21 กันยายน 2553 18:49 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว
บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน
รักเราเคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
ยังรำพันร่ำหาแสนอาลัย
๏ ว่าพี่จากบาดาลละฐานถิ่น
ลืมหมดสิ้นทิ้งน้องให้ร้องไห้
หวังพึ่งพุทธธรรมน้อมนำใจ
สู้อุตส่าห์อวยชัยให้พี่ยา
๏ อธิษฐานขอเกิดเป็นมนุษย์
หวังได้พบพระพุทธศาสนา
ครั้นได้เสกสมคำจำนรรจา
กลับหลงภาพมายานิจจาใจ
๏ ลืมสัจจะวาจาว่าแม่นมั่น
ระเริงฝันหลง"สุขในทุกข์"ได้
มิยึดพุทธธรรมนำทางไป
เช่นวิสัยในมนุษย์ปุถุชน
๏ จึงชวนกลับบาดาลถิ่นฐานเกิด
แม้นว่าทางประเสริฐไม่เกิดผล
ร่วมภิรมย์เคียงครองเรา ๒ ฅน
อยู่คู่จนชีพดับสิ้นกัปกัลป์
๏ อีกมิช้ามินานกาลสิ้นสุด
โลกมนุษย์ถึงคราจะอาสัญ
นาคราชจะผลาญพร่าล้างอาธรรม์
บันดาลให้น้ำนั้นท่วมแผ่นดิน
๏ เหมือนเมื่อครั้งตำนานแต่กาลเก่า
ที่พวกเรากรีธามารานสิ้น
ทั้งโยนก หนองหาน พาลพังภินท์
ชำระรินความชั่วทั่วโลกา
๏ ยังแต่สัปปุรุษชนบนผืนภพ
ผู้เคารพในพุทธศาสนา
ประพฤติตามโอวาทพระศาสดา
ดำรงพุทธนาวา ๕,๐๐๐ ปี
๏ จึงบอกกล่าวเล่าแจ้งแสดงเลศ
ให้รู้เหตุความกระบวนจนถ้วนถี่
หากยังเหลือเยื่อใยมิตรไมตรี
เพ่งพินิจคิดให้ดีเถอะพี่ยา
๏ ว่าจะตั้งในธรรม์เป็นมั่นเหมาะ
ให้สมที่พี่เสาะแสวงหา
ฤๅจะคืนถิ่นพรากที่จากลา
สู่วิมานนาคามาครองกัน
๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว
บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน๚๛
19 กันยายน 2553 02:04 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ เกี่ยวกระหวัดฟัดเหวี่ยงเขวี้ยงหางฟาด
นาคราชฟาดฟันจนหวั่นไหว
สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นแทบบรรลัย
เข้าชิงชัยโรมรันกันวุ่นวน
๏ ฝังเขี้ยวพิษฤทธิ์ร้ายหมายเข่นฆ่า
ต่างไม่ยอมลดราโกลาหล
ปะทะกันอุตลุตสุดดิ้นรน
ไม่จำนนยอมแพ้ให้แก่กัน
๏ หนองกระแสสีครามทรามขุ่นข้น
สัตว์เกลื่อนกล่นวายวางต่างอาสัญ
จวบ ๗ ปี ๗ เดือนเลือน ๗ วัน
พญาแถนทรงธรรม์จึ่งบัญชา
๏ "พวกเอ็งจงย้ายฐานจากย่านนี้
ไปอยู่ที่แห่งใหม่ให้ไกลข้า
ยุติความร้าวรอนแต่ก่อนมา
จากธารานทีนี้ให้ไกล"
๏ "ผู้ใดถึงมหาสมุทรสุดล้ำลึก
กูจะยกปลาบึกวิเศษให้"
ต่างรับคำดำผุดขุดดินไป
หมายเส้นชัยชเลชลด้นลำนำ
๏ ๑ มุ่งใต้ , ๑ มุ่งตะวันออก
ต่างขุดลอกสู่เบื้องทะเลต่ำ
หมายชิงชัยไขว่คว้า"ปลาบึกคำ"
ถลำจ้วงทะลวงจ้ำมุ่งดำดิน
๏ ถือกำเนิดเกิดน้ำโขงและน้ำน่าน
๒ สายธารมหาชลาสินธุ์
คือตำนานกาลเก่าเล่ายลยิน
จับร้อยรินจารเจือจากเนื้อใจ
๏ เกี่ยวกระหวัดฟัดเหวี่ยงเขวี้ยงหางฟาด
