22 ธันวาคม 2552 07:24 น.
สุรศรี
คนบ้านเดียวกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะผมกำลังทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในเช้าของวันจันทร์
มาถ่ายรูปให้หน่อย เดี๋ยวนี้นะ เสียงผู้อำนวยการดังขึ้น
ครับ ๆ ไปเดี๋ยวนี้ครับ ผมรับปากและรีบบึ่งมอเตอร์ไซด์คู่ชีพเข้าในหมู่บ้าน
ไปถึงบ้านใต้เห็นรถยนต์ และมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ 4- 5 คัน ข้างถนน เสียงไมโครโฟนดังมาจากท้ายรถยนต์ขององค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์หมากแข้ง
ครับ เรากำลังรอท่านนายอำเภอเดินทางมามอบบ้านในโครงการบ้านท้องถิ่นไทยเทิดองค์ราชัน ให้กับพี่น้องเรา ถ้าพี่น้องที่อยู่ทางบ้านมีเวลาว่างก็ขอเรียนเชิญมาเป็นสักขีพยานในการมอบบ้านในครั้งนี้ได้ เสียงโฆษกดังผ่านเครื่องขยายเสียง
ชาวบ้านบ้างปัดกวาดบ้าน บ้างยืนถือภาพของในหลวง ภาพป้ายพิธีมอบ ที่เขียนจากแผ่นโฟม และแผ่นโฟมที่ตัดเป็นรูปกุญแจบ้าน ถุงผ้าห่มกันหนาวเตรียมรับมอบจากนายอำเภอ ท่านปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ประจำบัวโคกใต้กุลีกุจอ กำลังจัดเตรียมแถวผู้คนที่จะร่วมพิธีถ่ายรูปพิธีมอบบ้านร่วมกัน
บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่สองของตำบลโพธิ์หมากแข้งที่จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งของ อบต. มาสร้างให้ เป้นบ้านก่ออิฐชั้นเดียว แต่ยังไม่ได้ฉาบปูน มุงสังกะสี ขนาดกว้างประมาณ 6 คูณ 5 เมตร เจ้าของบ้านเป็นหญิงอายุประมาณ 40 ปี อาศัยอยู่กับลูกชาย อายุ 13 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ส่วนสามีทิ้งไปตั้งแต่ลูกชายยังเล็กอยู่
พี่น้องครับ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลพยายามที่จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจน ด้อยโอกาส เท่าที่จะช่วยเหลือได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้พี่น้อง อย่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการพนัน และช่วยเหลือตนเองด้วย เพราะถ้าลำพังเราจะรองบประมาณจากทางการเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ไหว
นายอำเภอพูดก่อนที่จะทำพิธีมอบและถ่ายรูปร่วมกัน ทั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์หมากแข้ง เจ้าหน้าที่จากทางอำเภอ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้ใหญ่บ้านและผู้อำนวยการโรงเรียน
ทางองค์การบริหารส่วนตำบลได้ไปมอบบ้านในโครงการอีกหลังหนึ่งให้กับราษฎรที่ยากจน
