6 สิงหาคม 2550 13:03 น.

ในบ่วงโศก ตอนที่1 ต่อ

สุวรรณโสภิต

จึงไม่แปลกที่ผู้พบเห็นหล่อนทุกคนจะหลงรักหญิงสาวคนนี้ คุณละเอียดญาติผู้พี่ของคุณพิมรำไพรยิ้มรับ เกิดความเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาทันทีพ่อกับอรกัญญาที่อึ้งไปนิดกับใบหน้าของผู้สูงวัยตรงหน้าที่เหมือนกับคุณแสพี่สาวของบิดาแม่ทับทิมในความฝันที่หล่อนเห็นอยู่ประจำ คุณละเอียดเชิญทุกคนเข้าไปในบ้านไม่วายยังเอ่ยปากชมลูกสาวของผู้มาเยือนว่าน่ารัก  และสวยเหมือนแม่ พวกผู้ใหญ่เดินเข้าบ้านกันหมดแล้วทิ้งให้อรกัญญายืนอึ้งกับสิ่งที่พบเห็นอีกครั้ง  แล้วที่คนในความฝันของหล่อนมีตัวตนจริงๆ ต่างกันตรงที่ไม่ได้เป็นเคลือญาติกับหล่อนเท่านั้น 

"แล้ววันนี้จะเจออะไรอีกเนี้ย" หลอนพูดกับตัวเองก่อนที่จะเดินตามเสียงเรียกของมารดาเข้าไปในบ้าน  

แม่กับพ่อของหล่อนนั้งรออยู่ที่โต๊ะรับแขกกับท่านเจ้าของบ้านทันที่ที่หญิงสาวเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั้งข้างๆคุณอรุอร คุณพิศพงษ์จึงเอ่ยแนะนำบุตรสาวกับคุณกรรณภพทันที่ 
อรกัญญายกมือไหว้อย่านอบน้อม คุณกรรณภพมองหญิงสาวอย่างชื้นชม เพราะท่านก็ไม่มีลูกสาวที่โตขนาดนี้ มีแต่ลูกชายสองคนเท่านั้น 

"โตเป็นสาวลุงจำแทบไม่ได้ ลุงเคยพบหนูเมื่อครั้งไปที่บริษัทแต่ก็นานมาแล้ว"

เสียงทุ้มใสเอ่ยขึ้นทักทาย ผู้พูดจะแก่ว่าพ่อหล่อนก็ไม่กีปีดูแล้วจะสักหนึ่งถึงสองปีเห็นจะได้ แต่บิดาของหล่อนก็นับถือท่านมากเพราะท่านช่วยเหลือครอบครับของหล่อนทุกอย่าง 
"จบแล้วจะเข้าทำงานกับพ่อเลยหรือเปล่า ถ้ายังลองมาฝึกงานที่บริษัทลุงดูก่อนก็
ได้ลุกจะให้เจ้าธงรพสอนให้"
 
ท่านหมายถึงลูกชายคนโตของท่าน
หญิงสาวไม่ตอบได้แต่ยิ้มรับ คุณพิศพงษ์จึงชิงตอบแทน

ก็ดีเหมือนกันครับจะได้รู้งานมากขึ้น

แล้วนี้คุณพี่พิมพ์ไปไหนคะ

ไปวัดครับเดี๋ยวก็คงมาไปตั้งแต่เช้าแล้ว

อรกัญญากวาดสายตามองไปในบ้านขณะที่พวกผู้ใหญ่กำลังคุญกันอย่างถูกคอ

สายตาหล่อนก็ไปสะดุดที่รูปภาพติดข้างฝาขนาดใหญ่ที่เหมือนจะเป็นรูปถ่ายครอบครัวมีคุณกรรณภพและผู้ชายอีกสองคน

หล่อนคิดว่าคงจะเป็นบุตรชายทั้งสองคนของท่าน แต่หล่อนก็ไม่ได้สนใจความสนใจของหญิงสาวคือผู้หญิงวัยไล่เรี่ยกับมารดาของหล่อนมากกว่าใบหน้าแบบนี้เหมื่อนเคยเห็นที่ไหนแต่ก็ยังนึกไม่ออก

