21 พฤศจิกายน 2552 23:26 น.

ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     บ้านนอก ณ คอกนา            
มีมารดาและบุตรชาย
อยู่อย่างพอสบาย                     
แม้ฝืดเคืองเรื่องเงินตรา
     มีนาอยู่หลายไร่                  
ไถดะไว้ใช้หว่านกล้า
ลูกชายไปทำนา                      
 ส่วนมารดาเตรียมเข้าครัว
     "แม่เอ๊ยข่อยไปก่อน           
แอกอีด่อนดะไว้ทั่ว
พาข้าวเอาให้นัว                     
ฟ่าวเฮ็ดครัวไปส่งนา"
     "สายสายพระจังหัน
กะสิทันอยู่ดอกหล่า
ฟ่าวไป๋อย่าให่ซ้า
ข้าวซ่ามปลาสินำไป๋"
     ตะวันผันผ่านหัว
แม่ของตัวมัวอยู่ไหน
ปลดแอกอีด่อนไว้
นั่งแค้นใจรอมารดา
     ผู้แม่ยักแย่วิ่ง
เดินตรงดิ่งใจห่วงหา
ลูกชายที่ปลายนา
หิ้วตะกร้าพาข้าวไป
     ลูกชายรอใต้ร่ม
เห็นแม่ข่มขึ้นเสียงใส่
"โอ๊ยน้อ...น้อแม่ใหญ่
ไปอยู่ไสหัวแต่มา"
     "เฮ็ดเวียกใจสิขาด
ถ่าเป็นชาติฮู่บ่หา?
ข้าวน้ำกับซ่ามปลา
เฮ็ดไว่ถ่าฟ่าวส่งไว"
     "แม่ซ้าย่อนแม่เฒ่า
ลูกอย่าเอาแต่สงสัย
บ้านห่างทางกะไกล
ฟ่าวปานใด๋แม่แลนเอ๋า"
     "มามาแม่สิเขย
นั่งลงเลยอย่าฟ่าวเว่า
ข้าวเหนียวนึ่งจากเตา
แจ่วบองเอาไปจิ้มกิน"
     ผู้ลูกก็เลยว่า
"แม่ใหญ่ห่า...คือมาหมิ่น
ติบน้อยบ่พอลิ้น
สิให่กินจักคำกั๋น"
     "แพงไว้ให้ผู้ใด๋
เหลือมาให่พอซ่ำนั่น"
อารมณ์โมโหพลัน
ก็หุนหันใส่มารดา
     แม่เฒ่ายกมือไหว้
"โอ๊ย...เห็นใจ๋แม่แน่หล่า
ข้าวปั้นนั่นยัดมา
เต็มติบฝาจนว่าพูน"
     "จั๊กมันพูนหม่องใด๋
อย่าเว่าไปให่กูสูญ"
ด่าว่าไม่อาดูร
ทวีคูณทรพี
     เคืองแค้นแล่นคว้าจอบ
หวดเต็มหอบใส่เต็มที่
มารดาไม่ปราณี
จนแม่นี้แน่นิ่งไป
     เลือดอาบทาบทั่วร่าง
ค่อยละวางความโกรธได้
ปั้นข้าวจิ้มแจ่วใน
ถ้วยน้อยใส่ตะกร้ามา
     เท่าไหร่ก็ไม่หมด
ให้สลดคำแม่ว่า
สำเหนียกเรียกมารดา
"อี๊แม่จ๋า...ลุกมาพี่"
     "มากินข้าวน่ำกั๋น
อย่านอนนั่นตื่นมาหนี่
แจ่วบองนี่ของดี
บักหล่านี่สิป้อนคำ"
     แม่นิ่งไม่ติงไหว
ลูกหัวใจเต้นระส่ำ
หวาดกลัวสิ่งตัวทำ
ที่กระหน่ำทุบมารดา
     ตีอกต่อยชกหัว
เขย่าตัวเรียก"แม่จ๋า..."
อุกอั่งหลั่งน้ำตา
รู้แล้วว่าแม่จากไป
     มาตุฆาตฟาดแม่
กรรมหนักแท้เกินแก้ได้
ระลึกนึกในใจ
โอ้ไฉนจะใช้กรรม
     ตูช่างทรพี
ฆ่าผู้มีพระคุณล้ำ
โมหะลุกระทำ
ขอรับกรรมที่ทำมา
     อันลืมคุณน้ำนม
ปล่อยตัวจมกับโมหา
โง่เขลาเบาปัญญา
ถูกบังตาให้มืดไป
     โทษทัณฑ์ก่องข้าวน้อย
คงจะพลอยตายหมกไหม้
แผดทั่วทั้งหัวใจ
ในนรกโลกโลกันตร์
     "แม่จ๋า...ลูกผิดแล้ว
ขอแม่แก้วสู่สวรรค์"
กอดพร่ำเพ้อรำพัน
จวบตะวันลาลับไป
     คิดสร้างสถูปธาตุ
แล้วประกาศอุทิศให้
มารดาผู้คลาไคล
เพื่อกราบไหว้โมทนา
     ไว้เป็นอนุสรณ์
อุทาหรณ์เตือนใจสา-
ธุชนคนต่อมา
คุณมารดาล้นรำพัน
     ให้เกิดกำเนิดบุตร
ประเสริฐดุจอรหันต์
คุณค่าคณานันต์
ของแม่นั้นเกินเปรียบปาน
     ขอธาตุก่องข้าวน้อย
ยืนยงคอยกัลปาวสาน
จนสุดพุทธกาล
เป็นตำนานสืบต่อกัน
     ผู้ใดได้ซาบซึ้ง
ขอจงถึงซึ่งสวรรค์
เสวยสุขทุกคืนวัน
อยู่ในชั้นทิพย์วิมาน...(สาธุ)
............................................