และก่อนที่ทุกคนจะเดินทางกลับทางโฆษกก็ได้ประกาศบอกพวกเราให้เข้าไปร่วมพิธีมอบสังกะสีให้ราษฎรอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามถนนเดินไปอีกประมาณ 50 เมตร เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ มุงสังกะสีเก่า ๆ เป็นรูโหว่ และรอยทะลุ เพราะเก่ามากแล้ว ห้องน้ำ อยู่ข้าง ๆ เป้นห้องน้ำเล็ก ๆ หลังใหม่ เขียนบอกว่าเป็นห้องน้ำในโครงการเดียวกัน
คุณป้าอยู่กับใครครับ นายอำเภอถามเจ้าของบ้าน
อยู่คนเดียวจ้ะ คุณป้าตอบ
แล้วสามี ลูกเต้าไปไหนหละ
ลูกสาวและสามีเสียชีวิตแล้วครับ สมาชิก อบต. เจ้าของท้องที่ชิงตอบก่อนคุณป้า
คุณป้าอยู่คนเดียว ข้าวปลาอาหารอาศัยน้องชายที่ปลูกบ้านอยู่ข้าง ๆ ช่วยหุงหาให้ครับ
อ้าวทำไมหละ ท่านอบต. นายอำเภอทำท่าสงสัย
คุณป้าเป็นอัมพาตครึ่งท่อน เดินเหินไม่ได้ครับ ท่าน อบต. อธิบาย
อ้าวเหรอ นายอำเภอทำหน้าเหรอหรา
ปลัดสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลช่วยจัดแจงให้เจ้าหน้าที่และผู้ใหญ่บ้านขึ้นไปนั่งร่วมกับคุณยาย ส่วนหนึ่งก็ยืนข้างล่างข้าง ๆ บันไดบ้านร่วมกับนายอำเภอเพื่อถ่ายรูปพิธีมอบโดยนายอำเภอและทุกคนยื่นมือจับสังกะสีหันหน้ามามองกล้องถ่ายรูป อีกหลายคนก็ยืนข้าง ๆ
ผมกับผู้อำนวยการเดินออกมาที่ถนนเตรียมกลับไปทำงานต่อ ก่อนที่ที่จะสตาร์ทรถออกมาก็ได้ยินเสียงนายอำเภอเรียกผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุย
ท่านผู้ใหญ่ชาวบ้านเขายากจนขนาดนี้แล้วทำไมคุณไม่รายงานให้ผมทราบ มัวทำอะไรอยู่
ผมมาอยู่นี่เกือบจะสองปีแล้วถ้าผมไม่มาเห็นด้วยสองตาตนเองผมก็คงไม่ทราบว่าราษฎรในท้องที่ของผมยากจนขนาดนี้หรือ รู้ใหมถ้าสือมวลชนเขารู้ เขาเอาไปลงข่าวมันจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะกลายเป็นจำเลยที่หนึ่ง ผมจะเป็นจำเลยที่สองโทษฐานปล่อยปะละเลยให้ราษฎรที่ยากจนด้อยโอกาส และพิการ ต้องอยู่อย่างแร้นแค้นลำบากช่วยเหลือตนเองไม่ได้ โดยที่คุณและผมไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลย
ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าทีหน้าซีดยืนสงบนิ่งไม่กล้าสบตากับนายอำเภอ ก่อนที่ท่านจะขึ้นรถจากไป
ท่านนายอำเภอพูดถูกผมเองต่างหากที่อยู่ที่นี่มายี่สิบกว่าปี ผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านเรายังมีคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา ยากจนกว่าเรา ซ้ำยังมาพิการช่วยเหลือตนเองแทบไม่ได้หลงเหลือให้เห็นอยู่
ทั้ง ๆ ชุมชนแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายคนบ้านเดียวกันแท้ ๆ ผมอยากให้คนที่บอกว่าตนเองยากจน ตัวเองด้อยโอกาส มาเห็นสภาพของคุณป้าเช่นวันนี้เหลือเกิน เขายากจนยังมีคนที่ยากจนกว่าและคนที่ด้อยโอกาสยังมีคนที่ด้อยโอกาสกว่า
10 ธันวาคม 2552 18:04 น.
สุรศรี
ความสุขที่แสนยาวไกล