 และไม่คิดว่าอะไรจะบังเอินเป็นครั้งที่สอง แต่ใบหน้านั้ดูอบอุ่นมองแล้วทำให้หล่อนอิ่มเอิบใจ สายตาที่มองไม่วางตาความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ภาพไม่ได้สนใจผู้ที่เข้ามาในบ้านและเสียงทักทายกับบุคคลที่เดินเข้ามาจากแม่และพ่อของหล่อน 

อร อร มองอะไรลูก

 คุณอรุอรสะกิดบุตรสาวทำให้อรกัญญาสะดุ้งจากห้วงความคิดทันที

คะแม่

ไหว้คุณป้าพิมสิลูก

หญิงทำตามที่มารดาบอกเมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อบุคคลตรงหน้าที่ส่งยิ้มบางๆมาให้หล่อนมีใบหน้าที่เหมือนคุณหญิงศรีนวลจนแทบจะเหมือนว่าออกมาจากพิมพ์เดียวกันเลย  อรกัญญานิ่งอึ้ง

หล่อนบิดแขนตังเองเบาให้รู้ตัวว่าไม่ได้ฝันไป ความรู้สึแทบอย่ากเข้าไปกอดบุคคลตรงหน้าให้หายคิดถึงมันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก

เป็นอะไรหรือหนูอร หน้าซีดเชียว

คุณพิมรำไพถามขึ้นน้ำสียงแบบนี้ก็ใช่เลยอรกัญญาบอกกับตัวเอง หล่อนแทบอยากแทรกตัวออกจากที่ตรงนี้เพื่อตั้งหลักเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ทันตั้งตัวเลย

"ไม่เป็นอะไรค่ะ คุณป้าคะ เราเคยพบกันที่ไหนหรือเปล่าคะ 

  อรกัญญาถามพยายามกดเสียงลดความตื่นเต้นให้มากที่สุด
คุณพิมรำไพยิ้มบางๆ มันเป็นรอยยิ้มที่อรกัญญาคุ้นเคยมากที่สุดท่านมองหน้าหญิงสาวนิ่งๆก่อนตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า

คงจะใช่แต่ป้าแก่แล้วคงจำม่ได้ คำตอบนี้ทำให้อรกัญญาหน้าม้อยลงทันที่แม่จำหล่อนไม่ได้แล้ว

ในใจลึกๆของคุณพิมรำไพรก็รู้สึกหวันใจในเด็กสาวคนนี้ขอบกล  รู่สึกเหมือนมีสิ่งแปลกๆมากั้นไว้ จะรักเอ็นดูก็ไม่ใช่จะเกรียจก็ไม่ใข่มันเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีเลย แต่ท่านก็เก็บซ่อนมันไว้มิดชิด คุณพิมรำไพเป็นบุคลที่อ่อนโยนคล้ายกับคุณหญิงศรียวลทุกอย่างไม่ว่านิจสัยใจคอท่วงที่กริยาท่าทางเหมือนอย่างคนคนเดียวกัน				
1 สิงหาคม 2550 16:56 น.

ในบ่วงโศก ตอนที่1

สุวรรณโสภิต

ร่างบางบนเตียงดิ้นไปมามือก็ไข่วขว้าเหมือนจะพยายามดึงรั้งอะไรบางอย่างไว้ปากก็พร่ำเรียก 

"แม่ คุณแม่ อย่าทิ้งลูกไปคุณแม่" ใบหน้าอิ่มสวยเปลอะไปด้วยคราบน้ำตา

"อร อร เป็นอะไรลูก แม่อยู่นี้เป็นอะไรลูก"

ร่างบางของหญิสาวพลิกตัวขึ้นตากลมโตเปิกขึ้นเมื่อเห็นเป็นหน้ามารดาก็โผลุกขึ้นกอดแม่แน้น คุณอรุอรกอดตอบมือก็ลูบหน้าลูบหลังบุตรสาว ปากก็พร่ำปลอบโยนว่า

 "แม่อยู่นี้ลูกไม่มีอะไรนะอร"

"แม่คะอรฝันไม่ดีอีกแล้วมันเหมือนจริงมากเลยนะคะ คุณแม่ก็อยู่ในฝันด้วยคุณพ่อด้วยคะ" หล่อนละล่ำละลักบอก

