1 ธันวาคม 2552 22:55 น.

เกมตกปลา

สุริยันต์ จันทราทิตย์


องค์ ๑ คนตกปลา - ผู้ล่า

     โค้งคันเบ็ดเล็กเรียวรูปเคียวโค้ง
สายเบ็ดโยงยึดเหนี่ยวเกี่ยวเป็นสาย
ปลายคือขอตวัดรัดร้อยปลาย
เป็นเบ็ดร้ายหมายจักดักปลาเป็น
     ล่อด้วยเหยื่อล่อปลาหามาล่อ
เห็นเหยื่อพอเป็นคำทำพอเห็น
เย็นย่ำค่ำย่ำตามธารน้ำเย็น
กันเบ็ดเว้นเป็นวรรคปักห่างกัน

องค์ ๒ ปลา - เหยื่อ

     ว่ายวนเวียนระเริง ณ เวิ้งน้ำ
รุกเล่นล้ำไล่แซงขึ้นแข่งขัน
แหล่งอาหารนานาสารพัน
ทุกวารวันอยู่รวมร่วมธารา
     จนถึงวันที่จะชะตาขาด
เพชฌฆาตยืนขมึงถึงตรงหน้า
เห็นเหยื่อล่อจมดิ่งทิ้งลงมา
อนิจจาอ้าปากหรุบฮุบเหยื่อกิน

องค์ ๓ การต่อสู้ - ชีวิตแลกชีวิต

     เหยื่อทุรนทุรายพรายฟองผุด
อุตลุตขัดขืนฝืนทนดิ้น
หวังยืดลมหายใจใกล้รวยริน
รอเบ็ดปลิ้นปลดจากปากของตน
     เบ็ดกระตุกไหวเพราะเหยื่อเคราะห์ร้าย
เขายิ้มหมายครุ่นคิดสัมฤทธิ์ผล
เบาแรงรั้งอิ่มเอมตามเกมกล
ผ่อนแรงคนเร่งแรงปลาจนล้ารอน
     เหยื่อสิ้นฤทธิ์สิ้นใจไม่ไหวนิ่ง
เขายิ่งฮึกเหิมใจเกมไล่ต้อน
พลางดึงเบ็ดกลับมามิอาทร
แล้วจึงช้อนเหยื่อใส่ในข้องปลา

องค์ ๔ เธอ - นักตกปลามืออาชีพ

     เธอฉายยิ้มพิมพ์ใจใส่เสน่ห์
ดูไร้เล่ห์ไร้กลบนใบหน้า
หวิววาบหวามน้ำคำจำนรรจา
เสริมสง่าราศีทวีไฟ
     ใครหลงเล่ห์เทใจไปชมชื่น
ก็เหมือนกลืนเบ็ดตอบเธอมอบให้
สายกลรัดตวัดลงตรงขั้วใจ
ขอแทงลึกเข้าไปจนใจชา

องค์ ๕ เหยื่อ - และชะตากรรม

     กว่าจะรู้ที่แท้เป็นแค่เหยื่อ
เธอล่อเพื่อกรุยทางไปข้างหน้า
ดิ้นยิ่งรัดขัดยิ่งขืนฝืนน้ำตา
เกินหนทางเยียวยารักษาใจ
     เธอรั้งสายกลตวัดเบ็ดรัดแน่น
เจ็บเกินทนระคนแค้นแสนหม่นไหม้
ด้วยไม่ทันเล่ห์ลวงบ่วงใดใด
ติดกับไปชั่วชีวิตอนิจจัง.........

				
29 พฤศจิกายน 2552 01:12 น.

ระบำดาว (กลบทเริงระบำ)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     บันเทิงระเริงระบำ
เหนือน่านน้ำน่านเวหา
เริงร่ายระบายนภา
ณ ฟากฟ้าราตรีกาล

     พร่างพรายประกายระยิบ
วูบวับวิบวะวามหวาน
ดั่งโคมละโลมละลาน
สะท้อนผ่านน่านนที

     ผืนน้ำกระพือกระเพื่อม
ล้อลายเลื่อมรัศมี
วามวาว ฤ ราวมณี
ครั้นราตรีกระจ่างดาว

     เริงร่ายระบายระบำ
บนม่านน้ำและม่านหาว
ไหวหวามวะวามวะวาว
ระบำดาวคราวคืนแรม



กลบทนี้เป็นกลบทที่ผมประดิษฐ์คิดขึ้นใหม่ครับ
ดัดแปลงจากกลอน ๖ ธรรมดา ๆ ให้ไม่ธรรมดาคือ

ปกติกลอน ๖ แต่ละวรรคจะอ่านเป็นท่อนท่อนละ ๒ คำ
เช่น ฝันใฝ่ ในดาว พราวแสง

แต่กลบทนี้มีความพิเศษดังนี้ครับ
๑. วรรคสดับ(วรรคแรก) และวรรครอง (วรรคสาม) เป็นกาพย์
บังคับครุ ลหุ ดังนี้
    ครุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ เช่น บันเทิงระเริงระบำ / พร่างพรายประกายระยิบ
๒. วรรครับ (วรรคสอง) และวรรคส่ง (วรรคสี่) เป็นกลอนไม่บังคับครุ ลหุ
๓. วรรค สดับ(วรรคแรก) และวรรครอง(วรรคสาม)จะแยกอ่านเป็นจังหวะ
สอง / สี่ ทั้งหมด เช่น บันเทิง  ระเริงระบำ / ผืนน้ำ  กระพือกระเพื่อม
๔. วรรครับ(วรรคสอง)และวรรคส่ง(วรรคสี่) จะแยกอ่านเป็นจังหวะ
สาม / สาม ทั้งหมด เช่น เหนือน่านน้ำ  น่านเวหา / ครั้นราตรี  กระจ่างดาว

.........................................................................................................