จอดปั๊มหน้าด้วยคะพี่โชเฟอร์สุดหล่อ
เสียงตะโกนของใครคนหนึ่งดังแข่งกับเสียงเพลงดัง ๆ ที่เปิดบนรถโดยสารคันนั้น
รถเลี้ยวซ้ายเข้าปั๊มตามคำขอ เด็กป๊มให้สัญญาณมือเข้าไปจอดเติมน้ำมัน แต่คนขับของเรากลับไปจอดหน้าห้องน้ำเสียนี่
รถยังจอดไม่สนิทดีพวกผู้หญิงก็วิ่งกรูกันลงที่ประตูหน้ารถยังกะจะเหยียบกันตาย
พลางวิ่งเข้าห้องน้ำอย่งเร่งรีบเหมือนวิ่งหนีตำรวจ ผู้คนที่อยู่หน้าร้านเซฟเว่น ต่างหันมามองเป็นจุดเดียว
เปิด ๆ ๆ เปิดเดี๋ยวนี้ เสียงคุณมิ่งวิ่งไปเคาะประตูห้องน้ำผู้ชาย ย่างไม่เกรงสายตาผู้ใดในเวลาเร่งด่วนเช่นนี้
มาด้านหลังก็ได้นะ เสียงน้องหงา ตะโกนมาจากที่ปัสสาวะของผู้ชาย
บ้า เสียงน้องแมวตะโกนพลางกุมเป้าตัวเองส่ายก้นไปมาอย่างสุดกลั้น
เราจอดปั๊มนี้เป็นปั๊มที่สามแล้วหละนับจากออกจากตัวเมืองหนองคาย เมื่อตอนบ่าย 2 โมงครึ่ง หลายคนเดาว่าเราคงถึงบ้านก่อน 1 ทุ่มแน่นอน แต่ดู ๆ แล้ว คงเป็นไปได้ยากเพราะรถแล่นช้า และจอดบ่อยเข้าห้องน้ำบ้าง จอดซื้ออาหารเครื่องดื่มบ้าง
แปร็ด ๆ ๆ
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ เตือนให้ผู้โดยสารขึ้นรถ หลายคนหิ้วถุงน้ำแข็ง เครื่องดื่ม เหล้าเบียร์ กับแกล้มเต็มมือสองข้าง
มาหมดรึยัง ใครไม่มายกมือขึ้น ยายซึ่มเพื่อนยายตุ๊ ร้องตะโกนก่อนรถเคลื่อนที่ออกอย่างช้า ๆ
พี่โชเฟอร์ ขอเพลงมัน ๆ ต่อนะคะ ยายตุ๊ ตะโกนเมื่อเห็นคนขับเอื้อมมือไปเปลี่ยนเพลง
บอกว่าอย่าขอหมอลำ ๆ ไม่รู้หมอลำเขาลำแบบไหน เกิดมายังไม่เข้าใจ ๆ เขาลำแบบไหนไม่รู้เรื่องเลย เกิดมาไม่เคยได้ร้องหมอลำ เคยร้องแต่ร็อกแอนโรล เทคนงเทคโนโยกมันแท้หนอ.....
ผู้หญิง ณ เวลานี้นั่งไม่ติดซะแล้วหละ มือไม้แทบจะทิ่มตาเพื่อข้าง ๆ โยกซ้ายทีขวาที เพราะพื้นที่ว่างตรงทางเดินแคบลงไปถนัด
รถเช่าเหมาลำของเราออกตั้งแต่ตี 5 วิ่งไปรับผู้คนจากบ้านต่าง ๆ แต่อากาศเมื่อเช้าดูจะทำให้ผู้คนเหงา ๆ จึงยังสงวนท่าทีไม่ละลายพฤติกรรมเหมือนเช่นบ่ายนี้
ตื่น ๆ พี่ศรี ยายซึ่มสะกิด เพราะผมนั่งทำทีเป็นหลับเพราะไม่อยากดื่มเหล้า
เอาหน่อยจะได้ไม่ง่วง พลางยื่นแก้วเหล้าขาวใบเล็ก ๆ ยื่นให้ผม
เยอะจัง ผมเอื้อมมือไปรับยังไม่ถึง รถวิ่งทำให้เหล้าหกรดเสื้อผ้ากางเกงเหล้าขาวส่งกลิ่นฟุ้ง ยายซึ่มกลับรินเหล้าเพิ่มมากกว่าเก่า
ขอน้ำหน่อยเด้ ผมได้รับมาพร้อมกับถ้วยบะหมี่ร้อน ๆ ครึ่งถ้วย
คนบ้านเดียวกัน แค่มองตากันก็เข้าใจดี รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน ว่าหนักแค่ไหนบนหนทางสู้ ยังมีคำปลอบโยน ยังมีคำปลอบใจ มีคำว่าสบายดีบ่ให้กันเสมอเด้อคนบ้านเฮา
คนบ้านเดียวกัน ... ... เป็นทีของไผ่ พงศธร ร้องขับกล่อม
เหล้าขาวกับเบียร์ถูกรินลงแก้วสวนทางกันแล้วแต่เลือกแล้วแต่ชอบไม่บังคับกันอยู่แล้ว