นาคราชฟาดฟันจนหวั่นไหว๚๛
****************************************************************
จากตำนานคำชะโนดอันลือลั่น แต่ปางบรรพ์ที่สถานย่านหนองแสหรือ
หนองกระแส ในอาณาจักรน่านเจ้าหรือตาลีฟูในอดีต มีพญานาค ๒ ตนเป็น
เพื่อนรักกัน ตนหนึ่งชื่อพญาสุวรรณนาคราช อีกตนหนึ่งชื่อพญาสุทโธนาคราช
ตนหนึ่งปกครองเมืองที่หัวหนอง อีกตนหนึ่งปกครองเมืองที่ท้ายหนอง ทั้ง ๒ ต่าง
สัญญาว่าเมื่อหาอาหารอะไรได้ก็จะแบ่งปันกันเท่า ๆ กัน
มาวันหนึ่งพญาสุทโธนาคจับได้ช้างมาเป็นอาหารจึงได้นำมาแบ่งแก่สหาย ใน
เวลาต่อมาพญาสุวรรณนาค ก็จับได้เม่นมาตัวหนึ่ง จึงได้นำเนื้อเม่นมาแบ่งให้
สหายเช่นกัน แต่พญาสุทโธนาคกลับกินไม่อิ่ม หนำซ้ำยังเหลือบไปเห็นขนเม่นมี
ขนาดใหญ่กว่าขนช้างตั้งเยอะดังนั้นขนาดของเม่นจึงต้องใหญ่กว่าช้างหลายเท่า
แต่อีกฝ่ายกลับแบ่งเนื้อให้ตนเพียงนิดเดียว พญาสุทโธนาคจึงโมโห ร้อนถึงพญา
สุวรรณนาคต้องออกมาชี้แจงแต่ก็ไม่เป็นผล
สงครามระหว่างพญานาคทั้งสองจึงได้เกิดขึ้นและดำเนินมาเป็นเวลา ๗ ปี ๗
เดือน ๗ วัน ส่ำสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณหนองแสต่างได้รับความเดือด
ร้อนล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากน้ำหนองแสขุ่นข้น ร้อนถึง
พญาแถนหัวหน้าเทวดาทั้งหลายต้องลงมาขับไล่พญานาคทั้งสองและบริวารให้
ย้ายออกจากหนองกระแส โดยสัญญาว่าถ้าใครขุดแม่น้ำลงไปถึงทะเลได้ก่อนก็
จะให้ปลาบึกเป็นรางวัลตอบแทน
พญาสุทโธนาคจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของหนองแสและขุดดินโดยใช้
อกขุดให้เป็นร่องลึก ด้วยความที่เป็นพญานาคใจร้อน เมื่อขุดไปเจอภูเขาขวาง
กั้นที่ตรงไหน ก็ขุดดินอ้อมเขานั้น ๆ ไป แม่น้ำที่ขุดนั้นจึงมีชื่อว่า"แม่น้ำโขง" อัน
มีความหมายว่าแม่น้ำที่มีความโค้งนั่นเอง (แม่น้ำโขงมีชื่อภาษาบาลีว่าขรนที หรือ
อุรงคมาลีนทีแปลว่าแม่น้ำสายงู บางตำราว่าอุรงคนทีคือแม่น้ำอู ไม่ใช่แม่น้ำโขง)
ฝ่ายพญาสุวรรณนาคได้มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของหนองแส และลงมือขุดดิน
ความที่เป็นนาคใจเย็นสายน้ำที่ขุดจึงมีลักษณะเป็นเส้นตรง จึงถูกเรียกว่าแม่น้ำ
น่าน
ท้ายที่สุดพญาสุทโธนาคเป็นผู้ชนะจึงได้"ปลาบึกคำ" (หมายถึงปลาบึกที่มีค่าดั่ง
ทอง)ไปอยู่ในแม่น้ำโขงดังนั้นแม่น้ำโขงจึงเป็นแม่น้ำสายเดียวที่มีปลาบึกอาศัย
อยู่ด้วยประการฉะนี้๚๛
12 กันยายน 2553 10:42 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ระดะหลั่งพร่างพรายพริ้วสายฝน
ระดะหล่นเกินพร่ำกับคำถาม
ถึงสัมพันธ์คลุมเครือเหลือนิยาม
อยากติดตามถามย้ำเผื่อทำใจ
๏ เพียงเพราะเธอเผลอไปใช่หรือเปล่า?
