6 กุมภาพันธ์ 2549 11:55 น.
หนุ่มอุบล
" ร้องร่ำพร่ำเพรียกหาเพลาสงบ
หมู่วิหคหลบซ่อนหราถลาเหิน
ตาจับจ้องสองลูกไทรใคร่ยลเยิน
กิ่งไทรเกาะเลาะหยอกเอินเพลินร่มเงา
ระริ่วไหวระริ้วสะบัดพัดโบยโบก
ไหวหวัดโยกเย็นจับรับเย็นเหงา
แม้นไหวกิ่งพฤกษาอ้าอกเอา
ริบไรเรื่อแสงเถาเนาแนบเนาใน
กระรอกคู่อยู่หยอกเย้าเคล้าครองคู่
รัดกอดรัดกัดอยู่จนครู่ใหญ่
ค่อยไล่หยิกหยอกล้อล่อเพลงไพร
เพลงลมไหวไร้ลมพรมพนา
ลาแล้วลาราวเรื่องที่เคืองขัด
ละเรืองวัตรนานเนาเน่าปูนป่า
คืนสู่ดงดินดอนถอนอุรา
แนบหนึ่งจิตชิดแนบทาป่าไพรพง"
6 กุมภาพันธ์ 2549 11:29 น.
หนุ่มอุบล
"ไกลฟากฟ้า กายอยู่ฟากเมืองแมน
ไกลฟากฟ้า ใจจ่ออยู่เฮียงกัน
ไกลฟากฟ้า กะบ่ไลลืมถิ่ม
ไกลฟากฟ้า อย่าไลเลยไกลห่าง
จิตกะจดจ่อเจ้า ใจกะจดจ่อเจ้า
เฮียงน้องจนว่าตาย"
(กลอนอีสาน)
6 กุมภาพันธ์ 2549 11:19 น.
หนุ่มอุบล
ไกลแต่บ้านเฮือนซานดอกหม่องอยู่
จิตผัดตั้งต่อรอแต่นางคู่มื้อตายถิ่มแม่นบ่เหลือ
เปรียบดั่งเกลือแซ่น้ำโดนหลายกะร่อยเปลือย
อ้ายกะเมื่อยถ่าเจ้าเปลือยถิ่มดอกดั่งเกลือ
(กลอนอีสาน)
26 มกราคม 2549 12:17 น.
หนุ่มอุบล
เขียวขจีสุกอร่ามแล้ว หลายครา
ชุบชีพเลี้ยงประชา หมื่นล้าน
กี่แล้งกี่ฝนพา พัดผ่าน
กี่อุ่นกี่หนาวสะท้าน ทุ่งท้องทรัพย์อุดม
นิ้วประนมแม่โพสกขึ้น เหนือเศียร
ที่ลูกปลูกย่ำเวียน ต่อไท้
กี่เท้าย่ำลงสะเทือน ต่อแม่
แม่มิหลั่งมิร่ำไห้ หยดพื้นสักครา
เพียงบาทาหนึ่งผู้ เหยียบกราย
แม่กลับร่ำฟูมฟาย ซอกน้ำ
ลูกเทียวเที่ยวสืบสาย เสาะสืบ
อยากกระทืบกระทืบซ้ำ หนึ่งผู้จมดิน
หนึ่งดินยังค่าล้น เกินเปรียบ
ทุรชนใยย่ำเหยียบ อกพื้น
ค่าเจ้าบ่เทียมเทียบ หนึ่งฝุ่น ธุลีดิน
ทุ่งร่ำช้ำชอกสะอื้น กี่ม้วยมิทดเทียม
25 มกราคม 2549 13:04 น.
หนุ่มอุบล
ความเป็นไทหมดสิ้น จริงฤา
ความสงบเงียบกลับกระพือ ปราดเปรี้ยง
วิถีที่ยึดถือ กลับเปลี่ยน
ไทยวัฒนธรรมหมดเกลี้ยง ลบพื้นไผทครอง
ตรองดูเถิดพี่น้อง ผองไทย
เรารับเอาสิ่งใด ประกอบสร้าง
สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ปราชญ์บอก
จงตรึกอย่านึกร้าง ห่อนสิ้นวิถีไทย