21 พฤศจิกายน 2556 06:54 น.
หมอกจาง
คุณรู้ไหม การที่เราจะเขียนอะไรต่อมิอะไรได้ดีแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับว่าคนที่เราอยากเขียนให้อ่านนั้นเป็นใครด้วย
ดังนั้นสำหรับผมแล้ว การเขียนไม่เคยเป็นการสื่อสารเพียงทางเดียว เพราะการสื่อสารทางเดียวนั้น เนื้อหาและคำพูดย่อมไม่ได้รับอิทธิพลใดๆจากผู้รับสาร
และคุณรู้ไหม ว่าทุกครั้งที่ผมเขียนเพื่อให้คุณอ่าน ผมเขียนได้ดีที่สุด
บ่อยครั้งนะ ในระยะหลัง ที่ผมเขียนอะไรก็รู้สึกว่ามันแห้งแล้ง จืดชืด มันไม่มีรสชาติ
เหมือนคนขายก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงไปตามความเคยชิน เหมือนคนทำกับข้าวที่ทำกับข้าวไปอย่างแกนๆแล้วกินเพื่อประทังชีวิต เพราะไม่มีคนที่อยากให้กินมานั่งกินด้วยแล้วทำตาโตบอกว่า อร่อยจัง
นั่นแหละ ผมเป็นคนอย่างนั้นแหละ ผมไม่เคยคิดจะปรุงก๋วยเตี๋ยวให้คนทั้งโลกกินแล้วบอกว่าอร่อย ทำไมล่ะ มันไม่เห็นจะมีความหมายอะไรเลย แต่ถ้าคุณมานั่งอยู่ตรงหน้า ผมสัญญาว่าจะปรุงมันสุดฝีมือ
เรื่องที่ผมเขียนถึงคุณ มักเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ผมโคตรชอบเลย เราสามารถคุยเรื่องที่มีสาระได้กับทุกคนนั่นแหละ แต่มีไม่กี่คนหรอกที่เราสามารถคุยเรื่องไร้สาระด้วยได้แบบเป็นวักเป็นเวรและสนุกสนาน
เราคุยเรื่องความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมากับใครบ้าง ? เราคุยเรื่องเปิ่นๆของหมาที่บ้านกับใครบ้าง ? เราคุยเรื่องว่าอาหารเช้าเรากินอะไรไปและโยเกิร์ตในตู้เย็นที่เรากินไปนั้นหมดอายุไปแล้วสองวัน เรื่องเหล่านี้เราคุยกับใครบ้าง ?
คุณบอกว่าดอกพุดที่กระถางหลังห้องของคุณที่ผมไม่เคยเห็นนั้นบานแล้ว และผมบอกว่าต้นไม้ตระกูลเมเปิ้ลที่คุณเคยเห็นแต่ในรูปก็กำลังทิ้งใบ
ไม่มีใครชอบอ่านอะไรยาวๆ แม้แต่ผมเอง แต่จดหมายของคุณไม่เคยยาว แม้ว่ามันจะใช้กระดาษสักสามแผ่นในการเขียนก็ตาม
และผมเองก็ไม่ชอบที่จะเขียนอะไรยาวๆ ไม่สามารถด้วย แต่ทุกครั้งที่เขียนหาคุณผมต้องหยุดเพราะกลัวคุณเบื่อที่จะอ่าน
การสื่อสารเดี๋ยวนี้มันเร็วนะ ไลน์คุยกันได้ ถามมาปุ๊บก็ตอบไปปั๊บ
แต่ผมยังชอบแบบที่เราคุยกันมากกว่า มันมีระยะเวลาให้รอคอย ความรู้สึกที่ได้รอคอย ความรู้สึกของการการเปิดกล่องจดหมายแล้วเจอเมล มันเป็นความรู้สึกที่หาได้ยากในสมัยนี้แล้วนะ
ผมจึงดีใจ ที่ยังมีโอกาสได้เกิดและทันใช้ชีวิตในช่วงเวลาอันล้าสมัยเหล่านั้น
ตอนเรียน ผมเคยใช้วิธีอ่านหนังสือแล้วก็นอนหลับ เพราะเค้าว่ากันว่า ขณะที่หลับ สิ่งที่เราอ่านไปมันจะค่อยๆย่อยสลายและแทรกซึมเติบโตอยู่ในสมองเรา ถ้าเราไม่หลับ สิ่งที่อ่านๆไป มันก็จะถูกสิ่งอื่นเข้ามาถมทับแทนที่ไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็ถูกหลงลืมไปในที่สุด
ช่วงระยะเวลาระหว่างจดหมายที่ส่งไปและรอคอยการตอบกับ ความรู้สึกบางอย่างมันก็ค่อยๆเติบโตขึ้นเช่นกัน
ถึงวันนี้ ถ้าใครสักคนถามว่า เรื่องราวของเรามันผ่านไปแล้วใช่ไหม ผมจะตอบว่าอย่างไรดี ?
