3 กันยายน 2547 19:19 น.

รักแท้..ที่เธอลืม

หมึกมรกต

ตะวันคล้อยลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว เป็นสัญญาณเย็นย่ำที่กำลังเข้าสู่เวลาคืนรังของฝูงนกที่บินมาคราคร่ำทั่วผืนฟ้า แล้วเหินหายไปยังป่าใหญ่เชิงเขา นับเป็นแห่งเดียวในละแวกนี้ ที่ยังคงไว้ซึ่งสภาพป่าสมบูรณ์ เพราะโดยรอบถูกถางเผาเป็นที่โล่ง ตั้งแต่ครั้งชาวบ้านขายที่ให้นักธุรกิจจากกรุงเทพฯ สร้างเป็นรีสอร์ท เพื่อแลกกับความสุขสบาย 

ในละแวกนี้ มีบ้านเพียงไม่กี่หลังคาเรือนที่ยังคงสมัครใจจะมีความเป็นอยู่คงเดิม หนึ่งในจำนวนน้อยนั้นคือ บ้านหลังกะทัดรัดของ จำเนียร เพราะเธอไม่คิดทะเยอทะยานอยากมั่งคั่งจากการขายที่ดินทำกินให้กับนายทุนที่มากว้านซื้อ แม้ว่าจะมีการยื่นข้อเสนอที่งดงาม แต่ชีวิตนี้เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ อีกทั้งไม่มีใครให้ต้องห่วงหา เว้นแต่ แพร ลูกสาวซึ่งกำลังเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ นึกถึงตรงนี้แล้วน้ำตาซึมทุกที เพราะมันคือความภาคภูมิใจ ที่เธอสู้บากบั่นอดทนทำงานหนักส่งเสียให้ลูกได้มีการศึกษาที่ดี 

นับแต่พ่อของลูกจากไปด้วยโรคหัวใจ ตั้งแต่ลูกเพิ่งเริ่มหัดพูด ในชีวิตเธอก็ผูกผันอยู่เพียงกับลูกและบ้านหลังนี้ ซึ่งนับเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่สามีได้ทิ้งไว้ให้พร้อมสวนกุหลาบหลังบ้าน อันเป็นแหล่งรายได้หลัก ซึ่งแลกมาด้วยหยาดเหงื่อทุกหยดที่รินรด หากขายที่ให้นายทุนก็คงได้เงินไม่น้อย แต่นั่นไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอแม้สักนิด

เธอพักมือจากการพรวนดินในสวนกุหลาบ ด้วยว่าอาการปวดหลังที่พักนี้ออกจะเป็นบ่อยครั้ง ครั้นจะไปหาหมอในเมืองก็เกรงว่าเงินที่เก็บออมไว้จะไม่พอหากลูกขาดเหลือแล้วขอมา สองมือที่เริ่มเหี่ยวย่นกระชับด้ามเสียมแน่นเพื่อพยุงยันกายลุกขึ้น แล้วเดินขึ้นเรือนเตรียมจัดหาอาหารเย็น หลังล้างมือ เอาน้ำลูบหน้าเรียกความสดชื่นแล้วก็เข้าครัว เปิดดูในตู้ยังมีน้ำพริกหนุ่มที่โขลกไว้ตั้งแต่เมื่อวานเหลืออยู่ จึงคิดว่าจะผัดผักบุ้งกินแกล้มก็พอแล้ว 

ครั้นจัดเตรียมสำรับเสร็จก็เปิดวิทยุฟังข่าว ยังไม่ทันนั่งก็มีเสียงเรียกมาจากชานเรือน ออกไปดูก็พบเจ้าโก้ลูกยายปริกข้างบ้าน ยืนถือชามกากหมูผัดพริกแกงโรยมากับใบมะกรูดซอยทอดกรอบส่งกลิ่นหอมฉุย 
"แม่ให้เอามาให้ครับป้า" 
"ขอบใจมากลูก เออ รอเดี๋ยวนะเดี๋ยวป้าตักผัดผักบุ้งให้"
ได้จานผัดผักบุ้งแล้ว เจ้าตัวเล็กก็หยิบชิมซะเดี๋ยวนั้น "อื้อฮือ ป้าผัดผักบุ้งอร่อยเหมือนเดิมเลย วันนี้ผมกินข้าวพุงกางแน่" ว่าแล้วก็ลงเรือนวิ่งแจ้นกลับบ้าน 
นางเห็นท่าทีของเจ้าโก้แล้วเห็นขันในความไร้เดียงสา น่ารักน่าชัง และเป็นเด็กช่างพูดเหมือนลูกสาวเธอเมื่อยังเล็กไม่มีผิด 