ถ้าหากจะมีคำถามว่า
จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นมังกรเลื้อยแห่งอีสานคือจังหวัดอะไร
หลายคนคงไม่รู้ว่าเป็นจังหวัดหนองคาย และหากถามต่อไปอีกว่า
อำเภออะไรที่อยู่ห่างจากตัวจังหวัดมากที่สุด
และหลายคนคงไม่รู้ว่าเป็นอำเภอชื่อแปลก ๆ นามว่า บึงโขงหลง ของจังหวัดหนองคายนี่แหละที่แม้ผู้ใหญ่บางคนที่เป็นคนจังหวัดหนองคายเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอำเภอนี้อยู่ที่ไหน
ระยะทางถึงตัวจังหวัด 220 กิโลเมตร และความยาวจากทิศตะวันออกจดทิศตะวันตกกว่า 330 กิโลเมตร ถ้าเป็นแถวภาคกลาง ระยะทางขนาดนี้คงตั้งได้ไม่ต่ำกว่า 5 จังหวัดแน่นอน
องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคายมีโครงการเม็กกะโปรเจ็ค หนองคายอยู่ดีกินดี ICT เปิดประตูสู่อินโดจีน ระหว่างวันที่ 7- 10 ธันวาคม 2552 เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวก่อนมหกรรมกีฬาซีเกมที่จะถึงนี้ โดยเช่าเหมารถให้หมู่บ้านละ 5 คนทั่วจังหวัดหนองคาย
ให้มาเที่ยวงาน ดื่มฟรี กินฟรี นับเป็นโอกาสดีของพวกเราและใครอีกหลายคนที่จะได้เดินทางเข้าจังหวัด เพราะบางคนอายุ กว่า 40 ปีแล้วแต่ไม่เคยเดินทางเข้าจังหวัดเลยก็มี และบนขบวนรถพวกเรา 56 คน มีผู้ชายแค่ 5-6 คนเท่านั้น
ใครเป็นโสดยกมือขึ้น ยายสอนผู้หญิงที่รักเดียวใจเดียว (เพราะดื่มแต่เหล้าขาว)
ตะโกนดัง ๆ แข่งกับเสียงเพลงบนรถ
เฮ้ เสียงลูกคู่ขานรับพลางยกมือ
ใครหนีผัวมาขอให้โชคดี เสียงสมาชิก อบต. คำเผยสอดขึ้นอีกคน
เฮ้ เสียงขานรับดูจะดังกว่าเดิม
รถจอดที่ปั๊มน้ำมันอำเถอบึงกาฬก็เป็นเวลามืดค่ำพอดี จากนี่ไปอีกกว่าจะถึงบ้านเราก็
75 กิโลเมตร ทุกคนดูจะหิวและเหนื่อยอ่อนกับการเดินทางไม่พอแต่ต้องมาเหนื่อยกับดีกรีที่เข้าไปอยู่ในร่างกายเพิ่มอีก
อย่าบอกผัวเฮาเด้อ ยายมิ่งพูดขณะเดินลงจากรถ
อือ โตคือกันอย่าบอกผัวเฮา เดี๋ยวมันจะไม่ให้ไปอีก ยายสอนรับปากด้วยเสียงอ้อแอ้ในลำคอเหมือนกัน
โตสิไปกรุงเทพนำเขาอีกบ่
มื้อใด๋ ไปเฮ็ดหยัง
วันที่ 13 ธันวาคม นี้ ทาง อบต.บอกให้หมู่บ้านละ 5 คน ไปแสดงความจงรักภักดี สมาชิก อบต. คำเผยบอกกับทุกคน
บ่แม่นไปต่อต้านคนเสื้อแดงบ้อ ยายสอนพูดอ้อแอ้
บ่แม่นดอก โอ้ย ปีนี้ไปหมดปี รัฐบาลนี้ดีอย่างเดียวนี่แหละ สมาชิก อบต. คำเผยย้ำหนักแน่นในลำคอและบ่นอู้อี้ในลำคอ
ผมมาสะดุ้งตื่นเมื่อรถจอดให้ชาวบ้านลงเมื่อถึงบ้าน หลายคนหิ้วข้าวของลงจากรถพะรุงพะรังซื้อเพื่อเป็นของฝากทางบ้านเพราะนาน ๆ ได้เข้าจังหวัดทีหนึ่งนับเป็นโอกาสดีของชีวิต แม้ผมเองจะเข้าจังหวัดบ่อย แต่การได้นั่งรถฟรี อาหารเครื่องดื่มฟรี บนเส้นทางกว่า 200 กิโลเมตรและสนุกสนานแบบนี้คงหาได้ไม่ง่ายเลย
1 ธันวาคม 2552 14:14 น.
