22 กุมภาพันธ์ 2553 08:06 น.
สุรศรี
ผญา
สิบสิฮ้างซาวสิฮ้าง อย่าได้ห่างไกลกัน
ขอให้พอเหลียวเห็น ให้ส่วงใจแลงเซ้า
สิบสิเว้าซาวสิเว้า ให้จาแต่ควมสิเอา
อย่าสิพาทีไข ไส่แต่ความทางนี้ หลายเด้อ
สิบสิถิ่มซาวสิถิ่ม อย่าโยนไส่หนามหวาย
สิบสิตายซาวสิตาย ซาติสิมาให้เห็นเจ้า แน่แม ฯ
...................................
อธิบาย
สิ............จะ
ฮ้าง..........ร้าง เลิกรา
พอเหลียวเห็น.............ขอให้ตาได้มองเห็น
ส่วง.........สร่างใจ วางใจได้
แลง........ตอนเย็น เซ้า......เช้า
ซาว...........ยี่สิบ
จา.............พูดจา
ควม.............ความ
ทางนี้...........ข้างฝ่ายพี่
เว้า.............พูด จา
ความสิเอา..............เรื่องที่จะได้แต่งงานกัน ได้เป็นแฟนกัน
ถิ่ม...............ทิ้งกัน
ซาติสิมา........ชาติที่จะมาถึง
แน่แม...........ด้วยนะ
ใส่ควม.......ใส่ความ
........................
ความหมาย
-ถึงจะเลิกร้างกันไป ทอดทิ้งกัน ก็ขออย่าได้ห่างกันไกลเลย ให้พอเห็นหน้ากัน
-ไหน ๆ จะพูดกันให้พูดแต่เรื่องที่ดีที่จะได้เป็นแฟนกัน อย่าได้พูดใส่ความพี่เลย
-ไหน ๆ ถ้าจะทอดทิ้งกัน อย่าได้โยนพี่ ขว้างปาพี่ ใส่กอหวายเลย ไหน ๆ จะตายจากกันในชาตินี้ ชาติหน้าขอให้ได้พบกัน ด้วยนะ
21 กุมภาพันธ์ 2553 10:53 น.
สุรศรี
ผญา ภาษิต
- หย่องแหย่งเข้าฟันงูขาดเคิ่ง พื้นท้องขาดยังแต่สันหลัง
งูก็มรณังตาย แล่นหนีบ่เห็นส้น
- นกอีเอี้ยงกินหมากโพธิ์ไฮ แซวแซวเสียงบ่มีโตฮ้อง
แซวแซวฮ้อง โตเดียวเหมิดหมู่ ฯ
......................................
อธิบาย
หย่องแหย่ง...........เดินกะย่องกะแย่ง
ขาดเคิ่ง.............ขาดครึ่งตัว
พื้นท้อง...............หนังท้อง
แล่น.....................วิ่งหนีไป
ส้น.................น่องขา เวลาคนเราวิ่งเราจะมองเห็นน่อง บ่เห็นส้น ก็หมายถึงไม่เห็นตัว
นกอีเอี้ยง.............นกเอี้ยง
หมากโพธิ์ไฮ.......ผลของต้นไทรครับ ลูกเล็ก เท่าลูกตะขบ เวลาสุกจะมีสีแดงคล้ำนกชอบกิน
แซวแซว.............ส่งเสียงร้องจอแจ
ฮ้อง....................ร้อง
โตเดียว..............ตัวเดียว
เหมิดหมู่............ทั้งฝูง
................................
ความหมาย
-เดินย่องแย่งเข้าไปฟันงูขาดไปครึ่งตัว พื้นท้องขาด แต่เหลือสันหลัง จนงูตาย แต่ก็วิ่งหนีไปได้
-ฝูงนกเอี้ยงพากันมากินลูกไทร ส่งเสียงร้องจอแจ แต่ไม่ตัวร้อง แต่พอส่งเสียงร้องตัวเดียว ก็ได้ยินทั้งฝูงเสียงร้องทั้งฝูง
เป็นผญาปริศนาครับส่วนมากจะเป็นปริศนาธรรมะ ผมเองก็แปลไม่ค่อยได้ครับต้องอาศัยตำรา
บทที่หนึ่งอธิบายว่า การกำจัดความชั่ว (การฆ่างู) ออกจากใจตนเองนั้นสามารถทำได้ งูตายแล้วเราก็มองไม่เห็นศพงู(งูวิ่งหนีไปแล้ว)เพราะศพของความชั่วนั้นมองไม่เห็นครับ
บทที่สองอธิบายว่า ความชั่วที่อยู่ในใจถึงแม้ไม่มีใครรู้ (นกเอี้ยงมันส่งเสียงอยู่แต่ไม่มีตัวไหนร้องออกมาให้คนรู้ว่ามันร้อง)ปกปิดไว้ก็ไม่มีใครรู้ แต่พอจับได้ว่ามีความชั่วข้อเดียว ความชั่วอย่างอื่นก็ปรากฏตามกันออกมามากมาย (ส่งเสียงตัวเดียว แต่ก็ร้องกันทั้งฝูง)
เป็นปริศนาที่ลึกซึ้งผญาพวกนี้มีอยู่มากครับ แต่ก็ไม่ค่อยมีคนที่รู้และคอยมาอธิบายให้ใครรู้ใครเข้าใจครับ ผมก็พอรู้บ้างนิดหน่อยครับอาศัยเปิดตำราครับ
20 กุมภาพันธ์ 2553 08:24 น.
สุรศรี
อัศจรรย์ใจกุ้ง สิกุมกินปลาบึกใหญ่
ปลาซิวไล่สวบแข้ หนีไปลี้อยู่หลืบหิน
เอี่ยนเปิดน้ำ หนีจากบวกวังตม
มันไปแปลงฮวงฮัง อยู่เทิงปลายไม้
อัศจรรย์ใจแข้ หางยาวยาวสังบ่ได้ฮองนั่ง
บาดกระต่าย หางก้อมก้อมสังมาได้นั่งฮอง ซั่นนอ.....
..................
อัศจรรย์............แปลกใจ แปลกประหลาด น่าสงสัย
กุม...................บังคับ ข่มเหง
สวบ.................งับ
ลี้.....................หลบซ่อน หลบลี้
หลืบ.................ซอก หลืบ
เอี่ยน............ปลาไหล
บวกวังตม.............ปลักควายนอน
ฮวงฮัง..............รวงรัง
เทิง.................บน
แข้..................จระเข้
สัง................ทำไม
ฮองนั่ง............รองนั่ง
ก้อม................สั้น ๆ
.....................................
อธิบาย
แปลกใจจัง ทำไมกุ้งตัวเล็กถึงสามารถกินปลาบึกตัวใหญ่ ๆได้ ปลาซิวสามารถไล่กัดจระเข้ตัวใหญ่จนมันหนีไปซ่อนอยู่ในหลืบหิน
แปลกใจ ทำไมจระเข้ถึงนั่งหางตัวเองไม่ได้แต่กระต่ายหางสั้น ๆ กลับนั่งได้
เป็นปริศนาให้ตีความหมายเข้ากับบริบทกับเนื้เรื่องนั้น ๆ ครับ
........................
19 กุมภาพันธ์ 2553 13:20 น.
สุรศรี
เดือนสี่ค้อย
ลมวอยวอยวอยพัดวี่วี่
ฮอดเดือนสี่หนาวสะบั้น
กะสันโอ้เมื่อยมโน
เมฆตั้งเค้ามีขี้ฝ้ามาบัง
สายลมพัดใบตองตีต้อง
มองท่งนาเหลืองแห้ง
นกจิบเฟืองจับอยู่หง่า
ฮ้องส่งเสียงอยู่แจ้วแจ้ว
คะนิงซุ่โอ้อ่าวหา
เห็นงัวควายกินหญ้า
กลางท่งนาเป็นหมู่หมู่
เสียงกะแล่งดังก้องแก้ง
ดังก้องทั่วท่งนา
นกกะสายืนเทิ่ง
กลางท่งนาน้ำเขินขาด
นกกะเต็นจอบบ้อน
ปลายไม้จอบสิหลอย
มาลิโตนเจ้าของเด่
หัวอกเพคิดฮอดน้องของพี่
ฝนเดือนสี่หนาวสะบั้น
ทรวงอ้ายฮ่ำคะนิง
นั่งผิงไฟคิดฮอดน้อง
อยู่เถียงนาปั้นข้าวจี่
ทาไข่เหลืองไว้ถ่าน้อง
นางหล้าเจ้าอยู่ไส
ตั้งแต่ไปบ่เห็นหน้า
ศรีอำคาบ่พ้ออุ่น
ตั้งแต่ข้าวขึ้นเล้า
บ่เห็นเจ้าต่าวมา
ภูลังกาถามข่าวน้อง
หนองไชวานกะคิดจ่ม
บึงของหลงถามข่าวเจ้า
นางหล่าบ่ต่าวคืน
ให้เจ้าคืนมาบ้าน
บ่าวบ้านเฮาถ่าน้องอยู่
ศรีบุญชูนาถน้อง
อ้ายคองถ่าเจ้าอยู่เฮือน...นางเอย ฯ
19 กุมภาพันธ์ 2553 08:14 น.
สุรศรี
ผญาเกี้ยวครับ
คันเจ้ามักทางหน้า ให้วางหลังให้มันขาด
อย่าเป็นดั่งไม้พาดฮั้ว วางหน้าเดื่องหลัง
คิดนำส่อน คิดนำไซตามันห่าง
คันแม่นคิดต่อต้อน หลักสิค้ำกะบ่มี ฯ
.................................
อธิบาย
เจ้า..............ท่าน น้องเจ้า คุณ
มัก...............ชอบพอ รักใคร่
ทางหน้า...........แฟนคนก่อน
วางหลัง...........ก็ให้ลืมคนที่มาทีหลัง
ให้มันขาด..........ลืมเสียให้สนิท
อย่าเป็นดั่ง.........อย่าได้เป็นเหมือน...
ไม้พาดฮั้ว...........ไม้วางบนรั้ว
เดื่อง...................กระดกไปมา กระดกหน้ากระดกหลัง
ส่อน..................สวิง
ไซ.....................ไซดักปลา
ตามันห่าง..........ไซตาห่าง
ต้อน...................กับดักหรือที่วางเพื่อให้ปลามันไปติดเวลาน้ำลงทำจากไม้ไผ่สานเป็นแผ่น คล้ายกับโพงพาง ปัจจุบันทำจากตาข่ายก็ได้ เวลาดักต้องใช้ไม้ค้ำยันเพื่อไม่ให้น้ำพัดไปได้
คิดนำ................มีใจรักใคร่ หวังพึ่ง
.....................................
อธิบายความหมาย
-ถ้าน้องยังรักชายคนก่อนอยู่ก็ขอให้ลืมพี่ผู้มาทีหลังซะ อย่าได้เป็นเหมือนไม้ที่พาดบนรั้วกระดกไปมาไม่รู้จะไปเข้าข้างไหน
- พี่นี้หวังพึ่งสวิง ก็ไม่ได้ หวังพึ่งไซตามันก็ห่าง(ปลาคงเล็ดลอดออกหมด) หวังพึ่งต้อนรึก็ไม่มีไม้ค้ำน้ำคงพัดพาไปหมด หมายถึงว่าพี่นี้หมดที่จะพึ่งพารักใคร่ใครเขาได้อีกแล้วหละ คงหมดหวังเสียแล้ว เป็นคำพูดที่เปรียบเปรยได้เฉียบคมมาก ๆ (อีกแล้ว)