย และที่สำคัญไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกประเภทยานพาหนะ ทั้งสองล้อและสี่ล้อ ไปไหนใกล้ๆก็ใช้วิธีเดินเท้าหรือถ้าไกลก็ใช้บริการของขนส่งสาธารณะ จึงไม่เป็นที่น่าสนใจของผู้คน จึงทำให้โดดเดี่ยวไปโดยปริยาย นี่เป็นการใช้ชีวิตแบบผิดเพี้ยนของผมเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายข้อที่มิได้กล่าวในที่นี้ จึงทำให้เป็นคนขวางโลก ไม่ลื่นไหลไปตามสังคมที่มีการทุจริต ซึ่งผมยังดำเนินชีวิตแบบนี้ต่อไป
หลังจากที่แม่ได้เสียชีวิตลง ไม่นานนักพ่อก็ได้บวชเป็นพระ และยังได้ชักนำพี่ชายคนที่สองมาบวชด้วย ซึ่งผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายจะทำได้จนกระทั่งเห็นด้วยตาตัวเอง ส่วนพี่ชายคนที่สาม หลวงพ่อ(พ่อ) ท่านก็ดึงเข้ามาเป็นลูกศิษย์วัด ทำให้พี่ชายทั้งสองละทิ้งสิ่งไม่ดีไปโดยสิ้นเชิง เสียดายที่พี่ชายคนโตเสียชีวิตซะก่อน แต่ความดีครั้งสุดท้ายที่พี่ชายได้ทำคือดูแลแม่ที่ป่วยอยู่บนเตียง คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าซักเสื้อผ้า และความดีท้ายสุดในชีวิตของพี่ก็คือนำอุจาระปัสสาวะไปทิ้งในห้องน้ำ ซึ่งกระทำเช่นนี้ทุกวัน แต่วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของพี่ พี่เดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับบ่นว่าเวียนหัวแล้วล้มลงเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก พี่ชายคนโตดูแลแม่จนกระทั่งตนเองเสียชีวิตซึ่ง ณ.เวลานั้นเป็นการทำความดีที่ยิ่งใหญ่ ที่ผมจดจำมาตลอดจวบจนถึงทุกวันนี้
และอีกประมาณหนึ่งปี แม่ก็เสียชีวิตตามพี่ชายไปอีกคน ระหว่างที่แม่มีชีวิต แม่ไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากปากของพ่อในเรื่องที่พ่อแยกทางกับแม่ ไม่มีความรับผิดชอบ ทิ้งลูกๆไว้ให้แม่ดูแล และลูกๆก็หลงเดินทางผิดเพราะไม่มีพ่อคอยช่วยดูแล ซึ่งแม่เองก็ดูแลไม่ทั่วถึง จนกระทั่งแม่เสียชีวิต ผมเองก็ไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษหลุดออกมาจากปากของพ่ออีกเช่นกัน แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้ว่าพ่อได้ขอโทษแม่แล้วก็คือ การนำพาตัวเองและพี่ชายที่เหลือเข้าวัดขัดเกลาจิตใจให้เป็นคนดี ซึ่ง ณ. ปัจจุบัน ผมต้องเรียกหลวงพ่อและหลวงพี่ซะแล้วด้วยความเต็มใจและดีใจ เป็นการแก้ไขในสิ่งผิดที่หลวงพ่อได้กระทำไปในครั้งก่อน ผมเองไม่ได้ยินกะหูแต่รับรู้ด้วยจิตใจ ถึงการกระทำของหลวงพ่อว่าได้ขอโทษแม่แล้ว และผมก็เชื่อว่าแม่ก็ได้รับรู้เช่นกัน
เหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังไม่บรรลุถึงความสำเร็จในชีวิต ยังใช้ชีวิตแบบไม่ลื่นไหลไปตามสังคม ถ้าสังคมมีคนเลวน้อยลงหรือไม่มีเลย มีคนดีมากขึ้น นั่นคือวันที่ผมลื่นไหลไปตามสังคมที่ดี
11 สิงหาคม 2553 22:09 น.