สุรศรี
บนถนนเลาะเลียบชายฝั่งโขงด้านขวามือ มองเห็นสายน้ำสีขาวยามฟ้าแลบ ในยามค่ำคืนเช่นนี้ ที่ปัดน้ำฝนหน้ารถยังทำหน้าที่กวาดน้ำออกจากกระจกรถไม่หยุดหย่อน ถนนโล่งตลอดนาน ๆจะมีรถสวนมาสักคันหนึ่ง
บ้านเรือนผู้คนยามนี้ไม่มีแม้แสงไฟเล็ดลอดออกมาข้างนอกให้มองเห็น ไม่มีป้ายบอกถนน บอกพิกัด บอกหมู่บ้าน หรือระยะทางแต่อย่างใด เราไม่ทราบว่าเราวิ่งมานานเท่าไรแล้วตั้งแต่ออกจากโพนพิสัยเกือบสามทุ่มจำได้ว่าเราเลี้ยวซ้ายเพื่อจะลัดไปอำเภอโซ่พิสัย เข้าอำเภอพรเจริญ และจดหมายอยู่ที่อำเภอบึงโขงหลงระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร
แต่เท่าที่วิ่งอยู่นี้เราไม่รู้ว่าเราอยู่ ณ ตำแหน่งไหนกันแน่ เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย นิกจากเส้นสีเหลืองขาวบนพื้นผิวถนนเท่านั้น เพื่อนพี่น้องที่ที่นั่งอยู่ในรถด้านหน้า 3- คน ทุคนเป็นใบ้กันหมดแล้วส่วนคนนั่งข้างหลังกระบะคงเปียกปอนและเหน็บหนาวกันหมดแล้ว
เรากำลังหลงทาง ผมคิดคนเดียวในใจ
จำได้ครั้งสุดท้ายเรามองเห็นป้ายด้านซ้ายมือบอกระยะทางไปอำเภอโซ่พิสัย และหลังจากนั้นเรามองไม่เห็นป้ายอะไรอีกเลย แต่แปลกเอามาก ๆเราวิ่งออกจากถนนเลียบชายฝั่งโขงตั้งนานแล้ว แต่ขณะนี้สายน้ำสีขาว ๆ ด้านขวามือมันยังคงวิ่งตามเราไปตลอดไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด
เมฆทะมึนทึนก้อนเล็ก ๆ ด้านทิศใต้ด้านจังหวัดหนองคาย เมื่อตอนหัวค่ำ ใครจะคิดว่ามันจะแผ่ขยายและตกได้นานกินบริเวณกว้างขนาดนี้ทั้งที่หมดหน้าฝนไปแล้ว คลื่นมนุษย์ที่แห่มาดูปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคเต็มชายฝั่งโขง พ่อค้าแม่ค้าต่างคึกคักขายสำรับกับข้าว อากาศตอนนั้นร้อนอบอ้าว เพราะผู้คนเบียดเสียดกัน เราทานข้าวเสร็จก็พากันไปปูเสื่อหาที่ถนัด ๆ รอดูปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ต้องหาโอกาสมาดูให้ได้ อากาศเริ่มมืดเข้าไปทุกที ขณะเดียวกัน และเมฆก้อนนั้นก็ขยายอาณาบริเวณออกไปเรื่อย ๆดูผู้คนไม่ไดกังวลกับมันเท่าใดนัก ยังคงนั่งจับตามองออกไปยังชายฝั่งข้างหน้าเหนือผืนน้ำสีขุ่นอย่างใจจดใจจ่อ
ดูเหมือนสิ่งที่ทุกคนตั้งตาคอยก็มาถึง
ปิ้ววววววววววว
พอได้ยินเสียงทุกคนก็หันไปมองลูกไฟกลมโตขนาดเท่าลูกมะนาวปรากฏแสงสีส้มเหนือฝั่งน้ำประมาณ 30 เมตร ลูกไฟลอยขนานไปตามลำน้ำโขงประมาณ 50 เมตรก็สิ้นเสียงและแสงสีส้มก็หายแว้บไปทันใด
เฮ้ ผู้คนส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมกันด้วยความดีใจ
เสียงอื้ออึงของผู้คนดังขึ้นเรื่อย ๆ บางคนเปล่งเสียงสาธุพร้อมยกมือไหว้ท่วมหัว
เอาอีก ๆ เสียงผู้คนดังขึ้นเป็นระยะช่วยเชียร์ให้บั้งไฟประทุขึ้นมาอีก
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเสียแล้วระยะเวลาแห่งการรอคอยยืดออกไปเรื่อย ๆ
เป็นเพราะหนัง 15 ค่ำ เดือน 11นี่แหละที่ทำให้บั้งไฟไม่ขึ้น หลายเสียงบ่นให้หลายคนได้ยิน
บั้งไฟ....าเหวอะไรวะ ไม่เห็นมี ใครไม่รู้ในกลุ่มของพวกเราสบถออกมาอย่างหัวเสีย
