19 ตุลาคม 2553 11:52 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ หลงในรูปจูบพร่ำรำพันเพ้อ
หลงละเมอใฝ่ฝันรำพันหา
หลงดื่มด่ำน้ำคำจำนรรจา
มิอาจละสายตาสักนาที
๏ เพราะฤทธิ์รักมักร้ายจึงพ่ายแพ้
ฅนอ่อนแอไร้ทางเดินห่างหนี
หากเพียงเธอตอบกลับรับไมตรี
ก็คงมีความหวังกำลังใจ
๏ พูดกับภาพของเธอแสนเพ้อพร่ำ
ในหัวอกกลืนกล้ำช้ำขมไหม้
เฝ้าหลงรูปจูบรอยคอยร่ำไป
รอเมื่อไหร่ฅนในรูปจะจูบคืน๚๛
18 ตุลาคม 2553 08:43 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ น้องมาเตือนแล้วนะพี่
ว่าโลกนี้จะวินาศ
ด้วยฤทธิ์แห่งนาคราช
จะผลาญพร่าล้างอาธรรม์
๏ เหล่ามนุษย์จะวางวาย
จะล้มตายจะอาสัญ
จะกลืนกล้ำจะรำพัน
วิปโยคและโศกครวญ
๏ ประชาช้ำร่ำระงม
จะทุกข์ตรมจะไห้หวน
มรณะจะอบอวล
เพราะอุทกธารา
๏ เพียงแค่กึ่งพุทธกาล
ที่ล่วงผ่านศาสนา
ทุราบายในโลกา
จะล้างรินให้สิ้นไป
๏ ให้แดนดินถิ่นมนุษย์
บริสุทธิ์สะอาดใส
ธำรงรัตนตรัย
จนสิ้นสุดพุทธกาล
๏ น้องมาเตือนเพราะเป็นห่วง
อยากให้ล่วงพ้นสังสารฯ
หมั่นรักษาสมาทาน
ศีลธรรมประจำใจ
๏ บำเพ็ญเพียรภาวนา
จวบชะตาอายุขัย
สมดั่งตั้งมโนมัย
ที่น้อมจิตอธิษฐาน
๏ หวังใจไว้ในวันหนึ่ง
คงจะถึงซึ่งนิพพาน
สู้อุตส่าห์สาธุการ
ที่น้องตั้งโมทนา
๏ น้องมาเตือนแล้วนะพี่
เถอะคนดีฟังน้องว่า
ช่วยบอกเขาเหล่าประชา
ว่าจงอย่าได้ประมาท
๏ น้องมาเตือนแล้วนะพี่
ว่าโลกนี้จะวินาศ๚๛
17 ตุลาคม 2553 11:48 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ พร่างพรายประกายผุด
ลูกไฟจุดใต้ผืนน้ำ
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ
เดือน ๑๑ ออกพรรษา
๏ สีแดงอมส้มอ่อน
ลูกไฟว่อนสู่เวหา
เป็นพุทธบูชา
จากนาคาใต้บาดาล
๏ คราองค์พระสัมพุท-
ธวิสุทธสันดาน
ครรลาดาวดึงส์สถาน
หลังโปรดพุทธมารดา
๏ เสด็จพร้อมองค์พรหมมินทร์
องค์อมรินทร์เบื้องซ้ายขวา
ธ องค์ทรงลีลา
ครรไลสู่ปฐพี
๏ สำแดงปาฏิหาริย์
แห่งโองการพระชินสีห์
เตภูมิก็คลายชี้
ส่องให้เห็นโดยทั่วกัน
๏ สัตว์นรกโลกวิญญาณ
ได้พบพานชาวสวรรค์
ทวยเทพและเทวัญ
ก็เห็นเหล่านราชน
๏ ฝ่ายหมู่มวลมนุษย์
เห็นทางสุดผู้เสพผล
ชั่ว-ดีประพฤติตน
เป็นที่อัศจรรย์ใจ
๏ ครั้งนั้นนาคนาคา
ก็ออกมาพ่นลูกไฟ
ทุกทางสว่างไสว
ไปทั่วทิศานุทิศ
๏ ผู้คนก็ไหว้สา
น้อมบูชาบันเทิงจิต
นาคีผู้มีฤทธิ์