พระธาตุก่องข้าวน้อย
บอกเล่าตำนานเกี่ยวกับลูกฆ่าแม่ ที่เห็นมารดานำข้าวมาให้เพียงกระติบเล็ก ๆ 
ซึ่งตนคิดว่ากินไม่อิ่ม  ด้วยความโมโหหิว เลยกระทำมาตุฆาต
แต่ปรากฏว่าขณะที่กินข้าวในกระติบนั้น  ไม่ว่าจะกินเท่าไหร่ก็กินไม่หมด
ให้โศกสลดใจในสิ่งที่ตนกระทำ
จึงได้สร้างพระธาตุไว้เป็นอนุสรณ์แก่มารดาของตน
เพื่อไถ่บาป

พระธาตุก่องข้าวน้อย จึงเป็นพระธาตุเดียวที่แตกต่างจากพระธาตุอื่น ๆ
ในผืนบรรณภิภพ ที่เก็บบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระอรหันตธาตุครับ







     				
20 พฤศจิกายน 2552 22:19 น.

ร่ายลมหนาว

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     หนาวลมหนาวลมพร่างพรมแผ่วพริ้ว
เฉื่อยฉิวเฉื่อยฉิวละลิ่ววามหวาน
คนเหงาคนเหงาเศร้าทรมาน
กับการกับการได้แต่รอเธอ

     หนาวใจหนาวใจอยากได้ไออุ่น
ละมุนละมุนเจือจุนเสมอ
เมื่อไหร่เมื่อไหร่จะได้พบเจอ
คอยเก้อคอยเก้อพร่ำเพ้อเดียวดาย

     หนาวลมหนาวลมแค่เพียงห่มผ้า
หนาวฟ้าหนาวฟ้าผิงไฟก็หาย
หนาวเนื้อหนาวเนื้อห่มเนื้อจึงคลาย
ใจร้ายใจร้ายลืมกันลืมกัน				
18 พฤศจิกายน 2552 22:41 น.

โศลกดาว (กลบทดอกไม้พวง)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ดึกดื่นดาวพราวพริบระยิบฟ้า
ดึกดื่นดาวพราวพร่าเจิดจ้าแจ่ม
ดึกดื่นดาวพราวขับรับคืนแรม
ดึกดื่นดาวพราวแต้มแฉล้มฟ้า
     ดาวดวงหนึ่งถึงคราลาเวหน
ดาวดวงหนึ่งร่วงหล่นพ้นเวหา
ดาวดวงหนึ่งวูบดับเลือนลับตา
ดาวดวงหนึ่งอำลาฟ้าราตรี
     เคยเด่นดวงช่วงฟ้าคราคืนค่ำ
เคยเด่นดวงช่วงฉ่ำล้ำเหลือที่
เคยเด่นดวงช่วงพราวราวมณี
เคยเด่นดวงช่วงรัศมีสีวับวาว
     ทะเลดาวไว้อาลัยให้ผองเพื่อน
ทะเลดาวพราวเลื่อนเปื้อนห้วงหาว
ทะเลดาวร่ายโศลกโศกดวงดาว
ทะเลดาวขื่นร้าวหนาวน้ำตา
     อาลัยรักอาลัยฝันในฉันท์มิตร
อาลัยรักอาลัยคิดจิตห่วงหา
อาลัยรักดาวดวงริ้วร่วงมา
อาลัยรักอาลัยลาอาลัยดาว

......................................

