25 สิงหาคม 2546 08:50 น.
หมอกจาง
สายลมนอกหน้าต่างกระจกยังพัดอยู่เรื่อยๆเหมือนกับทุกวัน ต่างเพียงตรงความหนาวที่แฝงมาในสายลมนั้นบางเบาลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา สายแล้ว ฉันยังคงนอนอยู่บนเตียง วันนี้เป็นวันว่าง ที่ไม่ต้องมีธุระปะปังให้ออกไปไหน เจ้าตัวเกียจคร้านที่นั่งทับอยู่ตรงหัวไหล่ จึงยังคงนั่งสบายอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าของผู้ชนะ..
เริ่มจากเมื่อหลายเดือนก่อน ที่กระจกหน้าต่างบานนี้ จะมีนกสีดำสลับขาวตัวย่อมๆตัวหนึ่งเป็นแขกประจำ ที่แวะวนเวียนมาทักทายกันทุกครั้งเมื่อยามสาย บางครั้งก็เดินเลียบคลอๆอยู่ริมกระจก และบ่อยครั้งก็บินมายกขาถีบกระจกเล่นคล้ายดังกับว่าเป็นเรื่องสนุก แรกก็รำคาญ พอเริ่มนานก็เริ่มคุ้นเคย หากสายวันไหนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง ก็อดไม่ได้ที่จะรอคอยการมาเยือนของเจ้าแขกตัวลายตัวนี้..
จวบสาย เจ้านกถีบกระจกตัวนั้นก็ยังไม่มา ขณะนอนอยู่บนเตียง ความคิดก็กลับเตลิดเพริดไปยังที่อื่น ใบหน้าขาวๆและริมฝีปากสีชมพูบางของใครบางคนแวบวาบเข้ามาในความคิด หลายเช้าแล้วที่ตื่นมาพร้อมกับภาพของคนนี้อยู่ในหัว ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเรื่องราว อาจเหมือนดั่งที่บางคนเคยบอก ว่าความใกล้ชิดมักเป็นบ่อเกิดของความรัก ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีตอนนี้มันอาจเป็นแค่ความรู้สึกดีๆ ความสนิทสนม ไม่ได้ลึกซึ้งและโหยหา แต่ความคิดถึงที่มาเยือนอยู่ทุกบ่อย ก็มักให้หวนฉุกคิดแปลกใจใจตัวเองอยู่..
กับแรกเช้าของวันเก่าที่ผ่านมานั้น ภาพของคนแรกที่นึกถึงในยามตื่น เป็นภาพของอีกคนหนึ่ง คนที่มีรอยยิ้มน่ารัก คนที่ดวงตาเปิดเผยทุกอย่างในหัวใจ คนที่ทั้งรักทั้งผูกพัน มาบัดนี้ ภาพนั้นกลับเลือนกลับจางไปจนน่าใจหาย ตำหนิใจตัวเอง หากแต่ทำได้เพียงตำหนิ ด้วยเพียรห้ามแต่ไม่เคยห้ามได้..
นึกๆก็นึกถึงครั้งยังเด็ก ครั้งเคยเรียนในห้องเรียนแล้วสงสัยกับสิ่งที่ครูบอก ว่าเราสามารถสั่งมือ สั่งแขนให้ขยับได้ สั่งขาให้เดินไปในทิศที่เราต้องการได้ สั่งตาให้กลอกไปมาเปิดปิด สั่งปากให้ส่งยิ้มให้ใครต่อใครได้ แต่กับอวัยวะบางอย่างเช่นหัวใจ เราไม่สามารถที่จะสั่งมันได้ มันเต้นด้วยตัวของมันเอง และหากมันจะนึกหยุดเต้นขึ้นมาเราก็สั่งไม่ได้เช่นกัน ด้วยว่าหัวใจมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของสมอง ตอนนี้หากเจอคุณครูคนเดิมอีกครั้ง คงบอกว่าสิ่งที่เคยสงสัยครั้งยังเด็กนั้น ตอนนี้เลิกสงสัยแล้ว เพราะหัวใจฉันมันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะฟังคำพูดของสมอง ไม่เคยเลย..
มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นนกสีน้ำตาลตัวค่อนข้างใหญ่ตัวหนึ่ง กระโดดไปมาอยู่ที่ลานหญ้าด้านนอก เมื่อสังเกตดูใบไม้ ฉันเพิ่งพบว่าสายลมพัดเปลี่ยนทางแผกไปจากเดิม ฤดูกาลกำลังเปลี่ยนแปลง ฉันไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสพบเจ้านกดำสลับขาวตัวเดิมตัวนั้นอีกหรือเปล่า แต่ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าในฤดูกาลใหม่ และสายลมใหม่ที่พัดมา ฉันคงจะได้พบเห็นเจ้านกสีน้ำตาลแปลกหน้าตัวนี้อยู่เสมอ..
และคาดว่าคงจะคุ้นเคยในอีกไม่ช้า
7 สิงหาคม 2546 11:07 น.
หมอกจาง
ความคิดถึงเก็บของลงเป้หลัง สวมรองเท้าคู่เก่ง เอามือกรีดปีกเล็กๆบาง ที่อยู่ด้านหลังค่อนขึ้นมาเกือบถึงหัวไหล่ให้เข้าที่ วันนี้มันกำลังจะออกเดินทาง..
ฝนตกพรำๆ เจ้าความคิดถึงขยับเท้าออกพ้นชายคาบ้าน มันไม่เคยกลัวสายฝน ความคิดถึงชอบที่จะลอยไปมาในสายฝน..
ความคิดถึงรู้ว่าครั้งนี้มันต้องออกเดินทางไกล มันกลัวอยู่เหมือนกันว่าจะไปได้ไม่ถึงที่หมาย แต่นั่นไม่เคยหยุดยั้งการออกเดินทางของความคิดถึงได้ ไม่มีอะไรในโลกที่สามารถหยุดยั้งมันได้หรอก ความคิดถึงออกเดินทางก็เพราะว่าต้องออกเดินทาง ไม่ใช่เพราะว่ามันอยากออกเดินทาง..
หลังจากเริ่มต้นเดินทางไปได้พักใหญ่ สายฝนก็เริ่มซาลง มันแวะถามดอกไม้ที่กำลังยิ้มหน้าชื่นกับเม็ดฝนที่ตกค้างอยู่บนกลีบใบ มันถามดอกไม้ว่ารู้ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน ดอกไม้ส่ายหน้าไม่รู้ ดอกไม้ได้แต่อวยพรให้มันโชคดี ความคิดถึงไม่เคยต้องการโชคดี แต่บางทีอาจมีใครบางคนที่มันพบเจอระหว่างทางต้องการ ความคิดถึงจึงรับคำอวยพรนั้นไว้
ความคิดถึงล่องลอยมาเรื่อยๆ ข้ามป่าเขา ข้ามลำน้ำ มันแวะถามสายหมอก แวะถามธารน้ำใสเย็น แวะถามนกน้อยเสียงใสบนต้นไม้ แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นเธอ เจ้านกน้อยขอดูรูปของเธอ ความคิดถึงมีรูปของคนคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่รูปเธอ มันขยับจะหยิบรูปนั้นออกจากเป้ให้นกน้อยดู แต่อย่างไรเสียมันคงเปล่าประโยชน์ ความคิดถึงจึงเอ่ยลา และออกเดินทางต่อไป..
รอนแรมจนค่ำคืน ความคิดถึงหยุดพักกลางป่า น้ำค้างร่วง เปาะแปะ มันนอนฟังเสียงดวงดาวหยอกล้อกัน นึกจะถามดวงดาวอยู่เหมือนกัน แต่มันเพลียเกินไปจึงเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว..
พอแรกเช้ามาเยือน ความคิดถึงเริ่มการเดินทางของมันต่อ อากาศเย็นๆในตอนเช้า และสายหมอกบางๆบนยอดหญ้า มักทำให้ความคิดถึงขมีขมันที่จะออกเดินทางเสมอ
ความคิดถึงเดินทางมาเรื่อยๆ จนบ่ายคล้อย มันก็เดินทางมาถึงฝั่งทะเล สายลมที่ริมฝั่งทะเลบอกกับความคิดถึงว่า บางทีความคิดถึงอาจต้องบินข้ามทะเล มันจึงจะได้พบเธอ ความคิดถึงรู้สึกกลัว ด้วยว่าทะเลนั้นดูเหมือนจะกว้าง และไกลเกิน แต่ความคิดถึงก็รู้ว่าอย่างไรเสีย มันต้องออกเดินทางข้ามทะเลนั้นอยู่ดี แม้ว่ามันจะกลัวเพียงใดก็ตาม อย่างที่บอก ความคิดถึงไม่ได้ออกเดินทางเพราะว่าอยากเดินทาง แต่มันออกเดินทางเพราะว่ามันต้องออกเดินทางต่างหาก
สายลมแห่งทะเลแบ่งความกล้าหาญของมันให้กับความคิดถึง ความคิดถึงไม่เคยต้องการความกล้าหาญ แต่บางทีเพื่อนของมันที่ชื่อว่า การรอคอย อาจจะต้องการ ความคิดถึงจึงรับความกล้าหาญนั้นไว้
เมื่อความคิดถึงออกเดินทางข้ามทะเลได้ไม่นาน ดวงอาทิตย์ก็ตกดิน พายุพัดกระหน่ำเหมือนบ้าคลั่ง สายฝนเทลงมาไม่ลืมหูลืมตา พายุไม่ฟังคำขอร้องของความคิดถึง สายฝนก็เช่นกัน แต่ความคิดถึงก็ยังคงเดินทางของมันต่อไป ไม่ว่าอะไรก็หยุดยั้งมันไม่ได้ บางทีเหมือนยิ่งมีอุปสรรคเท่าไหร่ความคิดถึงก็เหมือนยิ่งมีกำลังเพิ่มขึ้นเท่านั้น มีบางคนเคยถามความคิดถึงว่ามันเกิดขึ้นมาจากอะไร ความคิดถึงก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน บางทีมันรู้สึกว่ามันประกอบขึ้นจากความรักนิด ความห่วงใยหน่อยผสมกับ ความผูกพันบ้าง.. แต่บางที มันก็เหมือนไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากอะไรเลย เป็นแค่ความคิดถึงที่ไม่รู้สาเหตุ อะไรอย่างนั้น
จนรุ่งอีกวันหนึ่ง พายุที่กล้า ก็พาความคิดถึงข้ามมาสู่อีกฝั่งทะเลหนึ่ง และที่ฝั่งทะเลนั้นเองที่ความคิดถึงได้พบกับเธอคนนั้น
อย่างช้าๆ ความคิดถึงบินอ้อมไปที่ด้านหลังของเธอ หย่อนรูปของเขาที่มันพกมาในเป้หลังลงไป รูปนั้นสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ความคิดถึงรู้ว่าเธอได้รับรูปนั้นแล้ว มันรู้ได้จากบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงในแววตาของเธอ รับรู้ได้จากสายตาของเธอที่มองทอดข้ามทะเลไปยังฟ้าที่ไกลโพ้นออกไป และที่สำคัญมันเห็นความคิดถึงอีกตัวหนึ่ง นั่งอยู่บนหลังเธอ ขมีขมันใส่รองเท้า เอารูปของเธอใส่ลงในกระเป๋า กรีดปีก เตรียมออกเดินทาง
ความคิดถึงรู้ว่าภารกิจของมันเสร็จแล้ว ตอนนี้เจ้าความคิดถึงของเธอคงต้องบินข้ามน้ำไปบ้างแล้วหละ ความคิดถึงขยับจะหยิบความโชคดีในเป้หลังที่ดอกไม้ให้มา มอบให้กับเจ้าความคิดถึงของเธอ แต่ความคิดถึงไม่เคยต้องการโชคนี่นะ มันจึงเปลี่ยนใจเอาความโชคดีนั้นวางลงบนไหล่เธอคนนั้นแทน บางทีเธออาจต้องการมัน..
ความคิดถึงเอนตัวลงนอน ทอดตาขึ้นสู่ฟากฟ้า มันโบกมืออย่างเกียจคร้านให้กับความคิดถึงของเธอที่ขยับปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพียงแค่โบกมือ ไม่มีคำอวยพรใดๆ.
..เพราะมันรู้ดีว่า ความคิดถึงของเธอจะสามารถหาเขาพบได้อย่างแน่นอน.