เมื่ออ่านกลบทนี้จบจะรู้สึกว่าดวงดาวกำลังเริงร่ายระบายระบำอยู่จริง ๆ ครับ

ขอให้มีความสุขกับการอ่านกลบทกาพย์เคียงกลอนนะครับ				
25 พฤศจิกายน 2552 23:55 น.

คืนหนาว...ดาวสวย(กลบทหงส์สะบัดปีก)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     พริบพรายพร่าพรายพริบระยิบฟ้า
แจ่มเจิดจ้าเจิดแจ่มแต้มห้วงหาว
ค่ำคืนแรมคืนค่ำฉ่ำแสงดาว
เรื่อลมหนาวลมเรื่อเมื่อราตรี
     ใฝ่ฝันเฝ้าฝันใฝ่ได้แต่ฝัน
ดวงดาวนั้นดาวดวงช่วงรัศมี
พราวแสงสุกแสงพราวราวมณี
วาววับสีวับวาวสกาวใจ
     พราวลมพัดลมพราวหนาวน้ำค้าง
เก็จก่องพร่างก่องเก็จกว่าเพชรใส
คราคืนค่ำคืนครานิทราลัย
ลมแผ่วไล้แผ่วลมพรมพัดมา
     หนาวคืนนี้คืนหนาวดวงดาวสวย
ดาวดื่นด้วยดื่นดาวพราวเวหา
สานสอดแซมสอดสานละลานตา
ทาบทับฟ้าทับทาบภาพอัศจรรย์


กลบทหงส์สะบัดปีก
เป็นกลบทใหม่ครับ
ผมประยุกต์มาจาก
กลบทคมในฝักและกลบทนกกางปีกรวมกัน

ตัวอย่าง กลบทคมในฝัก
     ทุกวันมีมีวันทุก(ข์)ขุกใจเข็ญ
มีใครเห็นเห็นใครมีไมตรีไหม
(ท่อน ๒ เป็นการอ่านย้อนท่อนแรกทั้งหมด)
ที่มา...รอยทราย ของอ.วันเนาว์  ยูเด็น

ตัวอย่าง กลบทนกกางปีก
     ภูเสียดยอดยอดเสียดขึ้นเบียดฟ้า
ชูดอกหญ้าหญ้าดอกออกงามเด่น
(ท่อน ๒ เป็นการอ่านย้อนท่อนแรกเพียง ๒ คำ)
ที่มา..รอยทรายของอ.วันเนาว์ ยูเด็น

เวลาอ่านกลบทหงส์สะบัดปีกจึงมีความรู้สึกคล้ายกับว่าได้ยินเสียง
พึ่บพั่บ ๆ เหมือนเสียงหงส์สะบัดปีก จากการอ่านกลบทย้อนไปย้อนกลับนั่นเองครับ				
24 พฤศจิกายน 2552 23:16 น.

ดาว

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ดาวจะดับลับล่วงจากห้วงหาว
ประกายพราวพริบแสงแห่งแดนสรวง
เคยสุกใสส่องสว่างกระจ่างดวง
รอนแสงช่วงรานแสงโชติโลดแสงซา
     จุดตัวเองลุกไหม้ในเวหน
ธุลีเลื่อนเกลื่อนกล่นบนเวหา
จบชีวิตปิดฉากช่วงดวงดารา
เหลือแค่ค่าเศษหินดินกรวดทราย
     เธอคือดาวพราวช่วงในห้วงฝัน
ประกายอันงดงามเปี่ยมความหมาย
ส่องสว่างกลางใจผู้อยู่เดียวดาย
ให้คืนช้ำกล้ำกรายมลายลา
     เป็นดวงดาวประดับใจให้คนโศก
ที่แบกโลกทั้งโลกไว้บนบ่า
เลี้ยงความหวังยังชีพชื่นคืนกลับมา
เติมชีวาต่อชีวิตฟื้นจิตใจ
     แต่ดาวกลับแผดใจเป็นไฟร้อน
ลอยวนว่อนระเริงในเพลิงไหม้
เล้าลามเลียโลมล้อใครต่อใคร
จนแสงใสโรยรอนอ่อนกำลัง
     เธอจึงดับลับล่วงจากห้วงหาว
ประกายดาวสิ้นแสงแล้งความหวัง
เหลือเพียงลมหายใจใกล้ผุพัง
กับร่างยังร่วงโรยโชยกลิ่นคาว
     ดาวลาลับดับแสงแห่งแดนสรวง
ปลดปลิดปลิวริ้วร่วงจากห้วงหาว
ธุลีเลื่อนเกลื่อนดินสิ้นแสงพราว
ดับแล้วดาวเด่นดวงในห้วงใจ

				
22 พฤศจิกายน 2552 23:57 น.

รักเขาข้างเดียวเหมือนข้าวเหนียวนึ่ง

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     รัก          หวานซาบซ่านซึ้ง             ทรวงใน
เขา              มิเคยใส่ใจ                      แต่น้อย
ข้าง              กายซุกซ่อนใคร              อิงแอบ
เดียว           หนึ่งใจละห้อย                  โศกเศร้าช้ำตรม

     เหมือน   สายลมร่ำไห้                     โหยมา
ข้าว             ถูกทิ้งกลางนา                   ปล่อยร้าง
เหนียว        ดินจับแห้งคา                   รวงหล่น
นึ่ง               จิตใจอ้างว้าง                    จับจิ้มความขม
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุริยันต์ จันทราทิตย์