4 ธันวาคม 2551 09:47 น.

พ่อ....ชาวนา

ส่องหล้า

เมื่อเสรีภาพถูกขังด้วยความคิด
พ่อจะถูกหรือผิดไม่แข็งข้อ
กฎหมายลงทัณฑ์ไม่รั้งรอ
กักขังพ่อกลางที่นาประชาชน

คำสารภาพในวันนั้น
พิพากษาลงทัณฑ์อยู่ในหน
แม้พ่อรักลูกทุกทุกคน
น้ำตาพ่อร่วงหล่นกลางแผ่นดิน

ทุกก้าวเดินบนดินชั่วชีวิต
ใช่ความถูกหรือผิดแค่ตัดสิน
ใช่ความดีความเลวแค่ได้ยิน
แต่ฝังอยู่ในจินต์ตลอดมา

แม้มือดำกำเกี่ยวจนเคียวกร่อน
แม้ตีนแตกย่ำย้อนแสวงหา
จะทิ่มแทงตอซังที่ค้างคา
แต่หัวใจยังกล้าเพื่อเกี่ยวกลืน

เพื่อลูกแล้วจะกี่เหงื่อก็เพื่อลูก
ผิดหรือถูกรู้ด้วยใจไม่ฝ่าฝืน
จะสิ้นแรงจะล้มลงต้องลุกยืน
เพื่อที่นาทั้งผืนเพื่อแผ่นดิน

เมื่อพ่อถูกขังด้วยความคิด
ตรึงรัดด้วยถูกผิดมิอาจดิ้น
เม็ดข้าวร่วงกราวได้เปิบกิน
เลือดลูกทั้งแผ่นดินสีอะไร......				
11 พฤศจิกายน 2551 09:20 น.

มือ....ของเสรีภาพ

ส่องหล้า

หญิงชราหลังโก่งโค้งงองุ้ม
ผิวหนังเหี่ยวแขนอุ้มโอบขันข้าว
ใต้ตะวันส่องสะท้อนน้ำค้างพราว
หมอกจางจางขุ่นขาวคลุมเส้นทาง

รอภิกษุผู้จาริกแสวงบุญ
มอบไออุ่นจากธรรมวิมุติสล้าง
อกุศลแห่งใจได้ละวาง
พุทธะ-ธรรมสว่างกระจ่างธรรม

เด็กตัวน้อยมอมแมมแต่แจ่มใส
บริสุทธิ์จากใจพิสุทธิ์ล้ำ
รอแสงทองส่องปัญญามาชี้นำ
ลบมืดดำให้สว่างกระจ่างจินต์

บนขลิบโค้งโยงเขาที่ไกลโพ้น
รอคุณครูดั้นด้นข้ามผาหิน
โยงขอบเขาผ่านฟ้ามาสู่ดิน
สอนเด็กน้อยบนถิ่นแผ่นดินไกล...

ท้องทุ่งนาฟ้ากว้างทางทำกิน
สายฝนรินหลั่งหล่นสะอาดใส
การเพาะปลูกหว่านหวังดั่งตั้งใจ
สู่เม็ดข้าวอำไพที่ในนา

ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเคียวคมเกี่ยว
รอนายทุนแลเหลียวร่ำเรียกหา
เมล็ดข้าวค้าขายได้ราคา
มือที่หยาบรับเงินตราจากไมตรี.

 รอใส่บาตรน้อมนำธรรมวิมุติ
การเรียนรู้ไม่สิ้นสุดในวิถี
มือหยาบหยาบกำด้ามเคียวเกี่ยวเสรีฯ
ประชาธิปไตยถมวิถีประชาชน
ประธิปไตย........วิถีประชาชน 				
5 พฤศจิกายน 2551 08:14 น.

ลม

ส่องหล้า

พัดไหวลมโหมลู่
จู่ใจถาโถมโหมซัด
ไหวโหมลู่ลมพัด
หยาบวาโยกระพือพล

กลอวลตะละฝุ่น
ขุ่นคลุ้งคว้างกลางอึงอล
ฝุ่นอวลตะละกล
ก็กลบกาลจักก้าวไกล

ไหนฟ้าจักเหมือนฝัน
จันทร์หมายฟ้ากระจ่างใส
เหมือนฝันจะฟ้าไหน
แนบสถิตยามนิทรา

ฟ้าเดียวดาวเดียวดาย
หมายแสงเด่นดวงดารา
ดาวเดียวเดียวดายฟ้า
ใจห่มหนาวเพียงดาวเดียว

เปลี่ยวเหงาน้ำค้างงัน
สั่นสะทกสะท้านเขี้ยว
เหงางันน้ำค้างเปลี่ยว
ก็ร่วงพรูสู่มณฑล

ยลเยือนทิวาวาร
ขานขับไขสมัยหน
เยือนวารทิวายล
ร่ายเล่ห์กลกลางมืดมัว

ทั่วเมืองขุ่นเคืองเข่น
เข็ญข่มขวัญขานโฉดชั่ว
ขุ่นเมืองเคืองเข่นทั่ว
ลมหนาวร่ำป้อคำลวง

จ้วงแทงด้วยแรงเล่ห์
อุปเท่ห์เข้ายึดถ่วง
เล่ห์แทงด้วยแรงจ้วง
ก็จมเจ็บไม่จืดจาง

ต่างใจต่างความคิด
ผิด-ถูกทั้งทุกข์-สุขสร้าง
ใจต่างความคิดต่าง
ก็ยึดตนด้วยพวกตน

พลพ่ายเพราะเพียงพัช
มัดใจจับให้สับสน
พ่ายเพราะเพียงพัชพล
ทั้งเมืองแพ้เพราะลมพาล				
22 ตุลาคม 2551 19:18 น.

ผีเสื้อปีกบาง

ส่องหล้า

ผีเสื้อตัวน้อยเจ้าหัดบิน
ท่องถิ่นโลกใหม่ไพรกว้าง
งดงามยามโผปีกกาง
ตามทางพฤกษ์ไพรไม้งาม

ผีเสื้อปีกบางเจ้ากางปีก
หลบหลีกพุ่มไพรไม้หนาม
โผบินใต้ฟ้าพยายาม
ข้ามสู่พฤกษาอนาคต

ที่ดอกไม้บานตระกานสี
มาลีกลีบงามหมดจด
กางปีกหลีกบินเลี้ยวลด
สู่ทุ่งสวยสดประทับใจ

ทุ่งเขียวหญ้าเขียวมีดอกขาว
ส่งกลิ่นกระจ่างพราวใต้ฟ้าใส
แดดส่องฟ้าทองผ่องอำไพ
อาบปีกแกว่งไกวปีกกาง

เสรีทุ่งกว้างอันว่างเปล่า
ไร้เงาไม้ใหญ่กั้นขวาง
เสรีผีเสื้อปีกบาง
โผบินแคว้งคว้างล่องลอย

ยามเมฆมหึมามหาฝน
ฟ้าหม่นเมฆดำต่ำคล้อย
ถั่งโถมลมเคลื่อนเลื่อนลอย
ผีเสื้อตัวน้อยคล้อยตามลม

กลางลมพายุอันดุเดือด
ฉีกเชือดปีกบางเฆี่ยนข่ม
ลมร้ายป้ายบาปที่อาบคม
ปีกบางเกลื่อนจมทุ่งเสรี........				
27 สิงหาคม 2551 14:55 น.

เพียงวูบหนึ่งของสำนึก

ส่องหล้า

วูบสายลมพลิ้วไหวใจสัมผัส
หอมเสน่ห์โหมพัดจรุงรื่น
ผะผ่าวลมห่มหนาวรุกเร้ากลืน
วังเวงแว่วกลางคลื่นเสน่ห์ครวญ

ระลอกคลื่นรำลึกเร่งรุกเร้า
วาดระบายรูปเงาคะนึงหวน
ธาราร่ำเริงทรายใฝ่รัญจวน
จิตรำพันปั่นป่วนคะนึงแปร

นิ่มนวลเนียนเนื้อทรายระบายแสง
สลับมืดจำแลงแฝงดวงแข
เข้าซ่อนเมฆเมฆหม่นชำเรืองแล
ความนิ่มนวลดิ่งแดฤดีดล

ละเอียดพราวขาวนิ่มอิ่มนวลเนื้อ
ระอุอุ่นโอบเอื้อเผื่อแผ่หน
โหมวาโยโลมเร้าเป่าเล่ห์กล
เหมือนต้องมนต์อุ่นแฝงแห่งพื้นทราย

มืดพายัพเมฆใหญ่เข้าใกล้โลก
ฝนจึงหลั่งเปียกโชกดับกระหาย
โหมเตโชเร่งเร้าเป่าเปลวไฟ
ท้นอุทกกลับหลั่งไหลกลางไฟลน

หวานละมุนอุ่นละไมท่ามทรายสวย
อ่อนระทวย ท่ามฟ้านิทราหน
สนิทแนบแทบเป็นทรายในบัดดล
มิรู้ฉ่ำกี่น้ำฝนจะสร่างซา

วูบสำนึกต้องกายไหวสำนึก
หม่นมืดดำดื่มดึกเสน่หา
พื้นที่ย่ำน้ำกับทรายในเวลา
กิเลสล้ำพร่ำมนตรามิรู้คลาย				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟส่องหล้า
Lovings  ส่องหล้า เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส่องหล้า
Lovings  ส่องหล้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส่องหล้า
Lovings  ส่องหล้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงส่องหล้า