21 กุมภาพันธ์ 2553 14:48 น.

เที่ยวทะเล

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     จะเดินโต๋เต๋ทะเลริมหาด				
ทรายขาวสะอาดเห็นผืนน้ำใส
จะเที่ยวทอดน่องละล่องลอยไป			
ให้ครึกครึ้มใจหาใดจะปาน

     จะเก็บหอยสังข์มาฟังเสียงคลื่น			
ให้ใจสดชื่นสนุกสนาน
จะลองหลับตาจินตนาการ				
ถึงทิพย์พิมานสวรรค์รำไร

     จะล้อปูลมละเล่นแล่นลิ่ว				
ว่าจะวิ่งฉิวไวสักแค่ไหน
จะร้องกู่ก้องคะนองคึกไป				
ให้สมที่ได้มาชายทะเล
	
     จะคอยน้ำขึ้นเพื่อลาน้ำลง				
แล้วยืนตัวตรงวางท่าทำเท่
จะเบิกจะบานสราญฮาเฮ				
แล้วหาซื้อเปลมาผูกโยงนอน

     จะลืมความหลังเมื่อครั้งทนทุกข์			
ที่เจ็บจนจุกในใจวันก่อน
จะเลือนความเศร้าทำเราร้าวรอน			
จะลบฉากตอนที่เราเสียใจ

     จะสูดหายใจเข้าไปเต็มคราบ			
ให้ซึมกำซาบกลิ่นเกลียวคลื่นใส
จะทอดสายตาสู่ขอบฟ้าไกล				
แล้วมองเข้าไปในตัวของตน

     อารมณ์แน่วนิ่งไม่ติงแกว่งไหว			
ไม่ให้จิตใจข้างในสับสน
พบสมาธิแล้วตริตรองจน				
ปัญญาเกิดผลสว่างวาบใจ
	
     เดินเที่ยวทะเลโต๋เต๋ริมหาด			
ย่ำทรายสะอาดคลื่นครามน้ำใส
ได้เที่ยวได้ท่องละล่องลอยไป			
จุดประกายไฟฝันให้กลับคืน ๚๛

				
7 กุมภาพันธ์ 2553 17:54 น.

โคลงผันอักษร ๓ หมู่ - รักแท้ได้แต่รอ (โคลงมหาสินธุมาลี)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ไฟใดรุมรุ่มรุ้ม....................สุมทรวง
	
ไฟรักลวงล่วงล้วง.....................ห่อนแก้
	
เกินจักทวงท่วงท้วง..................ทานอยู่
	
รอรักแทแท่แท้........................เท่านั้นบรรเทา
	
     ความเหงาเงาเง่าเง้า............เงียบงัน	

เกินคาดคันคั่นคั้น....................คิดได้	

เขาหยามยันยั่นยั้น...................หยันเกียรติ
	
เพียงหลอกใชใช่ใช้..................เช่นชู้เริงรมย์	

     ระทมตรมตร่มตร้ม...............ดวงมาน
	
ปวดร้าวปานป่านป้าน................เปรียบได้	

เจ็บจนอานอ่านอ้าน...................เจียนคลั่ง	

โอ้เอ๋ยใจใจ่ใจ้...........................ทุกข์ท้อทรมาน
	
     ร้าวรานกลุมกลุ่มกลุ้ม............กมล	

ใจปี้ปนป่นป้น............................แหลกแล้ว
	
ทุกข์ทนตนต่นต้น.......................เดียวดาย

ดังเศษแกวแก่วแก้ว..................ถูกทุบแตกพัง

     ยังใฝ่เฝาเฝ่าเฝ้า....................ฝันหา

รักแท้ถาถ่าถ้า.............................เลือกได้

ชุบจิตขาข่าข้า..............................เอิบอาบ

รอวันใสใส่ใส้.............................ฟากฟ้าหลังฝน

     สักฅนขอข่อข้อ........................รอคอย

เหมือนหิ่งหอยห่อยห้อย................ใต้ต้น

ลำพูสอยส่อยส้อย..........................หาคู่

หวังสักหนห่นห้น..........................พบรักจริงใจ

**********************************************************

				
2 กุมภาพันธ์ 2553 22:05 น.