อรกัญญาเธอมักจะฝันถึงเรื่องในอดีตเสมอในฝันตัวละครทุกตัวเกี่ยวข้องกับชีวิตของเธอทั้งหมด 

ทุกครั้งที่ฝันจะมีแต่เรื่องที่ดีแต่วันนี้เรื่องราวในฝันมันคือการสูญเสียที่แม้กระทั้งเธอยังเสียเสียใจแล้วแม่ทับทิม หญิงที่อยู่ในความฝันจะเสียใจเท่าไร

 แต่แม่ทับทิมกับเธอก็คนคนเดียวกับจะต่างกันก็แต่ภพชาติเท่านั้น
แม่ทับทิมาเกิดเป็นอรกัญญาหญิงสาวได้รับแหวนโบราณจากยายของเพื่อนสนิทที่มีบ้านโบราณอยู่ริมแม่นำแถวสวนฝังธน 

ตั้งแต่ใส่แหวนก็ฝันเห็นเรื่องราวในอดีตมากมาย อย่างหน้าแปลก ทุกครั้งที่ฝันหล่อนจะมีความสุขมากแต่ครั้งนี้กับเสียใจมากและรู้สึกผิดมากแต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

"ฝันร้ายกลายเป็นดีลูก" คุณอรุอรปลอบบุตรสาวคนเดียวของท่านที่ภพนี้มาเกิดเป็นแม่ลูกกันสมใจท่านจริงๆ "เดียวไปอาบน้ำเราจะไปบ้านเพื่อนคุณพ่อกันลูกจะได้ไปรู้จักคุณลุงคุณป้ากลับมาเป็นเดือนแล้วยังไม่ได้ไปกราบท่านเลย"

ท่านหมายถึงการกลับมาจากต่างประเทศของลูกสาวหลังจากที่ถูกส่งไปเรียนนานหลายปี  

อรกัญญาลุกออกไปอย่างว่าง่ายใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจากการร้องไห้กับความฝันเมื่อครู่ คุณอรุอรมองตามหลังบุตรสาวสายตามีความกังวลแขวงอยู่เพราะนับวันลูกสาวของท่านจะฝันเรื่องแปลกๆแบบนี้มากขึ้นทุกวันจนหน้ากลัว

รถยนต์คันงามแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านคฤหาดหลังงาน อรกัญญาก้าวลงจากรถตามด้วยคุณอรุอรและคุณพิศพงษ์สามี 

หญิงสาวมองสำรวจไปรอบบ้าน ดูหน้าอยู่ร่มรื่น ที่หน้าอยู่ไม่ใช่ความใหญ่โตของบ้านแต่เป็นความร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ที่ท่านเจ้าของบ้านชอบปลูก

ตุ๊กตาหินที่หน้าบ้านฉีกยิ้มแฉ่งรับผู้มาเยื่อนสาวน้อยรู้สึกชอบบ้านหลังนี้เข้าแล้วสิ 
"คุณพิศพงษ์ คุณอรุอร สวัสดีค่ะ" เสียงหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายบิดามารดาของเธอ อรกัญญาจึงละสายตาจากสิ่งที่มองมามองผู้ที่อยู่ตรงหน้า 

หญิงคนนี้ดูแก่กว่ามารดาของเธอหลายปีแต่ตัวดีใบหน้าที่มอเธอมาด้วยร้อยยิ้มอย่าผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กจนเธอต้องยิ้มตอบพร้อมยกมือเรียวบางสวัสดีโดยที่มารดาไม่ต้องแนะนำความมีสำมาคาราวะนี้มีอยู่ในตัวสาวนักเรียนนอกคนนี้มานานแล้ว				
25 กรกฎาคม 2550 13:41 น.