หรือฉันเหงาเกินกั้นสุดหวั่นไหว?
สัมพันธ์บนหนทางที่ห่างไกล
จะยาวนานแค่ไหนก่อนร้างลา?
๏ ที่โน่นหมอกหยอกเบาเย้าดอกไม้
ที่นี่ฝนรินไหลใจปวดปร่า
ฅนทางนั้นสุขซึ้งตรึงอุรา
ฅนทางนี้คล้ายว่ารอนล้าใจ
๏ ระดะหลั่งพร่างพรายพริ้วสายฝน
ระดะล้นน้ำตารินบ่าไหล
หากสัมพันธ์เลือนรางยังห่างไกล
คงอกตรมขมไหม้ไปอีกนาน (สุริยันต์)
๏ ฅนทางนี้งันหงอยบนดอยหม่น
ฅนทางนี้สับสนไม่กล้าหาญ
ฅนทางนี้แพ้ใจให้ร้าวราน
ต้องข่มใจก้าวผ่านวันเวลา
๏ แม้เหงางำทำใจไม่ยอมท้อ
แม้ต้องรอเลื่อนลอยการคอยหา
อาจเนิ่นนานตราบสิ้นดินและฟ้า
ตราบสุริยันจันทราจะเห็นใจ
๏ ทะเลภูหมอกพรมห่มสิงขร
ทะเลใจร้าวรอนยิ่งอ่อนไหว
ทะเลรักคลื่นคลั่งหลั่งท่วมใน
ให้พะวงหลงไหลอยู่ในมนต์
๏ มนต์ภูผาเพรียกพาสายลมอ้อน
ยิ่งเศร้าซ้อนหลอนลึกรู้สึกหม่น
มนต์สวาทบาดย้ำซ้ำกมล
ระดะล้นเกินคำพร่ำพรรณา (อินสวน)
8 กันยายน 2553 11:35 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ทะยานโผนกระโจนฟ้า
บนนภาเวหาหาว
ละเล่นลายสายพริ้วพราว
คะนองกร้าวด้วยศักดิ์ดา
๏ บันดาลเมฆเสกสั่งฝน
ให้ร่วงหล่นจากเวหา
ประจบจุพสุธา
เป็นหยาดฟ้าสุราลัย
๏ ชุบชีวิตให้แช่มชื่น
คลายความขื่นความขมไหม้
ความร้อนดับไปกับใจ
น้ำทิพย์ไล้จนชุ่มเย็น
๏ ณ วัสสานฤดูฝน
สักกี่ฅนจะได้เห็น
ในวิถีสิ่งที่เป็น
หากปิดเร้นจากนาคา
๏ ระดะหลั่งเป็นม่านสาย
ร่วงริ้วรายจากเวหา
วรุณโรยลงโปรยมา
ด้วยฤทธานาคให้น้ำ๚๛
29 สิงหาคม 2553 07:52 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ เกิดมามือเกี่ยวรั้ง.............สิ่งใด
เหมือนดั่งบอกความนัย.............บ่งชี้
พร้อมหน่วงเหนี่ยวใครใคร......ยึดมั่น
อุปาทานสิ่งนี้.............................สิ่งนั้นถือเอา
๏ แก่เฒ่าเข้าสู่ห้วง..............ชรา
เนื้อหนุ่มหนังมังสา...................เหี่ยวแห้ง
หัวหูอีกนัยน์ตา........................ตึงหย่อน
นานเนิ่นยิ่งโรยแล้ง................อ่อนล้าตามวัย
๏ เจ็บไข้ได้โรคร้าย............เร้ารุม
ภาวะทุกข์สั่งสุม........................อาบไล้
หมู่พยาธิชุมนุม.......................เนืองแน่น
กัดเกาะกุมจิตไหม้...........หม่นเศร้าเรื้อรัง
๏ ตายยังความโศกเศร้า ...อาลัย
มือแผ่แบออกไป....................เปิดกว้าง
มีสิ่งใดติดไป.........................ด้วยแต่ตนเฮย
เพียงบาปบุญเคยสร้าง..........นั่นแท้ตามตัว๚๛