ครั้นตักกากหมูผัดพริกแกงทานกับข้าว ก็ให้นึกถึงลูก เพราะนี่คืออาหารจานโปรดของลูกก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าไปอยู่กรุงเทพฯจะมีโอกาสได้กินบ้างหรือเปล่า 

เธอจ้องกรอบรูปหญิงสาวหน้าหวาน วางตั้งไว้ที่ดานหนึ่งของโต๊ะอาหาร รูปนี้ได้มาเมื่อเกือบ 3 ปี แล้ว ตอนที่ลูกกลับมาเยี่ยม เห็นรูปแล้วก็สะท้อนใจด้วยความคิดถึง 

นับตั้งแต่กลับไปคราวนั้นจดหมายก็ไม่ได้เขียนมาคุยเลย ครั้งหลังบอกว่า เรียนหนักไม่ค่อยมีเวลา แต่เธอก็ยังพยายามดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย จัดส่งให้มิเคยบกพร่อง แม้ลูกจะขอมาพิเศษก็ไม่เคยปฏิเสธแม้สักครั้ง...
ครั้นเก็บสำรับแล้วจึงออกมานั่งเล่นที่ชานเรือน 

นึกถึงเมื่อก่อนสมัยลูกยังเล็ก ร้องไห้งอแงเวลาง่วงนอน ต้องคอยปลอบ กล่อมให้นอนหนุนตัก แล้วเล่านิทานให้ฟังจนหลับผล็อย
"แม่จ๋า หนูรักแม่เท่าฟ้าเลย" เสียงเจื้อยแจ้วยังดังอยู่ในความคำนึงให้ยิ้มปลื้มเสมอ ลูกคงไม่รู้หรอกว่าความรักที่แม่มีให้ลูกนั้น มันมากกว่าที่ลูกมีให้แม่จนประมาณมิได้ และยากเกินจะเอ่ยออกมาได้ ก็ทั้งชีวิตแม่นี้อย่างไรเล่า ที่ยินยอมพร้อมจะพลีให้ และทำทุกสิ่งให้ลูกมีความสุข เติบใหญ่เป็นคนดี เพียงเท่านี้แม่ก็พอใจแล้ว
"แพรอยากทำงานอะไรลูก" เธอถามลูกเมื่อเริ่มเรียนมัธยมปลาย 
"แพรอยากเรียนกฎหมายจ้ะแม่ แพรอยากเป็นทนายความ จะได้ช่วยคน ที่ไม่รู้กฎหมายที่ถูกเอาเปรียบ ถ้าเขาไม่มีเงินแล้วมีปัญหา หนูก็จะว่าความให้ฟรีจ้ะแม่
นางลูบผม ยิ้มชื่นชมกับความคิดความอ่านของลูก 

"แต่เรียนมหาวิทยาลัยมันก็ใช้จ่ายเยอะนะแม่ หนูเลยคิดว่าพอจบมอหกแล้วอาจจะหางานในเมืองทำ อีกอย่าง จะได้อยู่ใกล้ๆ คอยดูแลแม่ไง" ว่าแล้วก็ซบลงหนุนตัก
"อย่าห่วงเลยลูก ถ้าอยากเรียนต่อก็เรียนเถอะ เรื่องเงินน่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก สวนกุหลาบหลังบ้านเราก็ยังทำเงินได้ตลอดปี ป้ามาลีก็ยังมารับไปขายที่ตลาดทุกเช้า เงินเราไม่ขาดมือหรอกลูก" 