แม้นบุญเคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์ ขอพบกันทุกชาติมิคลาดคลา

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     เจ็บจนน้ำตาไหลใจสะท้าน			
ยังจำคำสาบานในวารก่อน
ว่ารักเราจะมั่นนิรันดร				
มิคลายคลอนเปลี่ยนแปรแม้สักวัน

     ผู้ใดผิดวาจาที่ว่าไว้				
จงมีอันเป็นไปให้แม่นมั่น
พี่จำผิดสัญญาแสนจาบัลย์				
เขากีดกั้นรักเราเศร้าอาลัย

     เห็นเจ้ายืนสะอื้นฝืนรันทด			
ยิ่งสลดหม่นหมองจนร้องไห้
น้องมาถอนคำสาบานพี่รานใจ			
โอ้กรรมใดใยวิบากมาพรากกัน

     ถอดฝากแหวนแทนใจให้นงนุช			
ว่ามิสุดแคลนคลายรักหมายมั่น
แม้นวนเวียนเกิดดับกี่กัปกัลป์			
ขอร่วมเรียงเคียงฝันทุกชาติไป

     ชาตินี้มีการเมืองเข้าเคืองขุ่น			
เขาวายวุ่นยากนักจักแก้ไข
พี่ได้แต่กลืนกล้ำสุดช้ำใจ				
รันทดในชะตากรรมสุดช้ำทรวง

     พี่จำต้องครองคู่กับผู้อื่น				
ด้วยมิอาจขัดขืนโองการหลวง
แต่ใจยังเฝ้าฝันถึงจันทร์จวง				
นางใดไม่อาจล่วงสู่ห้วงใจ

     มาดว่าน้ำตาไหลเป็นสายเลือด			
ใช่จะแล้งแห้งเหือดรักเจ้าได้
แม้นจำห่างร้างลาลับคลาไคล			
เวลาไป่เลือนรักเลยสักวัน

     ลมหายใจของพี่ที่เหลืออยู่			
มอบแด่ยอดพธูแล้วแก้วขวัญ
แม้นบุญเคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์			
ขอพบกันทุกชาติมิคลาดคลา

********************************************

อนุสรณ์แด่.....เจ้าน้อยศุขเกษม ณ เชียงใหม่และมะเมี๊ยะผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่ง

เดียวของท่าน				

โศกนาฏกรรมตำนานรักเจ้าฟ้าเชียงใหม่

     ตอนนั้นเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยาม ทางเชียงใหม่ส่งเจ้าดารารัศมี

ซึ่งเป็นเจ้าอาของเจ้าน้อย ไปอภิเษกกับ ร. 5 เป็นการผูกสัมพันธ์
 
เจ้าน้อยถูกส่งไปเรียนที่ รร.เซนต์แพทริก เป็น รร.แคธอลิกของฝรั่งที่พม่า โดย

แอบส่งไป ขี่ช้างไป เพราะตอนนั้นพม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษซึ่งมีเรื่องกับ

ไทยอยู่ 

     เจ้าน้อยไปตอนอายุ 15 เพราะทางบ้านต้องการให้ได้ภาษาอังกฤษกับพม่า 

เพราะค้าขายกับพม่า เจ้าน้อยเรียนอยู่หลายปี วันหนึ่งไปเดินเล่นที่ตลาด 

ได้พบมะเมี้ยะแม่ค้าสาวสวยซึ่งเพิ่งมาจากตองอูเจ้าน้อยอายุ 19 มะเมี๊ยะอายุ 15 

ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน 

จนอายุ 20 เรียนจบถูกเรียกกลับเชียงใหม่เจ้าน้อยเลยเอาเมียกลับมาด้วย โดย

ให้ปลอมเป็น เด็กรับใช้ชาย เอาเมียไปแอบในเรือนเล็กโดยไม่รู้เลยว่าเจ้าพ่อ

เจ้าแม่ได้หมั้นเจ้าบัวนวลเอาไว้ให้   เจ้าน้อยไม่ยอมแต่งงานเลยเปิดเผยว่ามี

เมียแล้วคือมะเมี้ยะ เอามะเมี้ยะมากราบเจ้าพ่อเจ้าแม่แต่ไม่ได้รับการยอมรับ 

     เรื่องนี้ไปถึงสยาม ร. 5 กะเจ้าดารารัศมีเห็นว่าไม่ควรเลยส่งผู้สำเร็จราชการ

มาเจรจา บอกว่าเจ้าน้อยจะมีเมีย กี่คนไม่ใช่ปัญหาแต่ต้องไม่ใช่สาวพม่า เพราะ

ว่าคนพม่า ถือสัญชาติอังกฤษ เดี๋ยวอังกฤษจะถือโอกาสแทรกแซง ว่าแต่งกะพม่า 

ก็ต้องถือว่าเป็นพม่าด้วยไปอยู่กับเมียที่ พม่าก็ไม่ได้ที่สำคัญเจ้าน้อย เป็นเจ้าชาย

