22 กุมภาพันธ์ 2548 23:19 น.
หมอกจาง
เมื่อกี๊เพิ่งอ่านบทความในเวบข่าวผู้จัดการ..
คลิ๊กไปคลิ๊กมาไปสะดุดเข้ากับข่าวภาวะเรือนกระจกของโลกที่ทำให้โลกของเราร้อนขึ้นๆทุกวัน..
และก็ไปสะดุดโครมเข้าให้กับสาเหตุหนึ่งที่นักวิจัยพากันวิตกกังวล..
..ตดวัว..
ครับ.. ตดวัว
มันอะไรกันนักหนาล่ะเนี่ย..
ตามรายงานข่าว (และรวมไปถึงที่ค้นหาเพิ่มเติมเองอีกเล็กน้อย) เขาบอกไว้ว่า ก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกเนี่ย มีอยู่หลายชนิด ก๊าซมีเทนจากตดวัวก็เป็นหนึ่งในนั้น
..เทียบเป็นสัดส่วนแล้วก๊าซมีเทนเนี่ยมีอยู่ราว 13 เปอร์เซนต์ของก๊าซทั้งหมดที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก ที่เหลือจะหนักไปทางคาร์บอนไดออกไซด์เสีย 76 เปอร์เซนต์ ฟลูออโรคาร์บอน 5 เปอร์เซนต์ และ ไนตรัสออกไซด์ 6 เปอร์เซนต์
ซึ่งพอมาไล่เรียงกันจริงๆแล้วเนี่ย ดูเหมือนว่าสาเหตุส่วนใหญ่ที่โลกร้อนขึ้นมันก็มาจากคนเกือบจะทั้งหมด
คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก นี่มาจาก รถยนต์ทั้งหลายแหล่ แล้วก็จากโรงงานและบ้านเรือนของประชาชนเสียเป็นส่วนใหญ่..
ฟลูออโรคาร์บอนนี่รั่วมาจากตู้เย็น แอร์ กระป๋องสเปรย์
ส่วนไอ้เจ้าไนตรัสออกไซด์เนี่ย มาจากการที่มนุษย์ใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบใส่ลงในดิน..
สำหรับเจ้ามีเทนจากวัว มีคนคำนาณเอาไว้ว่า วัวนมหนึ่งตัวจะปล่อยก๊าซมีเทนออกมาปีละ 114.6 กิโลกรัม หรือถ้าคิดเป็นสัดส่วนระหว่างก๊าซมีเทนกับนมที่ผลิต จะได้ออกมาเป็นก๊าซมีเทน 17 กรัมต่อนมวัวที่รีดได้ 1 กิโลกรัม..
คือวัวน่ะ มันก็ต้องตดตามธรรมชาติของมัน ในกระเพาะต้องมีแบคทีเรียสำหรับไว้ช่วยย่อย ย่อยเสร็จก็ต้องมีก๊าซมีเทนเป็นของเหลือ มันก็ต้องตด แต่ทีนี้นักวิจัยหลายคนกำลังทำว่ามันเป็นเรื่องใหญ่..
ได้ข่าวว่าที่ออสเตรเลียถึงขนาดว่าจะมีการฉีดวัคซีนให้วัวเพื่อลดก๊าซมีเทนลง..
อ่านๆแล้วก็อ่อนใจเลยเอามาบ่น..
ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามนุษย์เอาอะไรคิด โทษไปนั่นว่าโลกร้อนน่ะเป็นเพราะตดวัว ทั้งๆที่วัวมันก็ตดของมันมายังงี้ไม่รู้กี่พันกี่หมื่นปีแล้ว..
โลกมันมาร้อนเพราะสิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่า"ความพัฒนา" ต่างหากล่ะ.. โรงงานเอย รถยนต์เอย ตู้เย็นเอย สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายแหล่นั่นแหละ..
แต่ก็ดูเหมือนว่ามนุษย์ไม่ได้สำนึกอะไรกันอย่างจริงจังเลย ทำอย่างที่เคยทำ เอาสะดวกตัวเป็นที่ตั้ง แล้วไปโบ้ยใบ้ หาทางกำจัดตดวัว..
วัวมันจะตดไปห้ามมันได้ที่ไหน..
นึกๆ น่าจะจับพวกทีมนักวิจัยตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ ไปขังรวมกันแล้วห้ามไม่ให้ตดสักอาทิตย์นึง ดูซิจะรู้สึกยังไง..
มนุษย์คุ้นเคยกับคำว่า "โลกมนุษย์" คิดเอาเองว่าโลกนี้เป็นโลกของตัว จะทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ใช้สเปรย์แต่งผมทำสวยทำหล่อได้ เปิดแอร์ให้เย็นชุ่มฉ่ำได้ มีตังค์จ่ายค่าไฟเสียอย่าง เผาผลาญน้ำมันเป็นว่าเล่น โดยไม่ห่วงกระไรกับโลก แต่ทีกับเพื่อนร่วมโลกอย่างวัวกลับถูก "ห้ามตด" เพราะมันทำให้โลกร้อน
..บ้าหรือเปล่า..
โลกที่เราพากันโมเมเรียกว่าโลกมนุษย์นั้น ในภาษาวัวมันอาจถูกเรียกว่า "โลกวัว" ในภาษาไก่อาจเป็น "โลกไก่" และก็เป็น "โลกจิงโจ้" ในภาษาจิงโจ้ก็ได้
เพราะจริงๆแล้วโลกนี้มันไม่ใช่โลกของใครหรอก โลกมันก็คือ"โลก" เท่านั้นแหละ โลกที่มนุษย์ พืช สัตว์ อาศัยอยู่ร่วมกัน พึ่งพากัน ไม่ใช่โลกซึ่งมนุษย์เป็นเจ้าของ โดยที่พืช สัตว์และทุกสิ่งทุกอย่างมีหน้าที่รับใช้ความต้องการมนุษย์
ไม่ใช่เลย..
เคยคิดอยู่ ว่าบางทีถ้าเราพากันเรียกโลกว่า "โลก" เฉยๆ แล้วลบคำว่า"โลกมนุษย์"ออกจากพจนานุกรมไปเสีย ความรู้สึกถึงความจริงที่ว่า มนุษย์กับ สัตว์และพืชนั้น ต่างก็ล้วนเป็นเจ้าของ เป็นเพื่อนร่วมโลกกันนั้นอาจจะดูเด่นชัดขึ้น..
อืมม..แต่ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก มนุษย์มักจะบอดใบ้ในเรื่องที่เขาเสียประโยชน์อยู่เสมอ..
นึกไปถึงโฆษณาอันหนึ่งที่ฉายเมื่อหลายปีก่อน รู้สึกจะเป็นโฆษณาปุ๋ยตราม้าบิน ที่มนุษย์ต่างดาวลงมากลางทุ่งแล้วเจอควายเข้า มนุษย์ต่างดาวก็เลยทักปั๊บ.. สวัสดีชาวโลก.. คนดูฮากันกลิ้ง
..มานึกย้อนๆไป เอ มันตลกตรงไหนนะ มนุษย์ต่างดาวมันก็พูดถูกนี่หว่า..
-----------------------------------------------------------------