และแล้วสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดมันก็เกิด เม็ดฝนเย็น ๆ ร่วงลงมาจากฟากฟ้าปรอย ๆ ก็ทยอยตกหนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนต่างลุกฮือขึ้นพร้อมกันเพื่อหาที่หลบฝน แต่ก็ไม่รู้จะไปหลบที่ไหนเพราะไม่มีที่ให้หลบเมื่อต่างคนต่างลุกขึ้นยืนและพยายามจะหนีก็กลับกลายเป็นจลาจลไปในพริบตา และไม่มีใครที่จะสนใจบั้งไฟที่พุ่งเข้ามายังฝั่งอย่างไร้ทิศทาง มันเหมือนกับโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่คนดูกรูกันออกจากโรงพร้อม ๆ กัน
กว่าที่เราจะหนีออกมาจากมาจากฝูงชนและรวมตัวกันได้ก็ใช้เวลานานโขอยู่ แต่พอขึ้นรถได้ ก็ต้องเจอปัญหา รถติด รถวิ่งไม่ได้ มันวิ่งได้ครั้งละประมาณ 1 เมตรเท่านั้น กว่าที่พวกเราจะหลุดออกมาจากขบวนรถติดและเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอโซ่พิสัยก็ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมง
แรก ๆ รถวิ่งตามหลังพวกเรามาก็มากอยู่ แต่นานเข้าก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ และแทบจะไม่มีที่ตามมา
................
รถพวกเรายังคงวิ่งไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ตามถนนที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนส่วนไหนของประเทศไทย
และจะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน ทุกคนเริ่มเหนื่อยและหิว หนาว บางคนหลับใหล บางคนก็หลับไม่ลงกับชะตากรรมที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ทุกคนรอให้มันสว่างจะได้รู้แล้วรู้รอดซะทีว่ามันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่
ยังดีที่พวกเราเติมน้ำมันเต็มถังตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ถ้าเกิดน้ำมันหมดไม่มีปั๊มป์เติมน้ำมันแบบนี้ก็คงแยแย่แน่นอนอย่างดีก็คงนอนบนรถรอให้สว่างและให้คนมาพบ
ฉันหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยิน เสียงจ็อกแจ็ก จอแจและแตกตื่นของผู้คนมองออกไปเริ่มสว่างแล้ว
ที่ไหน เป็นคำถามแรกของทุกคนที่ถามขึ้นพร้อมกัน
สว่างแล้วเหรอ
ฮือ โชเฟอร์ทำตาปรือ ขณะตอบคำถาม เสียงอู้อี้ในลำคอ
มันที่ไหนกันแน่ ผมถามขึ้นพลางมองไปตามถนนสองข้างทาง
เห็นบ้านเรือนผู้คนทั้งสองฟากถนน ฝนหยุดตกเมื่อไรไม่รู้ รถพวกเรายังคงวิ่งต่อไป ด้วยความเร็วปกติ ผมมองกระจกด้านหลังเห็นเพื่อนร่วทางกอดอกหนาวสั่น
อุดรธานี 7 กิโลเมตร ผมรำพึงเบา ๆ เมื่อมองเห็นป้ายข้างทาง เป่าลมออกปาก ทำตาโต ทุกคนได้แต่มองตากันไปมา เราวิ่งรถเกือบ 10 ชั่วโมง จนรุ่งเช้าถึงอุดรธานี และอยู่คนละแห่งกับจุดหมายที่เราจะเดินทางไป ทุกคนเริ่มสงสัยแปลกใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามใครว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับขบวนรถของพวกเรา
ไปถึงที่นั่นอย่าปากพล่อย อย่าปากโป้ง ดูถูกเจ้าที่เจ้าทาง
คำพูดประโยคนี้ยังแว่วอยู่ในโสตประสาทของผมในขณะนั้น จำไม่ได้ว่าได้ยินจากปากของใครไม่รู้พูดก่อนที่จะออกเดินทางมา
เราไม่กลับไปจุดหมายที่ต้องการจะไปไม่แวะบ้านญาติ ทุกคนลงความเห็นว่ากลับบ้านที่สกลนครดีกว่า กลับถึงบ้านพวกเราต่างจับไข้ทุกคน และพากันไปรดน้ำทำบุญที่วัด เรื่องที่เกิดขึ้นขอให้อยู่ในความทรงจำของทุกคน ดีกว่าที่บอกเล่าให้ผู้คนทราบในสิ่งที่ไม่กระจ่าง ลึกลับซับซ้อนเช่นนี้