หมึกใหม่
แม่ แปลว่าอะไร
เชื่อว่า มีหลายคำตอบ ไม่สิ้นสุด คำตอบที่ผมจะให้ผู้อ่านต่อไปนี้ เป็นเพียงคำตอบหนึ่ง จากหลายคำตอบของใครหลายคน
แม่ แปลว่า ผู้ที่ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่ง ความสุขของลูก โดยไม่สนว่า วิถีทางนั้นๆ จะถูกหรือผิด คุณเคยอาจได้ยินข่าวว่ามีหญิงคนหนึ่ง ขโมยเสื้อผ้าเด็กในห้างดัง เพื่อนำไปให้ลูกสวมใส่ คุณเคยอาจได้ยินข่าวว่ามีหญิงคนหนึ่ง ต้องยอมเป็นหนี้เพื่อส่งลูกเรียนหนังสือ คุณเคยอาจได้ยินข่าวว่ามีหญิงคนหนึ่งต้องติดสินบนเจ้าพนักงานเพื่อให้ลูกพ้นผิดในคดีต่างๆ ฯลฯ
แม่ แปลว่า ผู้ดูแลการเข้าออกของบุคคลในบ้าน เสมือนหนึ่งยามเฝ้าประตู คอยดูแล ซักถาม จะไปไหน ไปกับใคร ไปหาใคร และที่สำคัญ จะกลับมาเมื่อไร คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่เคยกลับบ้านดึก ภาพแรกที่เห็นเมื่อคุณเปิดประตูเข้ามา คือแม่คุณนั่งอ่านหนังสือบนเก้าอี้ มีข้าวต้มร้อนๆ วางอยู่บนโต๊ะ ท่านยุติการอ่านหนังสือ วางหนังสือพร้อมแว่นตาบนโต๊ะ และถามว่า เที่ยวสนุกไหม กินอะไรมาหรือยัง แม่เตรียมไว้ให้แล้ว หลายคนอาจเจอในเหตุการณ์ที่ตรงกันข้าม รับประทานไม้เรียวแทนข้าวต้มร้อนๆ จากคำว่า เที่ยวสนุกไหม ก็กลายเป็น มึงไปไหนมา ทำไมกลับมาดึกขนาดนี้ ไม่ว่าจะเหตุการณ์ใดก็แล้วแต่ ในใจของแม่นั้นดีใจที่เห็นลูกมีชีวิตรอดกลับมา
แม่ แปลว่า ผู้ที่หยั่งรู้ในตัวบุคคลอื่นหรือที่เรียกว่าหมอดู แม่คอยบอกเสมอว่า คนนี้คบได้ คนนั้นคบไม่ได้ คนนั้นดี คนนี้ไม่ดี ฯลฯ ท่านรู้ได้อย่างไร ทั้งที่เพียงแค่มองผ่านๆ โดยไม่ดูลายมือเลย ซึ่งถูกต้องตามที่ท่านได้พูดไว้ แม่นยิ่งกว่าหมอดูตาทิพย์ไหนๆ
แม่ แปลว่า ผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านตัวเลขและการคำนวณ เช่น มีเงิน 200 บาท ซื้อเสื้อ 199 บาท จะเหลือเงินเท่าไร แม่ตอบว่า เหลือเงิน 20 บาท ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นหรือ แม่บอกว่า ตัวนี้ 180 บาทได้ไหม เหลือ 20 บาท ขอเป็นค่ารถกลับบ้าน เสื้อตัวนี้เอาไปให้ลูกชายใส่ โอกาสหน้าจะพาลูกสาวมาซื้ออีก 2 ตัว สรุป แม่ก็คือนักต่อรองหรือนักบั่นทอนราคาสินค้าให้ราคาลดลงจากราคาป้าย เพื่อนำเงินที่เหลือไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น 200 บาท ลบ 199 บาท เท่ากับ 20 บาท ซึ่งครูสอนวิชาคำนวณที่เก่งๆคนไหนก็ไม่สามารถ ทำให้คำตอบออกมาเป็นเช่นนี้ได้ แต่แม่ทำได้
แม่ แปลว่า ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ โดยที่ไม่ใช้เครื่องมือแพทย์ ไม่ใช้ยา ใช้เพียงลมเป่า คาถาอาคมและฝ่ามือในการรักษาเท่านั้น เช่น หัวเข่าลูกไปกระแทกอะไรมาจนฟกช้ำดำเขียว แม่ก็จะพึมพำเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้แล้วเป่าลมปากไปที่หัวเข่า ใช้มือขยี้ไปที่หัวเข่าพร้อมกับพูดว่า เพี้ยง หายแล้วไม่เจ็บแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ารอยฟกช้ำดำเขียวยังอยู่เหมือนเดิม แต่ลืมความเจ็บปวดไปได้พักใหญ่ หมอทำให้คนไข้หายเจ็บปวดได้โดยใช้ยาชา แต่แม่ทำให้ลูกลืมความเจ็บปวดได้โดยใช้คำพูดและฝ่ามือ คงไม่มีโรงเรียนแพทย์ที่ไหนสอนให้แพทย์รักษาคนไข้แบบนี้ แต่แม่ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ไม่เคยเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยสามารถทำได้
นี่เป็นเพียงเศษละอองของคำตอบส่วนหนึ่งเท่านั้น เชื่อว่าหลายท่าน มีตำตอบในใจของท่านอยู่แล้วซึ่งเห็นแตกต่างกันไป หรือ เหมือนกัน แต่ทั้งหมดของคำตอบก็เพื่อ ยกย่องแม่ ชื่นชมแม่
คำว่า แม่ เขียนสั้น อ่านง่าย แต่ความหมายนั้นยิ่งใหญ่
1 สิงหาคม 2553 08:46 น.