วันที่เธอปลื้มใจอีกครั้งก็ตอนที่ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้. จำได้ว่าของขวัญที่ให้เป็นรางวัลลูกคือ เสื้อถักไหมพรมสีครีม สีที่ลูกชอบ เธอถักเสร็จในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เพราะตื่นเต้นดีใจ บางวันถักเสียจนถึงเช้าเผื่อว่าลูกจะได้ใส่นอนที่กรุงเทพฯ เพราะไม่รู้ว่าตอนกลางคืนอากาศจะเย็นเหมือนที่ลำปางหรือเปล่า
"ป้าเนียร.ป้าเนียร" เสียงเรียกจากหน้าบันไดปลุกนางตื่นจากภวังค์ พบลำไยลูกลุงชิดยืนชะเง้ออยู่ 
"อ้าว ว่าไงลูก กลับมาเยี่ยมบ้านรึ ขึ้นมาบนเรือนก่อนสิ
"ไม่เป็นไรจ้ะป้า พอดีหนูผ่านมาเลยแวะทัก....เออ แล้วแพรไม่กลับมาบ้านหรอกรึ ถามพลางชะเง้อ
ไม่ได้มาหรอกลูก...คงไม่มีเวลามั้ง" 
"เอ..ก็ไหนเขาบอกหนูว่าจะกลับมาบ้านแต่ช่างเหอะ...ตกลงป้าจะลงไปกรุงเทพฯวันไหนล่ะ" 
"ไปทำไมล่ะลูก" เธอถามด้วยฉงน 
"อ้าว! นี่ป้าไม่รู้หรอกเหรอ หนูกับแพรน่ะ เราเรียนจบกันหลายเดือนแล้ว เนี่ยหนูมาส่งข่าวที่บ้านจะให้ลงไปงานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยวันพุธหน้า ส่วนแพรรับวันจันทร์" 
"จริงเหรอลูก" เธอตื่นเต้นดีใจ "สงสัยแพรคงยุ่งอยู่ล่ะมั้ง เลยลืมส่งข่าวแม่ เห็นแต่วันก่อนก็ส่งโทรเลขมาขอเงินมากโข ดีนะที่ลำไยมาบอกป้า ไม่งั้นแพรคงเสียใจแย่ที่แม่ไม่ได้ไปงานรับปริญญา" 
"แล้วป้าไปถูกมั้ยล่ะ" 
"ก็น่าจะถูกนะลูก ป้าเคยไปเยี่ยมแพรที่หอพักเมื่อตอนเข้าเรียนใหม่ๆ เห็นว่ามหาวิทยาลัยก็อยู่ใกล้ๆ กับหอพัก ป้าว่า ถามคนแถวนั้นคงจะรู้" 
"ถ้างั้นหนูคงไม่ห่วงล่ะ อ้อ!ป้าไปแต่เช้าหน่อยก็ดีนะ จะได้ไปถ่ายรูปกับแพรก่อนเข้าห้องประชุม เห็นว่านัดเจอกับเพื่อนหน้าตึกคณะนิติศาสตร์ตอน 7 โมงเช้า หนูก็ว่าจะแวะไปเหมือนกัน...ถ้างั้นหนูลาป้าล่ะนะพ่อรอกินข้าวอยู่ แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ นะป้า" ลำไยยกมือไหว้ลา 

ลำไยกลับไปพักใหญ่แล้ว แต่เธอยังคงตื่นเต้นไม่หาย ดีใจที่จะได้เห็นรอยยิ้มปลาบปลื้มของลูก

ค่ำคืนนี้ช่างเป็นคืนที่เธอนอนหลับอย่างมีความสุขเหลือเกิน พร้อมใบหน้าลูกสาวยิ้มละไมลอยอยู่ในความฝันตลอดคืน

...โปรดติดตามตอนต่อไป...				
14 สิงหาคม 2547 10:27 น.

ภาพสวยๆเก็บมาฝากอีกแล้วครับ

หมึกมรกต

จะพาเธอท่องไปในธรรมชาติ
ที่แต้มวาดลวดลายในไพรผืน
ที่ทุกสิ่งพริ้งสะพรั่งอย่างยั่งยืน
ให้ฉ่ำชื่นในชีวิตนิจนิรันดร์				
12 สิงหาคม 2547 07:34 น.

.."ผมรักแม่ แต่..ผมทำได้แค่นี้"..

หมึกมรกต

ครอบครัวนี้มีด้วยกัน 4 คน คือ แม่ และลูก ๆ อีก 3 คน วันหนึ่ง 
แม่เกิดเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมานั่นก็คือ เป็นโรคหัวใจ!! 
จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยด่วน ลูกชายทั้ง 3 รักแม่มาก 
และรู้ว่าตนเองนั้นต้องทำอะไรซักอย่างให้กับแม่บังเกิดเกล้าของเขา 

คนโตเป็นนักธุรกิจพันล้านมีธุรกิจใหญ่โต 
ได้รับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายในทุก ๆ ด้าน 
โดนยอมสละเวลาในการเซ็นสัญญาเพื่อมาคอยเฝ้าไข้คุณแม่ 

คนรองเป็นนายแพทย์ชั้นนำของโลก รับผิดชอบในการรักษาคุณแม่ 
และทำการเรียกประชุมสมาคมแพทย์ทั่วโลกเพื่อหาวิธีรักษาคุณแม่ของเขา 

คนเล็กนั้น ยังไม่มีงานทำ 
เนื่องจากตนนั้นมิได้มีความเฉลียวฉลาดเหมือนกับพวกพี่ ี่ ๆ 
เขาสำนึกตัวอยู่ตลอดว่าตนเองนั้นคงไม่มีกำลังพอที่จะช่วยแม่ที่เขา 
เทิดทูนได้อย่างที่พี่ ๆ ทั้ง 2 ทำได้ 
แต่เขารู้ว่าตนเองต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อแม่ของเขา 

 

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา 
การผ่าตัดหัวใจเป็นไปได้ด้วยดี 
และคุณแม่ก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปนานถึง 4 วันทีเดียว 
คุณแม่ได้พบหน้าลูกทั้งสองคน คือคนโตและคนรอง 

แต่กลับไม่ได้พบหน้าลูกคนเล็ก คุณแม่จึงถามลูก ๆ ทั้งสองว่า 
น้องไปไหน 

แต่คนโตกลับบ่ายเบี่ยงไปว่าคุณแม่พึ่งฟื้น ให้ทานอาหารก่อน 
แล้วเขาก็ออกไปนำอาหารมาให้คุณแม่ คุณแม่ถามคนรอง 
แต่คนรองก็บอกกับคุณแม่ว่า ผมต้องไปนำยามาให้แม่ทานหลังอาหาร 
และก็จากไป คุณแม่สงสัย เพราะกิริยาอาการของลูกทั้งสองนั้นไม่ธรรมดาเลย 
เมื่อทุกคนอยู่พร้อมกันคุณแม่จึงถามขึ้นมาอีกครั้ง 

น้องอยู่ไหน ทั้งสองอ้ำอึ้ง 
และไม่มีใครที่อยากจะตอบคำถามแม่ของเขาเลย 

คุณแม่ถามย้ำ บอกมานะ น้องอยู่ที่ไหนกัน 
คนโตตอบคุณแม่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า 

น้องอยู่ในหัวใจคุณแม่ครับ 

คุณแม่ยังงุงงงกับคำตอบของลูกชายคนโตมาก...
จึงหันหน้าไปถามคนรองซึ่งกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน 
หมายความว่าไงลูก คนรองตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ 
ดวงตาเอ่อล้นด้วยหยดน้ำตาที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน 
พวกเราสามคน พอรู้เรื่องว่าแม่ไม่สบาย 
ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง ผมและพี่ 
ได้ทำในสิ่งที่ตนเองทำได้และควรกระทำแล้ว 
และน้องก็ได้ทำสิ่งที่พวกผมไม่มีความกล้าพอที่จะทำได้ให้กับแม่ 

แม่ไม่เข้าใจ!!... 'วันนั้นเป็นเวรของน้องที่จะมาเฝ้าไข้แม่ 
โดยที่พวกผมจะมาเปลี่ยนเวรกันในตอน 6 โมงเช้า เมื่อผมเข้ามาถึง 
กลับไม่เห็นน้องอยู่ในห้องของแม่ แต่มีโน๊ตเขียนไว้ตรงเตียงแม่ว่า '

