27 กรกฎาคม 2553 16:43 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ความรักคือความร้าย
ผู้พลั้งพ่ายตกเป็นทาส
ชะตาคราถึงฆาต
พิศวาสประหารใจ
๏ ความรักคือความร้อน
กว่าไฟฟอนสุมจิตไหม้
เพลิงกัลป์ผลาญบรรลัย
เผาแผดให้ใจทุกข์ทน
๏ เมื่อรักเข้าครอบงำ
ดิ่งถลำในใจฅน
ดวงตาก็มืดมน
ไม่ยินยลในสิ่งใด
๏ รักฉาบเสน่หา
ที่ทาบทาอาบหัวใจ
เป็นพิษป่วนจิตให้
ฅนป่วยไข้ไร้กำลัง
๏ เมื่อใจไล้ด้วยรัก
ฅนก็มักมีความหวัง
ฉะนี้ในทุกครั้ง
ความผิดหวังยังตามมา
๏ เมื่อคลาดพลาดสิ่งรัก
ใจก็มักเกิดปัญหา
หม่นหมองนองน้ำตา
โศกโศการ่ำอาลัย
๏ ความรักคือความร้าย
ผู้พลั้งพ่ายจึงหม่นไหม้
เพลิงกัลป์ผลาญบรรลัย
เผาแผดให้ตายทั้งเป็น๚๛
19 กรกฎาคม 2553 23:08 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
ที่ หัวใจครวญคร่ำร่ำโหยไห้
ใด นะใดเกาะกุมสุมจิตเศร้า
มี รักก็รักคุดพุดโธ่!เรา
รัก ชอบเขาข้างเดียวเปลี่ยวเหลือทน
ที่ ผิดพลั้งยั้งใจไว้ไม่อยู่
นั่น เพราะรู้เกินรับสุดสับสน
มี ทางใดผ่อนเศร้าเราสามฅน
ทุกข์ เสียจนหม่นหมองนองน้ำตา
เมื่อ กลืนกล้ำจำอยู่สู้กลืนกล้ำ
ไม่ กลัวช้ำคำเล่ห์เสน่หา
มี เพียงใจย่อยยับอับราคา
รัก ปวดปร่าเจ็บแปลบแสบเหลือทรวง
ก็ น้ำตาร่วงหล่นจนรินหลั่ง
ไม่ หยุดยั้งเพราะลึกยังนึกห่วง
มี ความเหงาติดตามเฝ้าถามทวง
ทุกข์ จะล่วงจากกันเมื่อวันใด?๚๛
14 กรกฎาคม 2553 12:44 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ในสำนึกลึกร้าวกร้าวและเจ็บ
โดนเขาเหน็บหยามเหยียดเย้ยเสียดสี
ด้วยไร้เส้นสหายสายไม่มี
ถูกเขาตีต่ำค่าราคาฅน
๏ เขาเล่นพ้องพวกพรรคกักกางกั้น
แบ่งชนชั้น"เอ็ง-ข้า"น่าฉงน
พลิกลบกลายเป็นบวกแก่พวกตน
สุดจะหม่นหมองไหม้ใจร้าวราน
๏ ชีวิตถูกใช้เซ่นเป็นแค่เหยื่อ
เขาปีนเพื่อไต่ดาวก้าวข้ามผ่าน
ค่าของฅนใช่ดีที่ผลงาน
แต่กลับการณ์กลายว่าเป็นข้าใคร
๏ เมื่อชีวิตบัดซบไม่จบสิ้น
นกขมิ้นเหลืองอ่อนนอนร้องไห้
จากถิ่นฐานบ้านนามาแต่ไกล
กอดหัวใจบอบช้ำถูกย่ำยี
๏ แม้สำนึกลึกร้าวกร้าวและเจ็บ
โดนเขาเหน็บหยามเหยียดเย้ยเสียดสี
ตั้งจิตแผ่เมตตาบารมี
อโหสิชาตินี้อย่ามีเวร๚๛
11 กรกฎาคม 2553 10:23 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ประหลาดเหลือประหลาดฝัน
อัศจรรย์บันเทิงจิต
ไหวสะท้านเกินต้านฤทธิ์
ในนิมิตภาพมายา
๏ ว่าได้อยู่เป็นคู่สม
ร่วมภิรมย์เสน่หา
ดั่งถวิลจินตนา
มิคลาดคลามิคลายกัน
๏ สิเนรุก็สั่นคลอน
สีทันดรก็ครื้นครั่น
คันธมาธน์บรรพตพรรณ
นั้นยังสิ้นกลิ่นหอมหวาน
๏ แดนฉิมพลี ฤ พังพับ
ยะย่อยยับไปกับกาล
อีกพิภพพื้นบาดาล
ก็สะท้านสะเทือนไกล
๏ พิรุณโรยลงโปรยปราย
ละอองสายรุจิใส
เป็นหยาดแก้วที่แววไว
ควบกลั่นไอพิสุทธิ์พราว
๏ เหล่าดาราคละคล้อยเคลื่อน
ละลอยเลื่อนเปื้อนห้วงหาว
แข่งประชันจันทร์สกาว
สว่างราวทิวาวัน
๏ นาค มนุษย์ ครุฑา ยักษ์
สนานรักสราญขวัญ
เทพบุตรประคนธรรพ์
ต่างประชันทิพย์ดนตรี
๏ สองสุขสมฤดิหมาย
บ่มิหน่ายและแหนงหนี
ได้ครองอยู่คู่ชีวี
บ่มิมีจะห่างไกล
๏ จวบรุ่งแจ้งครั้นแสงสาง
โลกสว่างสุริย์ใส
ต้องจำลานิทราลัย
สะท้อนใจให้จาบัลย์
๏ ฤๅว่ามันจะเป็นได้
ก็เพียงในมายาฝัน
เพราะความจริงเราไกลกัน
ไม่มีวันจะโคจร๚๛
7 กรกฎาคม 2553 22:39 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
เพราะเปราะบางทางความคิด
ถูกหรือผิดไม่รู้ได้
แอบรักเธอด้วยเผลอไป
หมดทั้งใจที่ให้กัน
รู้ทั้งรู้ไม่มีสิทธิ์
ก็ยังคิดยังใฝ่ฝัน
หลงละเมอเพ้อรำพัน
แทบทุกวันฝันในใจ
รักทั้งที่ไม่อาจเอ่ย
หรือเฉลยบอกวันไหน
ทำได้แต่แค่ห่วงใย
อยู่ใกล้ใกล้อย่างผูกพัน
เป็นความลับแห่งความรัก
ที่เก็บกักในกล่องฝัน
ตลอดกาลนานนิรันดร์
จนสิ้นวันที่หายใจ
ถึงเปราะบางทางความคิด
ถูกหรือผิดไม่รู้ได้
ยังจะขอรักต่อไป
ได้ห่วงใยก็สุขเกิน๚๛