24 สิงหาคม 2547 17:44 น.
หนามไม้ไผ่ฯ
ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว
สายลมพัดแผ่ว..กระซิบหาดทราย
ให้ช่วยโอบกอด ทะเลเอาไว้
อย่าปล่อยให้ไหล..โดยไร้ทิศทาง
ทะเลมีหาดทราย..
ต้นไม้ยังมีดินอุ้มชู ไม่อ้างว้าง
สายรุ้งปรากฏ หลังฝนเบาบาง
คงเหลือเพียงฉันที่เคว้งคว้าง..ไร้คนอาทร
ต่อไปจะเป็นไงบ้างนะ..
ฉันจะต้องพบปะ..กับเรื่องราวหลอกหลอน
กับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อีกมากมายหลายหลากตอน
ด้วยความอาทร..จากเงาตัวเองเพียงลำพัง ได้อย่างไร
จะมีสักวันมั้ย...
ที่จะมีใคร ผ่านเข้ามา ด้วยความจริงใจ
ยื่นมือประคองและโอบกอดฉันเอาไว้
แล้วจูงมือกันก้าวไป..ด้วยกันสองคน...
22 สิงหาคม 2547 22:14 น.
หนามไม้ไผ่ฯ
ผ้าขี้ริ้ว ผืนนี้ ฉันจำได้
ครั้งเยาว์วัย..สวมใส่ เป็นตัวโปรด
ใส่แล้วใส่อีก..เป็นตัวนำโชค
สีฟ้าถูกโฉลก กับตัวฉันมากมาย
เล่นหมากเก็บชนะ..ก็ตัวนี้
กระโดดยางแต่ละที..สีฟ้าสดใส
เพราะเสื้อตัวนี้แหล่ะ.ฉันจึงขี่จักรยานได้บานตะไท
เป็นตัวกำลังใจ..ที่ติดตามฉัน ไปในทุกวัน
อีกหลายปีต่อมา...
เสื้อตัวสีฟ้า..เริ่มหมดสีสัน
ครั้นจะใส่..ตัวฉันก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน
แต่ก็ไม่ยอมให้มัน..มีใครอื่นมาครอบครอง
ฟ้าเริ่มไม่ฟ้า..เนื้อผ้าเริ่มสึก
ฉันมานั่งนึก..สีมันเปลี่ยนเป็นหมอง
ถึงตอนนี้..จะกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว..ไร้คุณค่าแก่การจับจอง
แต่มันยังคงเป็น..ผ้าขี้ริ้วห่อทอง.. ที่มีอดีตน่าจดจำ (สำหรับใครบางคน)
21 สิงหาคม 2547 15:14 น.
หนามไม้ไผ่ฯ
เดินข้ามผ่านสะพาน...
รถยวดยาน ขับขี่ ควันดำปี๋
ตึกราบ้านช่อง เบียดเสียดกันกระไรดี
แม่น้ำสี เขียวคล้ำ น้ำตาลปน
ร้านรวงผุดมากขึ้น...
มองแล้วมึน..สรรค์สร้างล้น
ทุกอย่าง ถูกพัฒนา กันเสียจน
ใครบางคน ลืมพัฒนาใจตัวเอง
น้ำใจ ทุกวันนี้หายาก
ผู้คนลำบาก..คนมั่งมีทำอวดเบ่ง
อันคนยาก..ก็ยากจน แสนลำเค็ญ
ร้อยทุกข์แสนเข็ญ..ไร้ผู้คนอาทร
สังคม ทุกวันนี้..
ต่างมองที่ กายภาพเป็นขั้นก่อน
เรื่องจิตใจ นิสัย อันดับท้ายค่อน
ทรัพย์สมบัติ เป็นที่สอง..รองหน้าตา...
10 สิงหาคม 2547 15:36 น.
