7 พฤศจิกายน 2549 09:10 น.
หมอกจาง
ฉันเขียนบทกวี
จากใบไม้หลากสีแห่งแรกหนาว
เล่าเรื่องน้ำค้างร่วงจากดวงดาว
เก็บสายหมอกยามเช้ามาเรียงร้อย
ฉันค้นหาความหมาย
ในสายลมที่ทักทายกันทุกบ่อย
เผื่อลมหนาวจะฝากข่าวที่เฝ้าคอย
จากบางคนที่เขียนรอยกลางหัวใจ
ฉันค้นหาความรัก
เอาอ่อนโยนอิงพักกับอ่อนไหว
จึงเจ็บปวดซ้ำซ้ำอย่างร่ำไร
แต่ก็อาจยังยิ้มไหวเมื่อร่ำลา
ฉันเขียนบทกวี
คลอกับแผ่วดนตรีแห่งเหว่ว้า
คำหวานหวานเขียนไว้คอยรอยน้ำตา
ที่ไม่เร็วก็ช้า จะหยดริน
26 กันยายน 2549 18:05 น.
หมอกจาง
รอยริ้ว
ติดอยู่เพียงแค่ผิวหรือลึกล้ำ
ริ้วรอยในใจใครนะทำ
ึคิดถึงก็เหมือนย้ำเหมือนซ้ำรอย
ห่วงหา
เราผ่านเรื่องผ่านเวลามิใช่น้อย
ผ่านแดดงามฟ้าหม่นและฝนปรอย
คุ้นเคยกันทุกบ่อยจนคุ้นใจ
เยื่อใยที่ผูกพัน
นั้นยังผูกกันและกันอยู่ใช่ไหม
หรือเพียงฉันที่โหยหาและอาลัย
ปล่อยวันคืนให้ผ่านไปกับอาวรณ์
รอยราง
หวังแค่ห่างเธอยังหวนถึงวันก่อน
คนที่ฝากในแววตาว่าอาทร
ณ วันนี้เขารุ่มร้อนเพราะคิดถึง
6 กันยายน 2549 22:41 น.
หมอกจาง
เจ้าดอกรัก
เหนื่อยนักกับถ้อยถามที่หวามไหว
ดอกคิดถึงซึ่งซ่อนจนอ่อนใจ
จะเอ่ยออกบอกอย่างไรให้เขารู้
เจ้าดอกฟ้า
สูงจนแหงนคอตั้งบ่าเวลาดู
โน้มมาหยอกเช่นเพื่อนหรือเชิงชู้
ยังสับสนเดาอยู่ในเนื้อความ
ใกล้จนได้กลิ่น
หูได้ยินก็หวั่นไหวจนใจหวาม
หวานในตาวูบจนใจต้องไหวตาม
หวานน้ำคำน้ำความคนคุ้นเคย
เจ้าดอกรัก
คิดถึงนักแต่ทว่าไม่กล้าเผย
ไม่กล้าคว้า-ไม่กล้าปล่อยให้ลอยเลย
ดอกรักเอยฉันจะทำอย่างไรดี
29 สิงหาคม 2549 21:20 น.
หมอกจาง
ฉันหลงรักความว่างเปล่า
คิดถึงเป็นครั้งคราว ไม่มาก ไม่น้อย
ในสายลมแผ่วแผ่ว ในสายฝนปรอยปรอย
ฉันบอกรักเธอค่อยค่อย-กลัวเธอจะได้ยิน
ไม่มีที่มาที่ไป
ไม่อาจอธิบายด้วยเหตุผลใดใด..ทั้งสิ้น
ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยจินต์
จมูกไม่อาจได้กลิ่น-แต่รู้สึกลึกลึกข้างใน
คือความว่าง
ที่ไม่รู้สึกอ้างว้าง ไม่หวั่นไม่ไหว
เหมือนรู้สึกอุ่นในอากาศ ที่แม้จะไม่อาจมองเห็นกองไฟ
เหมือนหอมแห่งดอกไม้ดอกใหม่
ที่บอกฤดูใบไม้ผลิจะมาเยือน
ฉันหลงรักความว่างเปล่า
ทุกครั้งที่ปวดร้าว ฉันเอาความว่างเป็นเพื่อน
อาจด้วยไม่มี-จึงไม่จบ และอาจด้วยไม่พบ-จึงไม่เลือน
กาลเวลาค่อยคืบค่อยเคลื่อน
ฉันมีความว่างอยู่รอบตัวคอยเตือน..
.. ว่าฉันยังมีเธอ ..
25 สิงหาคม 2549 09:21 น.
หมอกจาง
เมื่อความรักเข้าตา
ฟ้าทั้งฟ้าก็สวยด้วยฟ้าอ่อน
ใบไม้ไหวก็คล้ายว่าคืออาวรณ์
ลมพัดแผ่วก็ทอดถอนว่าคิดถึง
เพียงกรุ่นในกลิ่นดิน
ก็ถวิลถึงกลิ่นเนื้อที่คำนึง
เห็นดอกไม้ใจก็ห่วงด้วยหวงหึง
หวั่นแมลงภู่ผึ้งมาดอมดม
เพียรจะเขียนกลอนหวานผสานถ้อย
แต่ดูเหมือนหวานยังน้อยไม่เหมาะสม
นั่งค้นหาคำใหม่ใหม่ในสายลม
เผื่อจะใช้มาเอ่ยชมเจ้าคนรัก
สั่นสั่นและหวั่นไหว
ใครหนอใครมายั่วใจให้เต้นหนัก
คิดถึง อย่างเปิดเผยไม่เคยพัก
นี่กระมังที่ว่ารัก..นั้นเข้าตา