28 กุมภาพันธ์ 2553 07:08 น.
สุรศรี
ผญา
...บุญบุญนี้บ่มีไผปันแจก
มันหากแหกบ่ได้คือไม้ผ่ากลาง
คือจั่งเฮากินข้าวเฮากินกะเฮาอิ่ม
มันบ่ไปอิ่มท้องเขาพุ้นผู้บ่กิน...
...................
อธิบาย
ไผ.............ใคร
คือจั่ง..........เหมือนดัง
เฮา..............เรา
พุ้น..............โพ้น โน้น
............................
ความหมาย
บุญกรรมเป็นสิ่งที่แบ่งปันกันไม่ได้ เหมือนกับไม้ไผ่ที่เราสามารถผ่าออกจากกันได้เปรียบเหมือนกับการรับประทานอาหารเราทานเองเราก็อิ่มเองคนที่ไม่ทานก็ไม่สามารถที่จะอิ่มได้ เป็นการเปรียบเทียบที่เฉียบคมเอามาก ๆ ครับ การทำบุญพระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องเฉพาะตน อยากได้ต้องทำเอง คนอื่นทำให้ไม่ได้หรอก ฝากเป็นข้อคิดสำหรับวันพระ วันมาฆบูชา ขอให้ผลบุญที่ได้สร้างมาจงดลบันดานให้ทุกท่านมีความสุขครับ เจริญธรรม
27 กุมภาพันธ์ 2553 07:36 น.
สุรศรี
สุขสันต์วันเกิดน้องบาส (ศิริกุญชร แสนสุริวงศ์)
ศิริขวัญชนกแก้ว ปานใจ
ศิริรัตนวิไล เพริศแพร้ว
ศิริลักษณ์ไฉไล ลือวิลาส
ศิริชาติกุญชรแก้ว ก่อเกื้อสุริวงศ์
ศิริขวัญชนกแก้ว ประเสริฐแล้วดั่งดวงใจ
ศิริรัตน์วิไล อรทัยเพริศพรายงาม
ศิริลักษณา วิลาสลาวัลย์แวววาม
ศิริชาติกุญชรยาม ที่ก่อเกื้อเจือสกุล
เลอเลิศประเสริฐศรี กุลสตรีมีนาบุญ
ก่อเกิดกำเนิดคุณ ยึดมั่นธรรมนำชีวี ฯ
.....................
ลูกสาวคนโตของข้าพเจ้าครับ
26 กุมภาพันธ์ 2553 08:28 น.
สุรศรี
อีเมล์ถึงนางฟ้า
ซำบายดีน้องหล่า คำแพงนางฟ้าพี่
เขียนอีเมล์มามื้อนี้ ฟังอ้ายสิกล่าวขาน
มือนี้เขียนจากห้อง มอสองอยูหม่องเก่า
หัวใจอุกอั่งเอ้า คึดฮอดเจ้าอยู่สู่ยาม
กินข้าวงายกับหยังหล่า กับปิ้งปลาหรือปิ้งไก่
กับทอดไข่บ่น้อง หรือนางหล่ากินอีหยัง
หรือเจ้ากินบ่ได้ อาหารไทยพื้นบ้านเก่า
กินสปาเก็ตตี้ กินแต่อบพิซซ่านางหล่าจั่งสิไล
เข้าแต่ในเซเว่น กินอาหารญี่ปุ่น
คั่วจินูนแกงหน่อไม้ เจ้าลืมได้ก้อยกะปอม
น้องอย่าไลลืมถิ่ม มูลมังแต่ครั้งเก่า
ลืมพ่อแม่อ้ายน้อง ไปหลงย้องผู้อื่นดี
เงินเดือนหลายอยู่บ่หล่า สิ้นเดือนมาเหลือจักบาท
เงินเขินขาดอยู่บ่น้อง ส่งทางบ้านเดือนท่อได๋
คันเหลือกินเหลือใซ้ ให้เก็บกำไว้แหน่
พ่อแม่เฮาอยู่บ้าน ยังคอยท่าหม่อมพะนาง
มือนี้พอส่ำนี้ อ้ายขอลานางฟ้าก่อน
สอนนักเรียนก่อนเด้อน้อง นางฟ้าให้อยู่ดี
คันมือนี้เจ้าว่าง ให้โทรหาอ้ายแหน่
คันแม่นอ้ายว่างว่าง โทรหาเจ้าคือเก่าหลัง...เด้อ.......
.................
คำเรียกผู้หญิงที่เป็นที่รัก
1..นางหล่า คำหล้า หม่อมพะนาง คำแพง (คำ...ทองคำ แพง...รัก หวง)
2. หม่องเก่า.......ที่เก่า
3..อุกอั่งเอ้า........กลัดกลุ้มมาก
4..ฮึดฮอด...........คิดถึง
5..สู่ยาม..............ทุกเวลา
6..หยัง อีหยัง......อะไร
7..ไล.........ละทิ้ง ลืม
8...คั่วจินูน.......คั่วแมลงชนิดหนึ่งโรยเกลือนิด ๆ
9...มูลมัง.........มรดกเก่าแก่
10..ย้อง............ยกย่อง
11..ท่อได๋.........เท่าไร
12...ใซ้........ใช้
13...แหน่.....หน่อย
14..คัน..........ถ้าหาก
15..พอส่ำนี้........พอแค่นี้
25 กุมภาพันธ์ 2553 08:55 น.
สุรศรี
ผญา
ว่าบ่มีควมเว้า เจ้าเอาหยังมาว่า
ว่าบ่มีผู้ท่า แม่นไผแท้นั่งอยู่นำ
ว่าบ่มีซายซ้อน เซิงแพรสังมาก่าน
หรือว่าลูกเจ้าด้าน หรือว่าหลานเจ้าดื้อ
แพรเจ้าจั่งก่านเซิง
ว่าบ่มีเครือเกี้ยว สังมาเป็นแหยบแย่ง
ว่าน้ำแก่งบ่ขึ้น สังมาได้ส่วงเฮือ....ฯ
....................
อธิบาย
ควมเว้า.........คำพูด
ผู้ท่า..............ผู้รอคอย
แม่นไผ.........แล้วใครหละ
นั่งอยู่นำ........นั่งอยู่ด้วย
ซายซ้อน.......คู่เชยชม
เซิงแพร..........ชายผ้านุ่ง ชายผ้าถือ
ก่าน...............สกปรก เปื้อน
ด้าน.............ดื้อด้าน ซุกซน
จั่ง.............จึง
เครือเกี้ยว.......ต้นไม้ เครือไม้ กระกวัด
แหยบแย่ง.......ขาดวิ่น
น้ำแก่ง.............น้ำขึ้น น้ำท่วม
สัง...................ทำไมถึง
ส่วงเฮือ............แข่งเรือ
.........................
ความหมาย
1..ปากน้องว่าไม่มีอะไรจะพูด แล้วน้องเอาอะไรมาพูดว่าไม่มีคนผู้คอยอยู่ข้างหลัง แล้วใครหละ
ที่นั่งพูดคุยด้วยกัน
2..ปากน้องว่าไม่มีแฟน แต่ทำไมชายผ้าน้องถึงเปื้อนหละ หรือว่าลูกหลานน้องมันซน ก็เลยทำ ให้ชายผ้าสกปรก
3..ปากน้องพูดว่าไม่มีแฟน ทำไมแฟนถึงเป็นพุ่มเป็นพวง ถ้าน้ำมันไม่ขึ้น ทำไมถึงไดแข่งเรือ
เป็นผญาเกี้ยวครับ ตัดพ้อต่อว่าของฝ่ายชายที่พูดให้ผู้หญิงว่าไม่มีคู่แต่ที่จริงแล้วไม่จริงเลยฝ่ายชายรู้ดีว่าผู้หญิงโกหกครับ
22 กุมภาพันธ์ 2553 12:10 น.
สุรศรี
**บุญประจำปี เขามีหมอลำ
นั้นมีประจำ ทุกปี
**พระเวสสันดร มีตอนเดือนสี่
เป็นประเพณี นิยม
**ดาวเป็นแดนซ์เซอร์ หุ่นเธอเหมาะสม
ผู้คนชื่นชม ยิ่งนัก
**อยู่บนเวที สวยดีน่ารัก
กระชึกกระชัก เร้าใจ
.**ดอนมาเที่ยวงาน สะท้านฤทัย
เมื่อเหลือบมองไป สบตา
**ศรรักปักทรวง ทะลวงอุรา
ยากใครจะมา ไถ่ถอน
**เมื่อรักเข้าใจ อย่างไม่แคลนคลอน
มั่นคงแน่นอน สัมพันธ์
**อุปสรรคใดใด คงไม่สำคัญ
แม้จะห่างกัน หลายปี
**ดาวสามสิบห้า แก่กว่าสิบสี่
แต่ก็ใช่ที่ สำคัญ
**เมื่อรักสุกงอม หวานหอมเข้าขั้น
จึงแต่งงานกัน ทันใด
**ดาวเลิกเต้นรำ ที่ทำงานงานไว้
หันมาใส่ใจ ครอบครัว
**การเรือนการบ้าน ชำนาญไม่กลัว
ทุกอย่างลงตัว สมบูรณ์
**ทั้งสองครองรัก ประจักษ์เพิ่มพูน
รักไม่เสื่อมสูญ โรยรา
**ไม่แปลกอย่างได ถ้าไม่รู้ว่า
ดาวคนนี้หนา เป็นชาย
**ไม่แปลกอย่างไร เมื่อใครทั้งหลาย
รู้ว่าเป็นชาย แต่งกัน
**ไม่เคยบาดหมาง เลิกร้างเดียดฉันท์
ครองรักผูกพัน มิวาย
**แล้วเธอกับฉัน ผูกพันมั่นหมาย
เธอหญิงฉันชาย มีรัก
**จะแปลกไฉน ถ้าใจประจักษ์
สวามิภักดิ์ ต่อเธอ
**ทุกค่ำยันเช้า ฉันเฝ้าแต่เพ้อ
ห่วงหาเสมอ คะนึง
**หันมองพวกเรา ควรเฝ้ารำพึง
หญิงชายคือหนึ่ง คู่กัน
**รักใคร่ปรองดอง คู่ครองผูกพัน
แผ่นผืนฟ้านั้น ดินเดียว...ฯ