7 กรกฎาคม 2547 20:48 น.
หมอกหลายสี
ชีวิตในบางครั้งช่างสับสน
ดูวกวนปั่นป่วนเหมือนคลื่นโถม
ทั่วนภาฟ้าอากาศพายุลม
ร่วมระดมโหมกระพือฤทธิ์รุนแรง
ความรู้สึกซึมเศร้าและโหยหา
คราบน้ำตาคราที่แล้วยังไม่แห้ง
ชีวิตนี้คลายดังว่าหมดเรี่ยวแรง
ไม่อยากแข่งแสงเทียนกับตะวัน
แล้วเฝ้าครวญคร่ำคิดพินิจว่า
ฉันเกิดมาชาตินี้ช่างน่าขัน
ทุกข์ระทมขมขื่นในชีวัน
พร่ำรำพันอยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกา
ใครจะรู้ใครจะฟังใครจะเห็น
ใครจะเป็นดังฉันบ้างไหมหนา
ใครจะเศร้าเฉกฉันทุกเวลา
ในทุกที่ทุกคราและนิรันดร์
17 มิถุนายน 2547 16:42 น.
หมอกหลายสี
อันชีวิตมันก็คือการค้นหา
แล้วแต่ว่าใครจะเลือกเดินทางไหน
มันไม่มึรูปสำเร็จว่าเป็นไง
เดินหน้าไปค้นหาสิ่งต้องการ
มันจะดีจะร้ายใครจะรู้
เมื่อเวลาที่เราอยู่มันหมุนผ่าน
อย่างรวดเร็วเร่งรุดไร้เทียมทาน
ไม่เจือจานความเข้าใจให้เราเลย
แหงนหน้ามองท้องฟ้าเวลามืด
บางคร้งฝืดดวงใจใบหน้าเฉย
ดวงตาซึ้งไร้จุดหมายมองผ่านเลย
ลมลำเพยพัดพริ้วผมปลิวเอน
ขณะนั้นในใจแสนเงียบเหงา
ชีวิตตช่างว่างเปล่าใครรู้เห็น
ในขณะดวงจิตเงียบลมพัดเย็น
จะค้นหาความเติมเต็มจากที่ใด
26 พฤษภาคม 2547 19:26 น.
หมอกหลายสี
เมื่อสังคมนิยมบริโภค โลกทั้งโลกต่างนิยมการแข่งขัน
คนมากมายไขว่คว้าแย่งชิงกัน เพื่อได้มาซึ่งฝันอันเร้าใจ
ต่างควานหาล่าตามค้นความฝัน กินเกียรติกามสืบพันธุ์น่าหลงใหล
ไม่มีใครสนใจในตัวใคร ถ้าไม่กล่าวถึงกำไรไร้ท่าที
ทำอะไรต้องใช้เงินขึ้นนำก่อน เรื่องการผ่อนก็นิยมสังคมนี้
เน้นกระตุ้นบริโภคว่าเรื่องดี จะเป็นหนี้เท่าไรค่อยว่ากัน
แล้วทำงานเพื่อหาเงินคือเรื่องหลัก ทำงานหนักแต่ความคิดไร้สร้างสรรค์
เงินเดือนออกใช้จ่ายจนมือมัน ภาระนั้นสะสมทุกสิ้นเดือน
เหล่านี้คือวิถีทุนนิยม ที่สะสมเรื้อรังคอยทิ่มเฉือน
ผู้รู้นทันบางคนเริ่มออกเตือน อย่าลอยเลื่อนตามกระแสแห่กันตาย