ในบ่วงโศก บทนำ

สุวรรณโสภิต

ให้คลั่งแค้นแน่นอกนรกสุม
เหมือนเพลิงรุมหุ้มจิตยากคิดหนี
เอ่ยคำไว้ให้เป็นสัตย์ต่อปฐพี
ชั่วชีวีไม่ขอพบลบจากกัน

หากพี่นั้นอยู่ในทะเลกว้าง
จะขอร้างห่างไปอยู่ไพรสัณฑ์
หากพี่อยู่ใต้แสงแห่งตะวัน
ขออยู่ใต้เงาจันทร์นิรันดร์ไป

แม้นพี่พันผูกใจในไพรกว้าง
จะขอร้างทางมุ่งสู่กรุงศรี
แม้พี่แรมรอนห่างกลางนที
จะเร็วรี่ไปบกทุกศกกาล

หากเป็นเจ้าสูงส่งในวงศ์ศักดิ์
จะยอมหักเป็นไพร่ไกลสถาน
หากนงนุชเป็นครุฑใหญ่ในวิมาน
อธิษฐานขอเป็นเช่นนาคี

แล้วตั้งจิตคิดไปให้ปรากฏ
คนใจคดให้ขาดกันแต่วันนี้
ดุจมีดตัดชายสไบสิ้นไมตรี
ต่อแต่นี้ไม่ขอพบประสบเจอ


มือเรียวบางหลุดจากการเกาะกุมของมือหนาใหญ่ร่วงลงข้างตัวผู้ที่นอนอยู่สติขาดสบั้นสิ้นใจอย่างสงบ คออ่อนพับลงเล็กน้อยบ่งบอกว่าหมดเวลาของหลอนแล้วคุณหญิงศรีนวล หมดเวลาแห่งการทุกข์ทรมานใจในช่วงชีวิตนี้ 

"กรรมใดของลูก เกิดมามีแต่ความทุกข์ใครเล่าว่ามียศศักดิ์ทรัพสินทร์บริวารแล้วมีความสุขแต่ฉันกลับทุกข์ยิ่งนัก ทุกข์ทั้งเรื่องลูกและผัว กรรมใดที่เคยทำมาในชาติไหนๆขอให้ชดใช้หมดเพียงชาตินี้อย่าใด้ผูกพันติดตามกันอีกเลย"
เสียงอธิฐานเบาๆที่หลอนพร่ำพูดเสมอเมื่อต่อหน้าพระพุทธรูป ที่เป็นเครื่องดับทุกข์ทางเดียวที่มีอยู่ในชีวิตหญิงคนนี้ 

ใจผู้เป็นสามีแทบสลาย เหมือนมีอะไรมาฉุดมันออกมาจากอกเบาหวิวจนไม่มีอะไรจะถ่วงไว้ ในหูได้ยินแต่เสียงร้องไห้คร่ำครวนของลูกสาวที่ภรรยาคิดว่าเป็นแค่หลานมานานจนวันนี้วันที่หล่อนรู้ความจริงแต่กลับไม่ยอมรับ ใจที่รักก็กลับชังอย่างที่ไม่มีอะไรมาเปรี่ยนได้ ตลอดช่วงชีวิตของการครองคู่กันมาจนมีหลานเล็กๆเป็นปู่เป็นยาแล้วนั้น ภรรยาไม่เคยทำให้สามีเสียหายหรือปกพร่องต่อหน้าที่ภรรยาเลย ผิดกับเขาท่านเจ้าคุณนิติธาดา ที่ไม่เคยเห็นความสำคัญนั้นเลย กลับหาหญิงอื่นมาทำให้หล่อนไม่สบายใจ แม่ทับทิมคร่ำครวนเรียกมารดาผู้ให้กำเหนิดใจแทบขาดหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มละมายคล้ายมารดามองแหวนที่ท่านถอดคืนไปให้ก่อนเสียชีวิตใจหวิว คนที่หล่อนเรียกว่าอามานานกลับกลายเป็นแม่ เพียงชั่วไม่กี่วันจากไปพร้อมกับความแค้นและความชิงชัง ไม่ยอมให้อภัยใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นสามี ลูก หรือพี่ชาย และเป็นจุดเริ่มต้นการผูกพันธ์ทุกคนไว้ในบ่วงโศก				
14 กรกฎาคม 2550 11:41 น.