ของล้านนาถูกวางตัวไว้ให้เป็นรัชทายาทล้านนา เท่ากับว่าสยามอาจต้องเสีย

เชียงใหม่ให้อังกฤษ เลยบังคับส่งมะเมี้ยะกลับพม่าเจ้าน้อยสัญญาว่าอีก 3 เดือน

จะไปรับมะเมี้ยะกลับ ทั้งคู่สาบานกันไว้ว่าจะไม่รักใครอื่น หากใครผิดคำสาบาน

ขอให้อายุสั้น 

     ตอนที่จะส่งมะเมี้ยะกลับพม่านั้นตรงนี้เป็นส่วนของตำนานเลย 

" ตอนนั้นมะเมี้ยะโพกผมไว้พอจะไปก็ก้มลงกราบเท้า 

เจ้าน้อยที่ประตูเมือง ชาวบ้านออกมามุงกันทั้งเมืองเพราะได้ยินว่ามะเมี้ยะงาม

ขนาด   พอกราบเสร็จ ก็เอาผ้าโพกผมออกแล้วสยายผมเอามาเช็ดเท้าเจ้าน้อย 

จงรักภักดีบูชาสามีสุดชีวิต แล้วก็กอดขาร้องไห้ เจ้าน้อยเองก็ร้องทำเอาคนที่มามุง

ร้องไห้ไปทั้งเมืองด้วยความสงสารความรักของทั้งคู่"

     ต่อมาเจ้าน้อยโดนเรียกไปสยาม พอเข้าไปก็โดนจับแต่งงานเลย เจ้าดาราฯ 

จัดเจ้าบัวชุม ซึ่งเป็นพระญาติ และเป็นสาวที่สวยที่สุดในตำหนักเจ้าดารารัศมี ร่ำ

ลือกันว่าเล่นดนตรีไทยเก่ง 

     ด้วยเหตุนี้เจ้าน้อยก็เลยต้องแต่งแล้วถูกกักอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเจ้าพ่อของเจ้า

ดาราฯ สิ้นพระชนม์ พระญาติทางสยาม ไม่อนุญาตให้เจ้าล้านนาพระองค์ใดในวัง

ขึ้นไปประกอบพิธีปลงพระศพ เป็นเรื่องการเมืองเตะถ่วงการแต่งตั้งเจ้าครอง

แคว้นคนใหม่เอาไว้ระยะหนึ่ง เจ้าอาของเจ้าน้อยได้ขึ้นเป็น เจ้าองค์ใหม่ เจ้าพ่อ

ได้เป็นเจ้าราชบุตร(อุปราช)เท่ากับว่าเจ้าน้อยเป็นรัชทายาทอันดับ 3 ถ้าสิ้นเจ้า

สองพระองค์นี้เจ้าน้อยจะครองเชียงใหม่ ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับมะเมี้ยะกลับมา 

มะเมี้ยะรอเกิน 3 เดือนแล้วเจ้าน้อยไม่มาตามสัญญาเลยไปบวชชี เพื่อพิสูจน์รัก

แท้ว่าจะไม่มีคนใหม่ 

     ต่อมา...เมื่อได้ยินว่าเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่แล้วเลยมาดักที่คุ้มแต่เจ้าน้อยไม่

