27 เมษายน 2547 12:43 น.

รถรางเที่ยวสุดท้าย..

หมอกจาง

ผมยืนรอรถรางอยู่เงียบๆ รถรางเที่ยวสุดท้ายที่จะพาผมกลับที่พัก.. อากาศยามดึกหนาว แสงไปสลัวๆตรงสถานีรถรางเล็กๆแห่งนี้ยิ่งดูเหมือนจะขับให้อากาศยิ่งหนาว ยิ่งเหงาเพิ่มมากขึ้น..

ผมเพิ่งกลับจากบ้านเพื่อน.. ถ้าพูดกันจริงๆต้องเรียกว่าคนรักมากกว่า วันนี้ผมกลับดึกกว่าทุกๆวัน เพราะกว่าจะไปถึงที่นั่นก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ผมไปเพียงเพื่อพูดอะไรกับเธอแค่สองสามคำ ตอนที่ผมไปถึง เธอนอนหลับไปแล้ว แต่ยังมีเพื่อนอีกคนของเธอที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันที่ยังตื่นอยู่.. ด้วยความคุ้นเคย ผมเข้าไปหาเธอในห้อง เธอหลับทั้งๆที่ไฟยังเปิด มือยังแตะอยู่ที่โทรศัพท์มือถือที่ข้างหมอน บางทีเธออาจยังรอข้อความ ราตรีสวัสดิ์ จากผม ข้อความที่ผมส่งให้เธอทุกทุกคืน ยกเว้นคืนนี้..
ราตรีสวัสดิ์นะ 
ผมลูบผมเธอเบาเบา จูบตรงหน้าผาก ตรงที่ไรผม.. ก่อนจะออกมาจากห้องเธอ เอ่ยคำร่ำลากับเพื่อนเธอ ที่ดูเหมือนจะไม่สนใจฟังที่ผมพูดเท่าไร..

จากนั้นผมก็มุ่งหน้ามาที่สถานีรถรางแห่งนี้ ที่ผมนั่งกลับอยู่บ่อยๆในวันที่มาแวะนั่งคุยกับเธอจนดึกดื่น แต่ก็ไม่เคยดึกเหมือนอย่างวันนี้ เมืองเล็กๆที่ออสเตรเลียแห่งนี้ ไม่ได้มีรถเมล์วิ่งทั้งคืนเหมือนกรุงเทพฯ ถ้าดึกนักก็จะต้องพึ่งบริการรถราง ที่ผมก็ได้แต่หวัง ว่ายังทันรถเที่ยวสุดท้าย..
 
เมืองเล็กๆนี้สงบจนผมนึกรัก อาชญากรรมมีน้อย และแทบไม่มีการเหยียดผิวเหมือนเมืองใหญ่ๆ แต่คำว่าแทบไม่มีนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี..

ขณะคิดอะไรอยู่เพลินๆ เสียงหวูดรถรางก็ดังถี่ใกล้เข้ามา ผมสะดุ้งขึ้นสุดตัว เตรีมยกมือขึ้นโบกให้จอด แต่รถรางชลอลงเสียก่อนที่จะโบก โชคดี ที่มีคนลงป้ายนี้พอดี..
รถออกแล้ว ผมรู้สึกผ่อนคลายไปเยอะ จริงๆถ้าพลาดรถเที่ยวนี้ ผมก็ยังพอจะมีวิธีอื่นที่จะกลับบ้านได้อยู่ แต่วันนี้ผมอยากกลับรถรางสายที่ผมคุ้นเคยนี่นา.. คนขายตั๋วเดินผ่าน ผมใช้ตั๋วชนิดที่ซื้อครั้งเดียวใช้ได้ทั้งวัน จึงไม่มีปัญหาอะไร..

บ้านของผมอยู่ที่สถานีปลายทางพอดี อยู่ใกล้ๆกับทะเล เธอคนนั้นมาเที่ยวอยู่บ่อยๆ มีหลายครั้งที่ผมมารับเธอแล้วนั่งรถรางไปด้วยกัน แรกๆเธอตื่นเต้น เฝ้ามองข้างทางจนไม่ได้ฟังว่าผมพูดว่าอะไร จนผมอดไม่ได้ที่จะค่อน
นี่..ทำเหมือนเด็กๆถูกพามาเที่ยวเลยนะ
อ้าว.. ก็คนเค้าไม่เคยขึ้นรถรางนี่นา ทุกทีนั่งแต่รถเมล์ ไม่เหมือนบางคนนี่ นั่งแทบทุกวัน..
อือ.. ไม่รู้ไปคุยกับใครจนตกรถเมล์ ต้องนั่งรถรางกลับบ้านทุกที .. เธอยิ้ม..แล้วเอาแก้มมาซุกตรงหัวไหล่..