นิรมิตลูกบั้งไฟ
๏ เหนือขรนที
ประเพณีแต่ก่อนไกล
ปาฏิหาริย์ผ่านสมัย
แห่งบั้งไฟพญานาค๚๛
3 ตุลาคม 2553 00:10 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ เดือน ๑๑ น้ำนองเต็ม ๒ ฝั่ง
ระดะหลั่งคุ้งแควกระแสสินธุ์
ระดะล้นชลธารละลานริน
ดั่งจะกลืนผืนดินธรณี
๏ เขาจัดเรือประชันกันขันแข่ง
เข้าร่วมแรงแข็งขันกันอึงมี่
เหล่าฝีพายฝึกปรือฝีมือดี
ร่วมพิธีเบิกบานในงานบุญ
๏ บูชาแม่คงคาขมาโทษ
พระแม่โปรดจุนเจือคอยเกื้อหนุน
พวกลูกต่างรำลึกสำนึกคุณ
แม่ให้ทุนใช้น้ำตามสบาย
๏ ทะลวงจ้ำถลำจ้วงงามท่วงท่า
เหล่านาวาเร่งรุดสู่จุดหมาย
ระริ้วคลื่นซัดสาดฟาดกระจาย
กระบวนพายลอยเด่นสู่เส้นชัย
๏ เสียงฅนดูไชโยเขาโห่ร้อง
กู่กึกก้องเฮฮาจะหาไหน
ทั้งพิณ แคน กลองเพลงบรรเลงไป
ผสานให้ครึกครื้นชื่นชีวา
๏ ละอองน้ำเปียกเสื้อนวลเนื้อขาว
แสนสะทกอกร้าวเสน่หา
ตะลึงยืนจับจ้องเต็ม ๒ ตา
จินตนาการฝันจนฟั่นเฟือน๚๛
30 กันยายน 2553 07:24 น.
สุริยันต์ จันทราทิตย์
๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว
บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน
รักที่เคยร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
ยังรำพันร่ำหาแสนอาลัย
๏ ด้วยพี่ละบาดาลถิ่นฐานเกิด
อธิษฐานขอกำเนิดภพภูมิใหม่
หวังพบพุทธธรรมนำน้อมใจ
แล้วกระไรใยตระบัดสัตยา
๏ ได้ฟังถ้อยมธุรสแสนสดชื่น
รสหวานอื่นดื่นใดดูไร้ค่า
มิเคยลืมสัจจะละวาจา
ให้น้องเสียโมทนาสาธุการ
๏ แต่ภาระหน้าที่พี่โอบรัด
สารพัดมรสุมระรุมผ่าน
จึงมิอาจหลุดล่วงพ้นบ่วงมาร
ให้สมตามอธิษฐานลั่นวาจา
๏ มิเสียดายได้เกิดเป็นมนุษย์
เพราะได้พบพระพุทธศาสนา
หมั่นประพฤติตามโอวาทพระศาสดา
โดยกำลังวังชาปัญญาตน
๏ วิบากกรรมปางหลังยังตามติด
ให้หลงผิดหลงทางอย่างสับสน
กว่าจะรู้ก็สายได้ผจญ
ทุกข์ระคนกลืนกล้ำช้ำอุรา
๏ ตาสว่างหาทางดับระงับทุกข์
ที่เข็ญขุกบุกใจให้ปวดปร่า
หมั่นเจริญสติภาวนา
ให้เกิดแสงแห่งปัญญากล้าประกาย
๏ ในส่วนลึกเลือนลางอย่างความฝัน
สายสัมพันธ์ยังมั่นอยู่มิรู้หาย
รอยอดีตแจ่มจ้าคงพร่าพราย
เป็นม่านสายลายฝันบรรพกาล
๏ ได้แต่แผ่เมตตาอานิสงส์
ให้โฉมยงค์พ้นบ่วงห้วงสังสารฯ
สักวันหนึ่งคงถึงพระนฤพาน
ยุติเวรรอนรานแต่กาลกัลป์
๏ ในนิมิตมายาเธอมากล่าว
บอกเรื่องราวเล่าอ้างอย่างความฝัน๚๛