ไม่ว่าจะนมกล่อง ปลากระป๋อง ทีวี ตู้เย็น ดอกไม้บาน ทุกอย่างก็ย่อมมีวันหมดอายุ
และหนุ่มสาวสองคนที่เคยคุยกันผ่านจดหมายนั่นก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
ณ ตอนนี้ ผมผ่านเวลามาเกินกว่าจะเรียกตัวเองได้ว่าชายหนุ่ม และคุณเองก็คงกระดากอายที่จะแทนตัวว่าสาวน้อย
บริบทรอบข้างเราเปลี่ยนไป ตัวเราเองก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนเหมือนไม่ใช่คนเดิม เปลี่ยนไปจนเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง เป็นคนอีกคนหนึ่ง
แต่ลึกๆผมก็ยังแอบคิด ว่าในโลกคู่ขนานใบเดิมนั้น ชายหนุ่มยังคงส่งจดหมายให้หญิงสาว และหรี่ตาข้างนึงเสมอ เมื่อเปิดกล่องจดหมายทุกครั้ง
และเขาก็จะยิ้มกว้าง เมื่อมีจดหมายตอบกลับมา
15 มกราคม 2556 23:42 น.
หมอกจาง
เรารู้จักกันเพียงผิวเผิน
ดังความผิวเผินของดาวตกสีฟ้าดวงใหญ่ในคืนแรมเมื่อหลายปีก่อน
สั้นกว่าหนึ่งกลั้นของลมหายใจ แล้วทุกอย่างก็ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
แต่โลกของฉันกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
บนถนนที่ยาวเหยียด อย่าถามฉันว่ากรวดทรายบนนั้นมีกี่ก้อน
แต่ฉันอาจจำดอกไม้สีเหลืองดอกเล็กดอกหนึ่งที่ริมทางอันทอดยาวนั้นได้
บนผืนทะเลที่กว้างสุดลูกตา ฉันไม่อาจบอกว่าตรงนี้หรือตรงนั้นคือตรงไหน
แต่ฉันอาจชี้จุดที่ปลาโลมาเพิ่งขึ้นมาพลิกตัวให้เธอได้อย่างแม่นยำ
นกไม่จำฟ้าแต่จำต้นไม้
ปลาไม่จำน้ำแต่จำโขดหิน
ฉัน-ผู้ซึ่งเป็นมนุษย์อันแหวกว่ายในทะเลเวลา
แยกแยะเพียงห้วงยาม-ว่ามีเธอและไม่มีเธอ
ในคืนแรม ท่ามดาวที่เกลื่อนฟ้า
เธอว่ามีดาวสักกี่ดวงที่อาจสะท้อนแสงของมันลงบนแผ่นทะเล
ในความลึกอันไม่มีที่สิ้นสุด แสงดาวนั้นอาจแตะอยู่เพียงแค่ผิวน้ำด้านบน พร่าเลือนและสั่นไหว
และผิวเผินเยี่ยงนั้นเอง ที่ทะเลอาจหลงรักแสงดาว
6 ธันวาคม 2555 23:26 น.
หมอกจาง
กำแพงนั้นแข็ง แต่น้ำนั้นอ่อน
ฉันสามารถดำดิ่งลงไปในน้ำ แต่ไม่อาจเดินผ่านกำแพงได้
ถ้าฉันกลายเป็นดวงวิญญาณ ไร้สสาร ฉันคงเดินผ่านกำแพงได้
แล้วกำแพงจะยังมีอยู่ไหม? แล้วน้ำจะยังมีอยู่ไหม ?
ไฟนั้นร้อน แต่ก้อนน้ำแข็งนั้นเย็น
ฉันอาจถูกไฟคลอก และอาจถูกเย็นของน้ำโอบห้อมจนหนาวเหน็บ
ถ้าฉันกลายเป็นดวงวิญญาณ ไร้ความรู้สึก ฉันคงไม่รู้สึกร้อนหรือหนาว
แล้วไฟจะยังมีอยู่ไหม? น้ำแข็งจะยังคงเป็นน้ำแข็งอยู่หรือเปล่า?
ภูเขานั้นสูง แต่เนินดินนั้นต่ำ
ฉันอาจตกจากภูเขาลงมาตาย แต่ไม่อาจฆ่าตัวตายด้วยการเพียงกระโดดเนินดิน
ถ้าฉันกลายเป็นดวงวิญญาณที่ล่องลอยนั้นเล่า
ภูเขาจะยังสูงอยู่หรือเปล่า? แล้วเนินดินจะมีอะไรต่างจากภูเขาไหม?
ขอบฟ้านั้นไกล แต่ปลายเอื้อมแขนนั้นใกล้
ฉันอาจใช้เวลานับสิบปีและอาจไปไม่ถึงขอบฟ้า
แต่ใช้เวลาที่น้อยกว่าหลับตาในการหยิบของที่ปลายเอื้อมมือ
ถ้าฉันกลายเป็นดวงวิญญาณ ที่ปรากฏได้ในทุกที่โดยไม่มีระยะทางเล่า
ขอบฟ้าจะยังไกลอยู่ไหม? ที่เอื้อมมือถึงจะยังใกล้อยู่หรือเปล่า?
ความคิดถึงนั้น ไม่แข็งไม่อ่อน
ไม่ร้อนไม่เย็น
ไม่สูงไม่ต่ำ
และไม่เคยใกล้ ไม่เคยไกล
ถ้าหากฉันกลายเป็นดวงวิญญาณ..
เธอว่าความคิดถึงนั้น จะหายไปจากฉันไหม?
15 มกราคม 2555 11:15 น.
หมอกจาง
ฉันได้พบกับกวี และเขายังไม่ตาย
เราสนทนาด้วยถ้อยคำน้อย ในมากหลายเรื่องราว
เขาบอกฉันว่า การดูแลความรักนั้นไม่ใช่ความรัก
แม้ว่ามันจะใกล้ชิดกันมากก็ตามที
และบางคน กว่าจะรู้ตัว
ความรักก็ได้เหือดแห้งไปจากใจเสียแล้ว แม้เขาจะดูแลมันอย่างดีก็ตาม
เขาบอกฉันว่า จงอย่าได้หวาดกลัวความว่างเปล่า
และจงอย่าถมความว่างเปล่าด้วยสิ่งใดๆ
จงอยู่กับความว่างเปล่า และปล่อยให้มันเอ่อท้นขึ้นทีละน้อยด้วยตัวของมันเอง
การเพียรถมความว่างเปล่านั้น มีแต่จะขุดหลุมให้ลึกลง ลึกลงไปทุกที
เขาบอกฉันว่า จงอย่าฉลาด
อย่าฉลาดและอย่าได้อยู่ในหมู่ผู้ฉลาด
จงโง่เขลาเพียงลำพัง กับการนิ่งเงียบและพิจารณา
เพราะปัญญาไม่เคยเบ่งบานจากคำพูด และสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้วัดจากจำนวนคนที่เห็นด้วยกับมัน
เขาบอกฉันว่า จงอย่ายืนบนจุดยืนของคนอื่น