 มีอยู่ครั้งนึง เรานั่งถัดไปด้านหน้าจากตรงนี้สามช่วงเก้าอี้ ตรงหน้าต่างที่ปิดไม่ลงเพราะมันเสีย..
หนาวนะ วันนั้นเธอบ่น
มา เดี๋ยวจัดการให้ ผมพยายามปิดหน้าต่าง แต่มันก็ปิดไม่ลง ฝรั่งที่นั่งด้านหลังเอื้อมมาช่วย ก็ยังไม่สำเร็จ จนคนขายตั๋วต้องเดินมาบอก
มันปิดไม่ลงหรอก มันเสีย
วันนั้นที่นั่งอื่นก็มีคนนั่งเต็มหมด เธอที่ใส่แค่เสื้อยืดแขนยาวมาก็หนาวจนต้องห่อตัว..
เอ้า..เอาไปใส่ก่อน ผมถอดแจ็คเก็ตให้
แล้วตัวเองไม่หนาวเหรอ
ไม่เท่าไรหรอก ใส่ไปเหอะ เธอรับไปใส่แต่โดยดี ผมชอบดูตอนเธอสวมแจ็คเก็ตตัวนั้นของผม น่ารักดี..
แน่ใจนะว่าไม่หนาว เธอถามหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก หลังจากเห็นผมในเสื้อยืดแขนสั้นตัวเดียวนั่งห่อตัว
หนาวเหมือนกันแหละ เออ..นี่
หืมม
ขออะไรอย่างนึงสิ
อะไรล่ะ เธออมยิ้มมองหน้าห้ามขอเสื้อคืนนะ ไม่ให้ด้วย
ขอว่าวันหลังช่วยเตรียมเสื้อกันหนาวมาหน่อยนะ มันหนาว
.. เธอหัวร่อกิ๊ก.

เรื่องโน้น เรื่องนี้ เหมือนจะมีเรื่องเล็กๆน้อยๆในทุกสถานีที่ผมนั่งผ่าน เรื่องของเธอคนนั้น เรื่องของเรา..

ใกล้สถานีปลายทางแล้ว ทุกครั้งที่เธอมา เราจะต้องมาเดินเล่นริมทะเล ไม่รู้ว่าทำไม จนเธอล้อว่าช่วงหลังพาเธอมาเดินบ่อยจนเธอจะจำทรายได้ทุกเม็ดอยู่แล้ว..

แล้วรถรางก็จอดตรงสถานีสุดท้าย ตรงปลายทาง..

เราชอบตรงปลายสะพานนี่จัง เธอเคยพูดไว้ในวันหนึ่ง ถัดจากสถานีรถไฟไปนิดหน่อยมีสะพานยื่นลงไปในทะเล สำหรับให้นักท่องเที่ยวมาเดินเล่น ถ้ายืนตรงปลายสะพานแล้วมองออกไปจะเห็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา ยิ่งเวลาพระอาทิตย์ตกยิ่งสวยจนดูได้ไม่รู้เบื่อ..

เมื่อตอนค่ำก่อนไปบ้านเธอผมก็มายืนตรงนี้แหละ มืดมากมืดจนมองไม่เห็นทะเล แต่เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า ดาวจำนวนนับไม่ถ้วยแข่งกันส่องแสง ชัดเสียจนผิวน้ำทะเลสะท้อนแสงดาว บนสะพานแห่งนั้นก็เงียบมาก ไม่มีใครสักคน ผมดื่มด่ำกับความสงบอยู่นาน จนกระทั่ง..
เฮ้..เพื่อน มีเงินสักสองสามเหรียญไหม ชายสองคน ท่าทางเมาได้ที่ แต่งตัวปอนๆมอๆ น่าจะเป็นพวกที่ขี้เกียจทำงานที่คอยแบมือรับสวัสดิการรัฐเพื่อเลี้ยงชีพ.. ผมปฏิเสธ แต่สองคนนั้นก็ยังเซ้าซี้ ผมตัดสินใจเดินหนี ท่าทางวันนี้จะเสียบรรยากาศหมดแล้ว..
เฮ้ย หนึ่งในนั้นกระชากไหล่ ทำยังงี้ได้ไงวะ.. เดินหนี มันถ่มน้ำลายลงพื้น
พวกเอ็งน่ะเข้ามาอาศัยประเทศกูอยู่ พวกเหลือบผิวเหลือง ขอเงินแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ มันผลักผมกระเด็นติดรั้วสะพาน อีกคนพยายามมาค้นกระเป๋าเงิน ผมสะพัดแขนไปโดนเบ้าตามันอย่างแรง นั่นทำให้มันโกรธ..

มีคนเคยถามว่าความรักมีสีอะไร บางคนบอกสีชมพู บางคนบอกแดง สำหรับผม ความรักไม่มีสี ความเป็นมิตรไม่มีสี สิ่งดีๆที่เรามอบให้คนอื่นไม่เคยมีสี สิ่งเดียวที่มีสีคือความเกลียดชัง เราสามารถรักได้โดยไม่ต้องแบ่งแยก มีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น ที่มองหาการแบ่งแยก..

..ผมจำได้ว่าถูกซ้อม ซ้อมอย่างหนักจนหมดสติ คลับคล้ายว่าถูกโยนลงทะเลตรงปลายสะพาน..
..ร่างของผมคงยังจมอยู่ตรงนั้น น้ำอาจพัดมันเคลื่อนไปบ้าง แต่คงไม่ไกล..

.. อย่างน้อยผมก็ยังอยากเอ่ยคำอำลาเธอ เธอคงจะรับรู้มันได้แม้ว่าเธอจะหลับอยู่ แม้ว่าจะไม่มีข้อความ  ราตรีสวัสดิ์ ในโทรศัพท์ของเธอในยามที่เธอตื่นขึ้นมาก็ตาม..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหมอกจาง