11 พฤศจิกายน 2545 09:12 น.
ส่องหล้า
นทีกล้ามหาคลื่น
มิราบรื่นและเรรวน
นทีท้นอุทกป่วน
ทะเลร่วนทลายแรง
เพราะนาวาจะฝ่าคลื่น
จะหยัดยืนทะยานแกร่ง
จะฝ่าลมและโหมแรง
ขยับแย้งทะยานทาง
วิกฤติกล้ามหาศาล
ประชาชาญมิอาจสร้าง
อุทกท้นวิถีต่าง
มลายร้างทลายลง
เพราะผู้นำจะจ้ำเรือ
ก็คลุมเครือมิมั่นคง
จะไปซ้ายจะไปตรง
ก็จงกล้าจะฝ่าไป
อุทิศมั่นและหาญกล้า
ทะยานท้าจะแก้ไข
พลังแกร่งอุดมชัย
กระชั้นเชี่ยวหทัยชน
มิแกรงพายุแกร่งก้าว
ประชิดอ่าวมิถอยล่น
ทแกล้วกล้าประชาชน
จะร่วมแรงและเร่งเรือ...
6 พฤศจิกายน 2545 07:02 น.
ส่องหล้า
ดอยหนาวอกโอ้
เธอหนาวหนักโถ.................สงสารหนาวนัก
อยากห่มอุ่นแอบ..................แนบอุ่นอกรัก
เธอห่มหนาวหนัก.................ห่มรักจากใคร
เมืองอุ่นอวนอบ
ดอยหนาวแนบซบ...............อบอุ่นอกไหน
หนาวลมห่มดิน....................ผิงฟอนฟืนไฟ
เมืองอุ่นฉันใด.....................ดอยหัวใจหนาว
เสื้อสวยสวมใส่
สีสวยสดใส..........................อุ่นไออบอ้าว
เครื่องทำน้ำอุ่น....................กรุ่นอยู่ทุกคราว
ไม่รู้เจ็บร้าว.........................ไม่หนาวหัวใจ
เสื้อวิ่นขาดแหว่ง
ห้อยขาดร่องแร่ง..................อุ่นแฝงแหว่งหาย
หนาวหนักสั่นซบ..................หวังอบอุ่นใจ
จากเมืองแสนไกล................ปันใจไปหนาว
30 ตุลาคม 2545 17:19 น.
ส่องหล้า
เพลิงเผาผลาญปะทุท่วมวิถีกเฬวราก...............มันทำและพลัดพราก
วิชา
หัวใจผองยุวชนหทัยวิริยะกล้า....................ขามขลาดมิโสภา
วิมุติ
มันก่อการและกระทำฉะเช่นสวะมนุษย์......ลอบเข้าและจู่จุด
พระเพลิง
หัวใจชนระอุอานสะท้านมนกระเจิง.............เคืองขัดกระจัดเปิง
กระจาย
มาหักหาญอริรานวิถียุวมลาย.....................ในซากพระเพลิงพ่าย
พิชิต
ความเคืองแค้นอุระแน่นกระโน้นมิผละจริต............ยากนักจะจางจิต
มิจำ
มันเป็นพวกทุรชาติขบถทุรกระทำ...............เหี้ยมโหดและโฉดล้ำ
อบาย
เพลิงจงผลาญปะทุหาญอรินทร์อุระมลาย.....เผาผลาญประหารหาย
ละชั่ว
28 ตุลาคม 2545 22:42 น.
ส่องหล้า
ยิ้มเธอเศร้าเหงาเหงาแม้เจ้ายิ้ม................วงพักตร์พริ้มดูแววตาเธอว่าเหงา
คาบน้ำตาแห้งเหือดยังเหลือเงา..................เป็นรอยเศร้าฝังแฝงแห่งรอยริน
ร่องรอยลึกน้ำตาที่ทาทาบ...........................ฝังรอยอาบบาดใจให้ถวิล
โหยหารอยร่องรักที่หยาดริน......................โหยหาถิ่นจริงใจอยากได้ชม
เจ็บลึกรักบาดล้วงหน่วงใจลึก.....................นอนสะอึกสะอื้นหนักเมื่อรักขม
ห่วงแต่ชื่นลืมช้ำลืมตรอมตรม....................ยินแต่ชมลืมแช่งแสร้งในใจ
ประหนึ่งสาวเจ้าบริสุทธิ์นัก.........................ประหนึ่งรักเธอบริสุทธิ์ใส
ประหนึ่งหวังเธอกว้างไกลกว่าไกล..............ประหนึ่งใจเธอมั่นนิรันดร
ยามเวลาหัวใจหมายมุ่งหวัง........................แรงกำลังจำรัสประภัสสร
ยามเวลาหมดเยื้อใยไม่อาวรณ์...................เป็นร้าวรอนอ้างว้างไม่จางใจ
สองแก้มน้อยร่องรอยแห่งความเหงา......... หวังเพียงเงาสู่ทางสว่างใส
เช็ดน้ำตาจากสองตาและหัวใจ...................ก้าวต่อไปลืมเหงาลืมเศร้าตรม
เอาความเจ็บทั้งปวงที่หน่วงหนัก................มาทอทักสานใยได้เพาะบ่ม
รัก-สุข-ทุกข์-เหงา-เศร้าเจ็บระทม................เปิดตากลมใสแจ๋วให้แวววาว
ยิ้มแล้วสู้ให้โลกรู้ว่าเจ้ายิ้ม.........................พวงแก้มอิ่มสดใสใจหวังก้าว
ยิ้มเผชิญน้ำตาที่พรั่งพราว.........................ทิ้งเรื่องร้าวเศร้าร้างให้จางไป
ยิ้มละมุนอบอุ่นกรุ่นด้วยยิ้ม........................วงพักตร์พริ้มดูจากตาเธอว่าใส
บริสุทธิ์สะอาดยิ่งและจริงใจ....................... สู้ต่อไปนะเจ้าโอ้สาวเอย
22 ตุลาคม 2545 14:31 น.
ส่องหล้า
ภาพฝันบ้านเก่าเมื่อเยาว์วัย
ล้อมรั้วด้วยน้ำใจอันอบอุ่น
ชมดาวเดือนที่นอกชานหวานละมุน
ตักแม่ที่แนบหนุนช่างร่มเย็น
พ่อนั่งเล่าตำนานที่ผ่านพ้น
บอกถึงสุขล้นที่เคยเห็น
แม้เหนื่อยกายแต่ใจไม่ลำเค็ญ
ผ่านหนาวร้อนร่มเย็นกับมารดา
จากตำนานวันเก่าเคยเล่าขาน
มาถึงกาลขันแข่งแสวงหา
บ้านหลังเก่าทรุดโทรมตามเวลา
เหลือซากแห่งน้ำตาให้อาลัย
เกิด-แตกดับสลับทั้งสุข-ทุกข์
เข้าสู้ยุคลูกหลานทันสมัย
ทิ้งบ้านเก่ารกร้างแสนห่างไกล
มาสู่เมืองยุคใหม่วิไลตา
อยู่ห้องแคบห้องเช่าเก่ามอซอ
แค่เพียงพอซุกหัวชั่วอาษา
ทำงานขายแรงแลกเงินตรา
แสวงหาวัตถุทำนุตน....
ฝันมีบ้านสักหลังเมือนครั้งเก่า
หวังเทียมเท่าอบอุ่นละมุนหน
ได้สงบหลบวุ่นวายในมนทล
แม้คับแคบให้เกลื่อนก่นด้วยรักจริง