หนามไม้ไผ่ฯ
ฉันเคยเล่นฟุตบอลแต่ก่อนมา
เป็นประตู เพื่อนบอกว่า มือไม่เหนียว
แม้เปลี่ยนใจ เล่นกองหลัง ยังห่อเหี่ยว
สักลูกเดียว ไม่มีมา ให้ล้างบาง
เป็นกองหลังสักตั้ง..หวังคิดถูก
หากได้ลูก จะได้ โยนออกข้าง
แต่จนแล้วจนรอด ยังอ้างว้าง
หมดหนทาง ต้องวิ่งเดี่ยว เพียงลำพัง
เลยวิ่งรี่ ไปเล่น เป็นกองหน้า
ก็ยังช้า กว่าเขาอยู่อย่างนี้
วิ่งแทบตาย ยังไม่เคย ได้ลูกซักที
ทำไงดี คราวนี้ คงต้องยอม
เดินนบน้อม ออกมา นอกสนาม
หดหู่ยาม เปลี่ยนตัว ใจมัวหมอง
ชีวิตนี้ คงเป็นได้ แค่ตัวสำรอง
ไม่มีทาง จองหอง เป็นตัวจริง
คงเหมือนดั่ง ที่ฉัน คบกับเธอ
ไม่เคยเผลอ ชมฉัน ให้ได้ยิน
ทำทุกอย่าง แต่เธอเห็น เป็นเศษดิน
ที่สูญสิ้น ไร้ค่า มาเชยชม
จนสุดท้าย มีฉันไว้ ตอนคลายเหงา
ยามเธอเบื่อ เธอเศร้า เคล้าสับสน
ยามที่เธอ ต้องการ ใครสักคน
ยามที่เธอ ร้อนรน เธอจนใจ..
แต่พอเธอ สมหวัง ดังปรารถนา
เธอก็พา เขาแซงหน้า ฉันคนนี้
เธอเปรียบฉัน กับคนนั้น ที่แสนดี
แล้วเก็บฉัน ไว้ในที่ ไม่ต้องการ
ไม่เป็นไร ฉันทนได้ เพราะใจรัก
แต่วันนี้ ฉันอกหัก เจ็บเหลือที่
ไม่มีใคร คอยดูแล คอยใยดี
ไม่มีใคร เลยที่ จะเห็นใจ
ฉันคง ไม่ทน เป็นตัวสำรอง
ไม่ขอทน เป็นที่สอง รองคนไหน
เมื่อโอกาสมีมา..ฉันคงต้องไป
ตามหาใจ ที่ต้องการ คนอย่างเรา
โศกและเศร้า ทิ้งมันไว้ กับความหลัง
ความผิดหวัง พลาดพลั้ง ทิ้งให้สูญ
ทิ้งให้หมด ไม่เหลือ แม้ความอาดูร
แม้เศษจุล ไม่ให้เหลือ ไร้ร่องรอย
จากนี้ไป ฉันจะเดิน ด้วยความหวัง
อีกสักครั้ง กับจิตใจ ที่ไม่ถอย
พรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไร ฉันไม่คิดจะเฝ้าคอย
จะอยู่กับวันนี้ ด้วยสองมือน้อยๆ..ที่เป็นของตน...
3 สิงหาคม 2547 14:15 น.
หนามไม้ไผ่ฯ
ทุกวันนี้...
เรามีชีวิตอยู่ เพื่ออะไร
เพื่อทบทวนอดีตที่จากไป
หรือเพื่อวางบางสิ่งไว้..ในอีกก้าวของชีวิต
เคยคิดกันรึเปล่า...
มีอะไรในตัวเรา..ที่เราจะมีสิทธิ์
เก็บรักษาเอาไว้ได้ ตลอดชั่วชีวิต
และจะยึดติดกับเราไปตลอดกาล
รู้สึกกันบ้างไหม...
ทุกวันที่ผ่านไป ทำไมเรายังอยู่กับปัจจุบัน
เดินไปกี่พันก้าว.ก็เหมือนยังย่ำอยู่ตรงนั้น
เป็นปัจจุบันตลอดคืนวัน แต่ทำไมสิ่งที่ฝัน ถึงเริ่มใกล้ตัว
ยิ่งก้าว..อดีตยิ่งมีมาก
ปัจจุบันก็ยังอยู่ไม่จาก..แม้หนทางจะมืดสลัว
ครั้นเมื่อก้าวข้ามมันไป แสงสว่างก็สาดลงมาที่ตัว
เราก็ยังไม่วายนึกกลัว..ปัจจุบันยังอยู่..ไม่หนีไปเสียที...