กลอักษรดอกไม้พวง

              โศลกดาว
                    
                            พริบระยิบฟ้า
ดึกดื่นดาวพราว    พร่าเจิดจ้าแจ่ม
                            ขับรับคืนแรม
                            แต้มแฉล้มฟ้า

                            ถึงคราลาเวหน
ดาวดวงหนึ่ง         ร่วงหล่นพ้นเวหา
                            วูบดับเลือนลับตา
                            อำลาฟ้าราตรี

                            ฟ้าคราคืนค่ำ
เคยเด่นดวงช่วง   ฉ่ำล้ำเหลือที่
                            พราวราวมณี
                            รัศมีสีวับวาว

                            ไว้อาลัยให้ผองเพื่อน
ทะเลดาว              พราวเลื่อนเปื้อนห้วงหาว
                            ร่ายโศลกโศกดวงดาว
                            ขื่นร้าวหนาวน้ำตา

                            อาลัยฝันในฉันท์มิตร
อาลัยรัก                อาลัยคิดจิตห่วงหา
                            ดาวดวงริ้วร่วงมา
                            อาลัยลาอาลัยดาว				
18 พฤศจิกายน 2552 00:02 น.

กล่อมลูก

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ลูกเอ๋ย...ลูกแก้ว
จากแม่ไปไกลแล้วไม่หวนกลับ
แม่เสียน้ำตาคณานับ
เหลือร้ายจะรับกับความจริง
     ลูกเอ๋ย...ลูกขวัญ
พ่อสารพัดสารพันสอนทุกสิ่ง
หวังลูกเป็นหลักให้พักพิง
อุ่นอิงยามล่วงเข้าเฒ่าชรา
     หัวใจ...แม่จะขาด
มัจจุราชพรากลูกลงที่ตรงหน้า
ความฝันแม่ดับไปกับตา
จะเหลียวหาต่อไปนั้นไม่เจอ
     พักเถิด...ลูกพัก
พ่อจะยังคงรักลูกเสมอ
สู่ภพภูมิประเสริฐอันเลิศเลอ
ขอพบขอเจอกันชาติหน้า
     ภูมิใจ...ได้ให้กำเนิด
ปิยะบุตรผู้ประเสริฐและเปี่ยมค่า
คุณงามความดีที่มีมา
จักนำพาลูกแม่นิรทุกข์
     หลับเถิด...ให้สบาย
แม่จะกล่อมลูกชายให้เป็นสุข
ขอพระธรรมนำทางลูกสร่างทุกข์
ปลอบปลุกดวงวิญญาณ์อย่าอาลัย
     ญาติมิตร...มาส่งลูก
พันผูกเกินกว่าจะหาไหน
นั่นเพราะความดีงามและน้ำใจ
ของลูกฟุ้งไกลกำจาย
    มาหนอ...พ่อจะกล่อม
จุมพิตจูบหอมครั้งสุดท้าย
ลูบหน้าทาแป้งให้ลูกชาย
ส่งสู่สัมปรายภพนิรันดร์

.....................................

หากกลอนบทนี้พอจะมีคุณงามความดีอยู่บ้าง
ขออุทิศคุณงามความดีทั้งหมดนั้น......
แด่ป๊อกกี้...น้องชายผู้จากไป
หากชาติหน้ามีจริง....ขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่เป็นน้องกันอีก
ทุกชาติทุกภพ.......
อาลัยรักอย่างสุดซึ้ง
พี่โป้ง				
16 พฤศจิกายน 2552 22:38 น.

มนต์ราตรี

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ม่านหมอกมืดมิดม้วน            คลี่คลุม
รายรอบระเรี่ยรุม                       ฟากฟ้า
กลืนกินกร่อนเกาะกุม                แสงสว่าง
จบจูบจีบแจ่มจ้า                         แห่งห้วงวันวาร
     ดวงดาวดารดาษด้วย            เรียงราย
โสมส่องแสงสอดส่าย                  โลกหล้า
แพรวพร่าพริบพร่างพราย         ดูเด่น
ระยิบย้อยระย้า                          ข่มเข้มคืนขลัง
     คือพลังแห่งห้วง                    ราตรี
เสน่ห์ค่ำคืนมี                             มากล้น  
อาบเอิบทั่วปฐพี                          เอมอิ่ม
โลกมิอาจหลุดพ้น                       จากห้วงมนตรา 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุริยันต์ จันทราทิตย์