ดั่งม่านหมอกกั้น ตอนสรุปต่อจากตอนที่5

สุวรรณโสภิต

ต่อจากตอนที่ 5 สรุปคร้าวๆ 
 หลังจากที่กรรณติมาสมาสอนหนังสือที่เขมรัฐความรักก็เริ่มก่อตัวขึ้นเธอได้รับ

การต้อนรับอย่างดีจากคนในวัง และท่านชายเสด็จเอ็นดูเธอมากรวมทั้งท่านหญิง

ที่รักและเคารพครูมาก พอทำท่าว่าจะดีก็มีคำสั่งมาให้ท่านชายหมั้นกับท่านหญิง

ทิพอาภาลูกสาวคนโตของสมเด็จอาทิติวงค์กับท่านหญิงจันทรา ท่านชายกลุ้มใจมาก

 รวมทั้งเสด็จเพราะเป็นคำสั่งจากทางสมเด็จพิรำภาพระมารดาของสมเด็จอาทิติวงค์

อดีตพระสวามีของเสด็จที่ทรงเลิกลากันไปตั้งแต่ท่านชายยังเด็ก ท่านทรงขัดไม่ได้ 

แต่ก็สงสารหลานและกรรณติมาส หญิงสาวเสียใจมากพอดีกับมีข่าวจากทางบ้านมาว่า พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุ

ทางรถยนต์ทำให้มารดาเลี้ยงของเธอเสียชีวิตคาที่สวนบิดาเป็นอัมพาดช่วงล่างเดินไม่ได้ 

หญิงสาวตัดสินใจหนีปัญหาไปดูแลบิดา ท่านชายไม่อาจทัดทานได้ จึงต้องจากกันด้วยความเสียใจ เธอกลับมาเมืองไทยด้วยหัวใจที่บอบช้ำ

ท่านชายอยู่อย่างคนที่เหมือนไม่มีชีวิตหลังจากงานหมั้น เขาตัดสินใจหนีไปเมืองไทย

เพื่อพบกับคนรักที่เฝ้าคิดถึงเขาทุกวัน ที่เมืองไทย เสด็จทรงรับหน้าทุกคนที่รู้

เรื่องและพากันมาต่อว่ารวมทั้งแม่อดีตพระสวามีที่ไม่เคยยอมลูกสะไภ้เลย จนล้มป่วย

 ท่านโดนบีบบังคับและกดดันอย่างหนักที่ตามใจหลานจนต้องไปเมื่องไทยเพื่อไป

ตามหลานชายด้วยความจำใจ ด้วยความเครียดทำให้โรคหัวใจกำเริบจนล้มลง

ศรีษะฟาดพื้นจนต้องเขาโรงพยาบาล ท่านชายกับกรรนติมาสได้พบกันสมใจทั้งสองมีความสุขในชว่งเวลาสั้นๆ   

และต่อตอนต่อไป				
13 กรกฎาคม 2550 16:14 น.

ดั่งม่านหมอกกั้น(เมื่อถึงเวลาที่ต้องสูญเสีย)เอาตอนท้ายมาลงให้อ่านนะติดต่อเรื่องเอาเอง

สุวรรณโสภิต

แสงแดดสีทองยามเย็นสาดแสงเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เป็นแสงลำไรดูหมอหม่น

หมื่อนกับความรู้สึกของผู้ที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั้น 

ท่านชายจักตราพงษ์ก้าวเข้ามายืนข้างเตียงคนเจ็บใบหน้าคมสันฉาบไปด้วยความทุกข์ เป็นครั้งแรกที่พบอาหลังจากหนีมาเมืองไทย

 สายน้ำเกลือและเลือดที่ทิ่มบนพระหัตรของเสด็จอา  มันเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจเขายิ่งนัก 

พระพัตรที่เคยยิ้มแย้มทุกครั้งที่ได้พบกันมองดูแล้วชื่นใจบัดนี้กลีบซีดเซียวแทบจะเหมือนไม่มีเลือด เสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพทรงได้รับการผ่าตัดแล้วเมื่อคืนวาน

และเป็นเวลาหลายชั่งโมงแล้วที่ท่านยังไม่ทรงฟื้น  เสียงเครื่องวัดการเต็นของหัวใจดังเป็นระยะมันทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เจ็บปวดยิ่งนัก เขาทิ้งตัวลงนั้งบนเก้าอี๋ข้างเตียง

มือก็กุมมืออาอันเป็นที่รักไว้แน้น 

"ถ้าหม่อมฉันไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัวทิ้งปัญหามากมายให้เสด็จอาต้องทรงแก้เสด็จอาก็ต้องทรงไม่เป็นแบบนี้ เพราะหลานคนเดียวที่เห็นแก่ตัว" 