หมึกใหม่
กลับมาเถิดวันวาน
ใช่แล้วครับ ผมอยากให้กลับมาอีกครั้ง แม้เป็นครั้งเดียวในชีวิตก็ตาม ถ้าผมมีเครื่องย้อนเวลา ผมจะย้อนเวลาไปยังปี พ.ศ. นั้น ณ.ที่แห่งนั้น ณ.เวลานั้น เพื่อกลับไปขอโทษใครคนนั้น
ขอโทษครับ ผมกลับบ้านผิดเวลา เพราะมัวแต่เที่ยวเตร่ แต่โกหกใครคนนั้นว่า ไปติวข้อสอบที่บ้านเพื่อน
ขอโทษครับ ที่ผมเข้าใจผิดคิดว่าใครคนนั้น เป็นคนขี้งกขี้เหนียว แท้จริงแล้วก็เพื่ออนาคตของผม โดยที่ใครคนนั้นแทบไม่ได้ใช้เงินเลย
ขอโทษครับ ที่ผมคิดว่าใครคนนั้น เป็นคนใจร้าย ใช้ไม้ไผ่ที่ไร้สากเสี้ยนหวดก้นผม เพื่อสั่งสอนผมว่า สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร
ขอโทษครับ ที่ผมหงุดหงิดเวลาหิว เพียงแค่ใครคนนั้น จัดสำรับกับข้าวไม่ทันใจ ถึงแม้ว่าใครคนนั้น ยังไม่กินอะไรเลย
ขอโทษครับ ที่ผมไม่ได้ไปเยี่ยมไข้ ในเวลาที่ใครคนนั้นเจ็บป่วย โดยอ้างว่างานยุ่ง ทั้งๆที่ใครคนนั้นเคยเฝ้าไข้ คอยเช็ดตัวให้ผม โดยที่ใครคนนั้น ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ขอโทษครับ ที่ผมบวชทดแทนบุญคุณท่านช้าไป เพราะใครคนนั้น สิ้นลมหายใจไปแล้ว
แน่นอนครับ ใครคนนั้น หาใช่ใครอื่น ใครคนนั้นคือแม่ของผมเอง ถ้าเครื่องย้อนเวลามีจริง ผมจะกลับไปขอโทษแม่ กราบเท้าท่าน โอบกอดท่าน หอมแก้มท่าน ประคองท่าน ป้อนข้าวท่าน อ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟัง อื่นๆอีกมากมาย
ปัจจุบันนี้ผมไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนั้นแล้ว เพราะท่านไปอยู่บนสรวงสวรรค์แล้ว ท่านคอยดูแลผมอย่างใกล้ชิด บนสรวงสวรรค์ที่ห่างไกล
หนึ่งคำขอโทษของท่านผู้อ่าน คือการเพิ่มชั้นความดีของคุณ ผู้พิพากษายังตัดสินลดโทษให้นักโทษได้ แล้วทำไมแม่จะไม่ให้อภัยเรา
ความดีทั้งหมดนี้ ขออุทิศให้แก่ คุณแม่ ฉวี
30 กรกฎาคม 2553 22:53 น.
หมึกใหม่
จริงหรือไม่ที่ใครๆมักกล่าวว่า ผู้หญิงมักชอบผู้ชายเลว มันจะจริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาหาคำตอบ แต่เรามาหาคำตอบว่า ทำไมผู้หญิงจึงมีรสนิยมเช่นนั้นกันดีกว่า ดังเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้
เรื่องที่ 1
คนดีไม่น่าจดจำ
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการสนทนาของบรรดาสาวๆในกลุ่มเพื่อนด้วยกัน
นี่เธอวันนั้นรถแน่นมากเลย ฉันขึ้นไปนะไม่มีที่นั่งเลย แต่มีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ลุกให้นั่ง สุภาพบุรุษมากเลยน่ะ
เหรอแล้วเขาชื่ออะไร ทำงานอะไร บ้านอยู่ที่ไหน อายุเท่าไร หน้าตาเป็นไง
เออ เรื่องนี้ฉันไม่ได้สนใจเลยว่ะ ฉันสนใจเพียงแค่ได้นั่ง จนลืมขอบคุณเขาด้วยซ้ำไป หน้าตาเป็นไงก็จำไม่ได้
ผิดกับตัวอย่างต่อไปนี้
นี่เธอวันนั้นรถแน่นมากเลย ฉันขึ้นไปนะไม่มีที่นั่งเลย ไม่มีใครลุกให้นั่งเลยบ้างก็คุยโทรศัพท์ บ้างก็มองออกไปนอกหน้าต่างทำเป็นไม่เห็น และไอ้ที่เลวร้ายสุดคือแกล้งหลับ ไอ้พวกนี้บ้านอยู่ไหนกันบ้างวะถึงได้แล้งน้ำใจขนาดนี้ ฉันจำหน้าพวกมันไว้หมดแล้ว อยากให้เจอบนรถอีกสักครั้งถ้าฉันได้นั่งก่อนพวกมัน ฉันจะแกล้งหลับบ้างคอยดูนะ
เห็นไหมว่าตัวอย่างทั้งสอง แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กลายเป็นว่าสิ่งที่ผู้หญิงอยากสัมผัส อยากจดจำ อยากรู้ที่อยู่ ก็คือคนที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น อาจเป็นเพราะว่าสุภาพบุรุษไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น ไม่มีอะไรให้ลุ้นระทึก ไม่ก่อความวุ่นวาย จึงไม่น่าสนใจ ไม่น่าจดจำ นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น คุณล่ะคิดอย่างไร