ยอมออกมาพบ รอนานเท่าไรก็ไม่ยอมออกมา จริงๆ แล้วเจ้าน้อยแอบดูอยู่ข้าง

หน้าต่างได้แต่ร้องไห้ไม่กล้าสู้หน้าที่ผิดสัญญาก็เลยฝากให้ท้าวบุญสูงพี่เลี้ยง เอา

แหวนทับทิม กับเงินอีก 1 กำปั่น( 800 บาท) ไปให้แม่ชีมะเมี้ยะ 

ทางด้านแม่ชีบอกว่าไม่มาขอรักคืน เพียงแต่มาถอนคำสาบานให้ 

เจ้าน้อยฝากมาบอกแม่ชีว่า เงินนี่ทำบุญตามแต่แม่ชีจะใช้สอยเรียกว่าบริจาคใน

ฐานะโยมอุปฐาก ส่วนแหวนให้แทนใจว่าหัวใจอยู่กับมะเมี้ยะเสมอ 

แม่ชีเสียใจมาก รับไปแต่แหวนไม่รับ(เงินสมัยก่อน 800 คงเยอะมาก 100 ปี

ก่อนคง 8 แสนล่ะมั้ง เงินเดือนคนสมัยนั้น 4 บาทเอง)

     เจ้าน้อยหลังจากกันกับแม่ชีคราวนั้น......ก็เอาแต่กินเหล้าไม่มีใจรักเจ้าบัว

ชุม ในที่สุดก็ตรอมใจตายหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่ปีในขณะที่อายุแค่ 30 ปีเท่า

นั้นเอง 

     ในบันทึกบอกว่าสิ้นพระชนม์ด้วยโรคพิษสุรา อีก 6 ปีต่อมาหลังจากพบแม่ชีมะ

เมี้ยครั้งสุดท้าย ส่วนแม่ชีมะเมี้ยะ... บวชจนสิ้นอายุขัยเมื่อ 73 ปี 

     ผู้บันทึกเรื่องนี้คือ เจ้าบัวนวล คู่หมั้นคนแรกที่ถอนหมั้นไปหลังจากรู้ว่าเจ้า

น้อยมีมะเมี้ยะ... ส่วนเจ้าบัวชุมไม่ผิดอะไรเลย แต่สามีไม่รักก็อยู่เป็นข้าบาทจา

ริกาจนอายุ 81 ปี 

     เจ้าบัวนวลว่าตลอดชีวิตเจ้าน้อยรักผู้หญิงคนเดียวจนสิ้นลม คือ มะเมี๊ยะหลัง

จากนั้นเรื่องของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะ ก็ถูกสั่งห้ามพูดถึงไปหลายปีเพราะเป็นเรื่อง

ทางการเมือง ต้องปิดบังรายละเอียดเลยหายไปเหลือแต่ตำนาน 

อุปสรรคความรักของเจ้าน้อยกับมะเมี้ยะ ไม่ใช่ฐานันดร ไม่ใช่เชื้อชาติ แต่เป็น

การเมืองแท้ๆ 

     ทางฝ่ายเจ้าอาเจ้าดารารัศมี    มีบันทึกไว้แค่ว่าทรงไม่คิดว่าเจ้าน้อยจะปักใจ

มั่นกับมะเมี้ยะขนาดนี้ เจ้าดารารัศมีทรงคิดว่าหลายปีผ่านไป และได้ภรรยาที่ดี

พร้อมก็คงลืม ความรักครั้งแรกได้ แต่เจ้าน้อยไม่ลืมจนสิ้นชีวิต 

     เจ้าบัวนวล คู่หมั้น เมื่อแรกรู้สึกเสียหน้าแต่หลังจากนั้นก็รู้สึกเห็นใจและ


				
27 มกราคม 2553 22:40 น.

บุษบาเสี่ยงเทียน

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     จุดเทียนเวียนกราบไหว้	                                    วันทา
ข้าเอกองค์บุษบา		               หนึ่งนี้
วิงวอนต่อศาสดา		               หวังพึ่ง
ขอท่านทรงโปรดชี้		               ส่องให้เห็นทาง

     อธิษฐานต่อหน้า		               พระองค์
เทียนที่จุดนี้จง		               แจ่มจ้า
หากองค์อิเหนาทรง		               พันผูก
เป็นคู่แท้แห่งข้า		               แน่แล้วแต่บรรพ์
	
     ขอองค์ระเด่นนั้น		               เมียงมอง
รักสุขศรีสมปอง		               แก่ข้า
พูนสวัสดิ์พิพัฒน์ครอง		               นานเนิ่น
เคียงคู่ตราบชั่วฟ้า		               จวบสิ้นดินสลาย

     รักหวานปานดอกไม้		              บูชา
โชนกรุ่นสิเน่หา		              ค่ำเช้า
บ่รู้หน่ายโรยรา		              วันผ่าน
ระเด่นเคียงคลอเคล้า		              ร่วมชู้ชิดเชย