พี่รอง ผมอยู่ในห้องน้ำ และไม่ต้องตกใจสิ่งใดทั้งสิ้น 
ผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ ปรากฏว่า.. 
น้องได้ทำการฆ่าตัวตายโดนใช้มีดปลอกผลไม้ 
กรีดที่ข้อมือตัวเองในอ่างน้ำ โดนให้เลือดไหล ช้า ๆ 
เพื่อที่หัวใจจะยังสามารถทำงานพอที่จะนำมาช่วยแม่ได้ 
น้องเขียนจดหมายไว้ในห้องน้ำว่า 
'นำหัวใจผมไปช่วยแม่ ผมรักแม่ แต่ผมทำได้แค่นี้'
น้องเสียแล้วเพราะเลือดไหลมากเกินไป 
และผมก็ได้นำหัวใจของน้องมาช่วยแม่ครับ 

' ไม่!!...ไม่จริงใช่ไหมลูก.. น้องออกไปหางานทำเท่านั้นใช่ไหม.. 
อย่ามาหลอกแม่เลย.. ' 
ลูกคนโตปลอบโยนคุณแม่ที่ทำท่าปฏิเสธทั้งน้ำตาว่า แม่ครับ 
พวกผมสองคน ให้แม่ยังไม่ได้ครึ่งของน้องเลยครับ 
เราสามคนรักแม่มาก และผมก็เข้าใจน้องดีครับ แม่ทำใจนะครับ 
พวกเรา จะยังคงอยู่ด้วยกัน 4 คนเหมือนเดิม 
ไม่มีวันใดที่พวกเราจะแยกจากกันหรอกครับ แม่สะอื้น 
แต่เริ่มทำใจได้แล้ว 
แม่รักลูก รักลูกทุกคน และลูกทุกคน จะอยู่กับแม่เสมอ และตลอดไป 
ทั้ง 3 คน ร้องไห้ และพร่ำเรียกหาน้องคนเล็ก..

แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ยินเสียงของแม่และพี่ชายทั้งสองคนอีกครั้งก็ตาม....				
11 สิงหาคม 2547 17:20 น.

ร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในวโรกาสครบรอบ ๗๒ พรรษานวมินทรราชินี

หมึกมรกต

เบิกฟ้าเบิกขวัญเบิกแผ่นดิน
        ๏ ๏กลอนสุภาพ๏ ๏

     ๏ทิวาทิพย์สิงห์สิบสองเพชรส่องแสง
งามเจิดแจ้งไพจิตรสถิตสยาม
แท่นทองรัตน์ฉัตรแก้วเพริศแพร้วตาม
รองรับรามโศภินแผ่นดินทอง

     ๏นางฟ้าฟ้อนโปรยฟ้าดาราขวัญ
เทพสวรรค์บรรเลงเพลงกึกก้อง
สุรีย์พร่างสว่างวาวพราวลำยอง
ผกากรองโชยกลิ่นรินรื่นรมย์

     ๏เทพถวายพรพุทธพิสุทธิ์ใส
พระพายไล้โลมอุ่นบุญเสกสม
เดือนฉายแสงแข่งดาวพราวพริ้งพรม
เสียงระงมลิ่วลิบทิพย์ดนตรี

     ๏ต่างรับขวัญศิริโฉมบรรโลมหล้า
สิริสง่างามเลิศประเสริฐศรี
สิริศักดิ์ลักษณาบารนี
สิริศรีโสภัทรวัฒนา

     ๏สิริธรอ่อนหวานปานผาณิต
สิริจิตเจริญสมคมคุณค่า
สิริเพ็ญเย็นล้ำฉ่ำศรัทธา
คือแก้วฟ้า สิริกิติ์ พิศประไพ				
2 สิงหาคม 2547 12:04 น.

ภาพสวยๆเก็บมาฝากครับ

หมึกมรกต

ตะวันเริ่มโผล่ตนพ้นขอบฟ้า
มวลพฤกษาแซมซับรับแสงฉาย
มาลีแยกกลีบยิ้มอย่างพริ้มพราย
นกบินส่ายปีกร่อนย้อนสุรีย์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมึกมรกต
Lovings  หมึกมรกต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมึกมรกต
Lovings  หมึกมรกต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมึกมรกต
Lovings  หมึกมรกต เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหมึกมรกต