หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
๑). ในความอึกทึก - มีความเงียบ อันราบเรียบเงียบเหงาและเบาแผ่ว นุ่มนวลอ่อนโยนราวขนแมว ล่องแล้วลอยอยู่มิรู้ลง ในความฝันสีดำ - มีความขาว เป็นจุดดาวพราวพุ่งอยู่สูงส่ง เพื่อทอความงามงดเป็นกลดทรง ทอดวงแสงวาดอยู่ดาดฟ้า แหละในความเติบใหญ่ - มีวัยเยาว์ ผุดเงาร้อยเรียงความเดียงสา ในดวงใจหนักหน่วง - มีดวงตา เพรียกหาหัวใจแห่งวัยเยาว์ ๒). คล้ายคล้ายกลิ่นทะเลได้เพพัด แหละคลื่นซัดสะท้อนวันก่อนเก่า ลำสนสูงยอดนั้นทอดเงา ลมเป่าหาดทรายฟุ้งฟายมา คล้ายคล้ายดอกไม้ขาวกลีบเบาบาง อวดร่างรูปทรงอยู่ตรงหน้า ในฤดูเมฆขาวเริ่มเทาทา รอเวลาแตกเกล็ดเป็นเม็ดน้ำ แห่งสิงหาคม------ สายลมหมาดชื้นเริ่มชื่นฉ่ำ เธอมาคืนที่ฝันสีดำ ฝันซึ่งซากซ้ำประจำมา ในความเจ็บปวดความรวดร้าว ความหนาวเหน็บหนักนั้นนักหนา มือเบาเย็นชื่นเธอยื่นมา ดวงตารอยยิ้มเธอเยี่ยมเยือน เสียงสนวู่ไหวในสายลม สิงหาคม---ดวงตาที่ฝ้าเฝื่อน จับจ้องใบหน้าเธอไว้เพ้อเตือน ก่อนการเคลื่อนสติสู่ภวังค์!! ๓). ไกลโพ้น------ ปุยอันอ่อนโยนอยู่โพ้นฝั่ง ระเบียงที่ดาวละดวงยัง ระยับปลั่งเปล่งสุกอยู่ทุกดวง ห้วงแห่งการหลับใหลตามลำพัง ฉันเพรียกขานความหลังอันลับล่วง เพ่งอยู่ในความกว้างที่ว้างกลวง ทั้งปวง---ที่ไร้ที่ไม่มี ในความเงียบอันมิรู้ตัว กับความกลัวการหลับอยู่กับที่ ช่วงแห่งนาฬิกาต่อนาที ลมหายใจที่ช่างแผ่วเบา ห้วงแห่งการหลับใหลอันยาวนาน คืบคลานดิ่งดำสู่ความเศร้า สูญเสียการหวังคาดและวาดเดา แห่งเค้าดวงหน้าเมตตานั้น ไกลโพ้น------ ดั่งลอยโกลนเรือร้างอยู่กลางฝัน เบื้องเหนือดาวดื่นนับหมื่นพัน พรางแสงเงียบงันอยู่ระยับ แล้วดอกไม้ก็ร่วงจากดวงดาว กลีบขาวแสนงามในยามหลับ แอมโมเนียฉุนจัดสัมผัสรับ และดวงตาดำขลับจ้องจับมา ๔). ฉันมองโลกด้วยตาเพียงข้างเดียว โน้มเหนี่ยวจักรวาลด้วยควานหา อธิบายสิ่งสรรพเพียงหลับตา เยียวยาความบอดใบ้มอดตน จึงรู้---ในความงามมีความเศร้า ครึ่งค่อนวัยเยาว์ช่างเหงาหม่น ผิวทะเลที่แดดได้แผดปน เสียงลมหวิววู่สนลู่ใบ ปิดตาข้างหนึ่ง---ข้างหนึ่งเปิด ดูเถิด - เส้นระที่จะไต่ แนวราบระนาบตลอดที่ทอดไกล แบ่งน้ำกับฟ้าไว้อย่างชัดเจน โอวัยเยาว์------ การเติบโตแสนเศร้า---และล้อเล่น กาลเวลาอัดหนีบซ้ำบีบเค้น หลอมเป็นชีวิตเบี้ยวบิดทรง ในความฝันสีขาว---มีเงาดำ ซ่อนงำรอกาลจะสานส่ง ค่อยเล็มแสงรอบประกอบองค์ เพื่อถล่มล่มลง ณ ตรงนั้น ตรงที่ดอกไม้ขาวกลีบเบาบาง อยู่ระหว่างความจริงกับความฝัน ในความมืดที่เงียบอย่างเฉียบพลัน และการตื่นที่อันตรธานวัย ๕). ไกลโพ้น------ ปุยอันอ่อนโยนอยู่โพ้นไหน? สิงหาคม---คลื่นเดิ่งสนเริงใบ อึกทึกอยู่ในความวังเวง เอื้อมคว้าดาวสักดวงจักร่วงมา ดวงตาแม้ข้าง---ก็ยังเปล่ง มิติราบโล่งอันโคลงเคลง ยังเขย่งเหยียดเงื้อมยังเอื้อมคว้า ฉันมองโลกด้วยตาเพียงข้างเดียว วิ่นแหว่งบิดเบี้ยวมาเชี่ยวกล้า จึงดวงใจบอบช้ำ---มีน้ำตา สูญเสียเค้าหน้าเมตตาใด ในความเงียบมีความอึกทึก เสียงหัวใจเต้นตึก---รู้สึกได้ ฉันหลับตาอีกดวงดิ่งทรวงใน เลื่อนไหลสู่การหลับ---มิรับรู้ ในความฝันสีขาว---มีเงาดำ ล่มซ้ำซากพื้นที่ยืนอยู่ ระเบียงดาวดาดที่หยาดอณู จึงปูแสงลาด ณ หาดทราย แหละในความเติบใหญ่---มีวัยเยาว์ เติบโตมาโง่เขลาและสูญหาย เบื้องหน้าเธอยืนอยู่---คือผู้ชาย ผู้ทำลายเด็กน้อยลงย่อยยับ!! ๖). แห่งสิงหาคม------ กระแสลมพัดหวนเพื่อทวนกลับ ถ่างความฝันความจริงเพียงนิ่งนับ กี่คราหลับ? กี่วามหยาดน้ำเกลือ? เธอผู้มีรอยยิ้มในดวงตา ผ่านมาเพื่อคุณการอุ่นเอื้อ มิรับรู้หน่วยตาที่พร่าเครือ ของชายผู้เลือดเนื้อ---มิเหลือใด!! รพ.รามาธิบดี สิงหาคม ๒๕๔๔
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
เจ้าชายแสงจันทร์ ๑). เธอเอย- ฟ้ามืดนั้นจักเผยแสงจันทร์จ้า สูงสุดสูงสุดเงื้อมสุดเอื้อมคว้า นวลดวงนวลตานวลใย นานมาแล้ว - กาลครั้งหนึ่ง ม้ามีปีกเผ่นผึงไปถึงไหน ตะกุยฟ้าเมฆแตกวิ่งแหวกไป จากใจกลางจันทร์ - จากแสงจันทร์ เป็นเส้นแสงแทงตรงมาลงโลก เบื้องหน้าดวงตาโศกคนช่างฝัน พอฝุ่นเงียบระลอกจากหมอกควัน หลังม้านั้น - มีเงาของเจ้าชาย ๒). เธอกอดตุ๊กตาริมหน้าต่าง ทอดตาฟ้ากว้างคืนข้างหงาย หอมแก้วกลีบขาวพราวพราย กรุ่นโผยโชยสายถึงชายคา ที่ทางช้างเผือกโน้น - มีดวงดาว ล้านล้านวาววับวิบอยู่พริบพร่า ฉันผู้มาจากอีกฟากฟ้า เก็บแก้วกลิ่นกล้ามาแนบทรวง หอมเอยหอมชื่นในดื่นดึก สบตาเธอรู้ลึกความแหนหวง ดาดฟ้าดาดดาวระดะดวง ดูสิดาวสียวงจะร่วงมา เป็นหัวแหวนงามวับประดับก้อย น้ำงามพร่างพร้อยไร้รอยฝ้า เป็นปิ่นผมมวยหมาดจากหยาดฟ้า เป็นเงาตาแวมวามอยู่งามดวง ฉันเก็บแก้วดาดดินทัดปิ่นเธอ พึมพำพร่ำเพ้อรักและห่วง สบตาเธอเห็นเงาของดาวยวง ที่ฉันล่วงล้ำเข้าในเงาตา ๓). อยากกอดเธอเนิ่นนานอยู่อย่างนี้ กาแลกซี่อื่นไหนไม่ปรารถนา ฟังเพลงแสงจันทร์พรรณนา กระชับเธอเข้ามาแนบหาตัว เด็กสาวช่างฝันดวงตาเศร้า โลกนี้สีเทาและทึมทั่ว ดวงหน้าเธอหม่นคล้ำด้วยความกลัว มองรั้วลานแก้ว - มองแววตา แววตาแห่งแสงจันทร์ของเจ้าชาย ชัดฉายความรักจากดวงหน้า ยิ่งเห็นยิ่งชัดยิ่งศรัทธา ยิ่งหวั่นเช้าจะมาเร็วกว่าเป็น คือความหอมหวาน - ความฝันเอย นานแล้วไม่เคยจะได้เห็น ฉันเก็บแก้วดมดอมกลีบหอมเย็น ร้อยเป็นมงกุฎแก้วอยู่แผ่วเบา สรวมเศียรเธอ - เจ้าหญิงริมหน้าต่าง กระชับร่างบางแบบเธอแนบเข้า จูบแรกใต้แสงจันทร์เธอสั่นเทา จนเช้าพรายพร่างเป็นกลางวัน เธอกอดตุ๊กตาริมหน้าต่าง ฟ้ารางชางสางคลี่สาดสีสัน ม้าโบกปีกพึบพับขึ้นฉับพลัน ลานแก้วนั้นเปล่าว่างไร้ร่างใคร ๔). ที่ทางช้างเผือกโน้น - มีดวงดาว เด็กสาวแก้มป่องอย่าร้องไห้ ม้ามีปีกควบห้อคืนต่อไป จะร้อยดาวกำไลมาให้เธอ... ๒๗ กันย์ ๒๕๔๘ // ทำไมผมตอบกระทู้ของคนอื่นไม่ได้ล่ะครับ? มันจะเหมือนมีหน้าต่างขึ้น แล้วก็หายวับไปเลยครับ
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
พลายงาม ว่าพ่อรักแม่เจ้าสักเท่าไหน จึงเลือกให้เป็นผู้กำเนิดเจ้า มือพ่อกร้านกรำงานมานานเนา กอดเยาว์ก็เกรงระคายตัว ต้องมือแม่นิ่มนุ่มไร้ปุ่มปม ป้อนนมชมจูบได้ลูบหัว แผ่วแผ่วเบาเบา - กลัวกลัว เนียนเนื้อเจ้ามัวเจ้าหมองรอย ว่าพ่อรักแม่เจ้าถึงเท่านี้ งานที่มีจึงสู้มิรู้ถอย หยาดเหงื่อเรื่อด่างจนร่างพร้อย หลับม่อยอกพ่อก็เกรงชื้น ต้องอกแม่อุ่นอบได้ซบหน้า หลับตาเป็นสุขจนลุกตื่น ให้อิงแอบซบอยู่กว่ารู้ยืน อุ้มอื่นใดนุ่มเหมือนอุ้มเยาว์ ว่าพ่อรักแม่เจ้ามากเท่าไร จึงเลือกให้เป็นผู้อุ้มท้องเจ้า อ่อนโยนทะนุถนอมกล่อมเกลา จูบเบาก็เกรงกระเทือนท้อง ต้องเพลงแม่หวานหวานกังวานกล่อม หอมหอมเพลงเห่ทั้งหอห้อง โยกเยกเอยโยกเยกเจ้าเมฆฟอง กระต่ายล่องลอยเมฆโยกเยกมา ก็เพราะพ่อรักเจ้าถึงเท่านี้ จึงหน้าที่สูงส่งอันทรงค่า ควรแล้วเป็นการของมารดา มือพ่อหนาหยาบด้าน - ทำงานเอง.. ๒๒ พิจิก ๒๕๔๘