อย่ารับความคิดสำเร็จรูปจากใคร แม้ว่ามันจะดูสวยงามน่าเชื่อถือเพียงใดก็ตามที
จงยืนอยู่บนจุดยืนที่ขีดวงขึ้นเอง และหากเราไม่สามารถหาจุดยืนเองได้ ก็จงนั่งลงเสีย
เขาบอกฉันว่า จงอย่าหลงลืมความเศร้า
แม้มันจะเจ็บปวด แต่มันคือเครื่องแสดงว่าเรายังคงอ่อนโยน
หัวใจที่แข็งกระด้างย่อมไม่มีความรู้สึก
ความปวดร้าวนั้นมีโลกของมันเอง จองหองและครุ่นคิด
เขาบอกว่า ความรักกับสิ่งที่เราคิดว่ารักนั้นไม่เหมือนกัน
สิ่งที่คิดว่าอยากได้นั้นเราก็อาจไม่ได้อยากได้มันจริงๆ
ยิ่งคิดน้อยลง ความวุ่นวายก็น้อยลง
การพลาดโอกาสมากหลาย อาจมีความสุขกว่าการได้คว้าไว้ทุกโอกาส
เขาบอกฉันว่า จงน้อยแต่มาก
เราอาจสามารถดมดอกไม้นับร้อยดอกในท้องทุ่ง แต่ทุกดอกนั้นย่อมมีกลิ่นเดียว
ดอกไม้เพียงดอกเดียว หากเราค่อยๆดม แช่มช้า
เราอาจได้กลิ่นนับร้อยกลิ่นของท้องทุ่งทั้งท้องทุ่ง
เขาบอกฉัน
ว่าจงออกเดินทาง
ไปยังสถานที่ใดก็ได้ หรือแม้กระทั่งในความคิดของตน ในหัวใจของตน
เพราะทุกการเดินทางคือความสดใหม่
เราไม่อาจหลีกเลี่ยงความตาย แต่เราอาจเกิดใหม่ได้ตลอดเวลา
3 ธันวาคม 2554 01:07 น.
หมอกจาง
คลื่นทะเลอันไร้เสียง
ฉันมองเห็น แต่ไม่อาจสัมผัส
แดดอ่อนอ่อน สายลมพัด นกนางนวลฝูงใหญ่
กลิ่นกาแฟ
ฉันมองเห็นแม้แต่ระยิบระยับบนเกลียวคลื่น
กว้างแค่ไหน
ทะเลก็กว้างได้เพียงแค่สุดสายตา
ขอบฟ้าก็เช่นกัน
เปลือกหอยไม่อาจแยกออกจากหาดทราย
และหาดทรายก็ไม่อาจแยกจากผืนน้ำ
ปะปนเป็นเนื้อเดียว
เธอก็เช่นกัน
เรื่องราวของเราเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวร้อยแปด
เรื่องราวของเธอล้วนเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวอื่นๆ
เธอเป็นทั้งส่วนหนึ่งของความทรงจำและทั้งหมดของมัน
ฉันรู้เท่าที่ฉันรู้
และฉันมองเห็นเท่าที่ฉันเห็น
พ้นไปจากนั้นล้วนเป็นเพียงความว่างเปล่า
ที่ฉันเติมเต็มเอาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
จึงน้อยแต่มาก
พ้นไปจากหาดทรายและผืนทะเล ย่อมเป็นทะเล
พ้นไปจากเส้นขอบฟ้าย่อมเป็นท้องฟ้า
เธอที่เป็นทั้งหมดของความทรงจำฉัน จึงเสมือนไม่มีที่สิ้นสุดเอาเสียเลย