     รักเอยจงเฟื่องฟุ้ง		              แดนไตร
ร่วมจิตพิศมัย			             พี่น้อง
เรืองรองผ่องอำไพ		             ราชอาสน์
ทุกขอบเขตกู่ก้อง		             แซ่ซ้องสรรเสริญ

     โปรดเทอญพระโปรดชี้		             นำทาง
เทียนที่จุดสว่าง		             ต่อหน้า
หากองค์อิเหนาร้าง		             แรมคู่
เทียนส่องจงรอนล้า		             อับสิ้นสุดแรง

     ขอแสงเทียนแห่งผู้		             จรกา
ลุกโชติช่วงขึ้นมา		             แจ่มแจ้ง
เปลวเทียนอร่ามจ้า		             สว่างอยู่
เปล่งประกายหน่ายแล้ง		             ลับลี้อนธการ

     วอนสาส์นจากเทพไท้		             เทวัญ
พงศ์เผ่าองค์อสัญ		             บอกใบ้
หากเป็นคู่ตุนาหงัน		             มาก่อน
ระตูเอกจรกาไท้		             แน่เนื้อนาบุญ

     รำลึกคุณพระเจ้า		            พุทธองค์
ไตรรัตน์ศรีบวรจง		            ปกเกล้า
เมตตาแก่บุษบง		            อนงค์นาฏ
ข้าพระพุทธเจ้า		            กราบน้อมสักการ
					
				
24 มกราคม 2553 19:22 น.

โบยบินจากถิ่นเกิด (กลบทนิราวสาน)

สุริยันต์ จันทราทิตย์



     โบยบินจากถิ่นบ้านเกิด			
เตลิดมุ่งสู่เมืองฝัน
หวังใจให้มีสักวัน				
เรานั้นได้ดีมีกิน
	
     พอได้ลืมตาอ้าปาก			
ฝันฝากปลดหนี้ปลดสิน
ต่อลมหายใจรวยริน				
ไถ่ถอนที่ดินที่นา

     ขอพรพ่อแม่แก่เฒ่า			
คุณพระคุณเจ้ารักษา
ไม่นานลูกจะกลับมา				
ซับหยาดน้ำตาความจน

     ทำงานอยู่ในเมืองใหญ่			
ผู้ฅนขวักไขว่สับสน
อารมณ์เคืองขุ่นวุ่นวน				
ร้อนรนแก่งแย่งแข่งกัน

     นี่หรือเขาลือเมืองใหญ่			
ที่ใครต่อใครใฝ่ฝัน
มองหาน้ำใจแบ่งปัน				
พลิกแผ่นดินนั้นไม่เจอ

     อยู่ห้องเช่าเท่ารูหนู			
น้ำตาพร่างพรูล้นเอ่อ
หลงปลื้มดื่มด่ำละเมอ				
เพ้อเจ้อกับวันฝันลวง

     ที่นี่ไม่มีรอยยิ้ม			
ประพายประพิมพ์คอยห่วง
มีแต่ยิ้มเหยียดเสียดทรวง				
กรีดจ้วงเจ็บแสบแปลบใจ

     ที่นี่ไม่มีความรัก			
มีแต่เล่ห์หลักเป็นใหญ่
เชือดเฉือนฟาดฟันกันไป				
ใครดีใครได้ชิงมา

     โหยหาข้าวปลาอาหาร			
ตำรับถิ่นฐานบ้านป่า
ร่วมวงเอมโอชโภชนา				
พร้อมหน้าพร้อมตาปรองดอง

     ฝืนกลืนอาหารตามสั่ง			
แต่เพียงลำพังในห้อง
ไร้เพื่อนร่วมเรียงเคียงครอง			
จับจองฝันเปลี่ยวเดียวดาย

     อยู่เมืองสวรรค์ขันแข่ง			
ทุกอย่างเขาแบ่งซื้อขาย
ราคาค่าความสบาย				
ความหมายของศิวิไลศ์

     ทนเพื่อปลดหนี้ปลดสิน			
ที่นาที่ดินถอนไถ่
แม้เพียงลำพังหวังใจ				
ต้องไปให้ถึงสักวัน

โบยบินจากถิ่นบ้านเกิด			
เตลิดมุ่งสู่เมืองฝัน............


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุริยันต์ จันทราทิตย์