เขารำพึงเบาๆ แล้วซบหน้าลงพยายามกลันน้ำตาลูกผู้ชาย น้ำพระเนตรอุ่นๆไหลหยดอาบพระพักตร เหมือนว่าทั้งหมดที่หลานชายพูดผู้เป็นอาจะได้ยินทุกคำ

มือเรียวที่ถูกกุมไว้บีบเบาให้ผู้ที่กุมรับรู้ ท่านชายจักตราพงษ์เงยพระพัตรขึ้นมองอาพระเนตรที่ลืมขึ้นทำให้หลานชายดีใจเป็นที่สุด 

"ท่านชายที่ใครๆต่างหมายจะได้เป็นคู่ กลับมานั้งร้องไห้คงหน้าอาย"

เสียงพูดเบาๆขาดเป็นระยะแต่ก็พอฟังรู้เรื่องทำให้หลานชายใจชื้นขึ้นมาได้

"เสด็จอา หลานขอโทษกระหม่อม" เขาพูดออกมาเสียงเครือ "ทรงเป็นอย่างไรบางกระหม่อมตามหมอไหม" 

พูดจบก็ทำท่าจะลุกออกไปตามหมอแต่ผู้เป็นอาดึงมือไว้บอกหลานเบาๆว่า

"อาอยากคุยกับหลาน อายังไม่ตายตอนนี้แน่"

เสด็จพระองค์หญิงศรีรำไพ ทรงรวบรวมกำลังทีมีตรัสกับหลานชายเหมือนจะสั่งเป็นครั้งสุดท้าย ว่า

" ทุกอย่างที่มันผ่านมาแล้วขอให้มันผ่านไป ไม่ว่าพรุ้งนี้จะมีอาอยู่หรือไม่ ขอให้หลานของอาจงตัดสินใจด้วยตนเอง อย่าทำเพื่อเห็นแก่ใครอาไม่ว่าอะไรที่หลานหนีมาอาคิดว่าหลานของอาเลือกคนไม่ผิด และจงอย่าทิ้งน้องพวกเขาไม่มีใครนอกจากหลาน "ผู้พูดแล้วหอบเป็นระยะแต่ก็ยังฝืนพูดต่อ"อาไม่อยากให้หลานเสียใจภายหลัง สิ่งที่อาทำทุกอย่างก็เพื่อหลาน หลานๆก็เหมือนกับลูกของอาลูกทุกข์แม่ก็ทุกข์และอาก็ไม่เคยโกรธหลานเลย"

เขากราบที่เท้าอาพร้อมกับคำขอโทษที่ออกมาแล้วโอบกอดอาซบหน้าอยู่บนอกอาเหมือนเป็นกอดสุดท้าย เสด็จพยายามเอื้อมพระหัตรลูบศรีษระหลานเบา

คำพูดที่มีแต่คำปลอบโยนและให้อภัยของอาทำให้ท่านชายยิ่งรู้สึกผิดไม่น้อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาไม่เคยกล่าวโทษหรือดุว่าเขาเลยทุกสิ่งจะมีแต่เหตุผลและ

ความเข้าใจเสมอ ต่อไปจะมีไมหนอน้ำเสียงที่นุ่มละมุนเวลาที่ฟังไม่ว่าจะยามทุกข์ก็ดูจะมีความสุขได้เสมอ และรอยยิ้มที่นุ่มนวลที่ดูแล้วชื่นใจถ้าต่อไปไม่มีแล้วเขาจะทำอย่างไร ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็กเสมอในสายตาอา 

"ถ้าวันหนึ่งที่หลานแต่งงานกับคนที่หลานรักวันนั้นอาจจะไม่มีอาที่คอยอวยพร แต่ให้ระรึกไว้เสมอว่าอารักและขอให้หลานมีความสุขในชีวิตคู่มากๆ ให้สมกับที่แลกมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต"				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุวรรณโสภิต
Lovings  สุวรรณโสภิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุวรรณโสภิต
Lovings  สุวรรณโสภิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุวรรณโสภิต
Lovings  สุวรรณโสภิต เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุวรรณโสภิต