31 ธันวาคม 2552 10:30 น.
สุนิพนธ์
ศุภฤกษ์เบิกฟ้ามาอีกแล้ว
ดุจแสงแก้วเรืองรองส่องสีใส
สรรพสิ่งแผ้วผ่องเป็นยองใย
ขึ้นปีใหม่วาววับรับอรุณ
วันคืนผ่านอาจเศร้าเคล้าหมองหม่น
ทุกข์ระคนปัญหาพาหัวหมุน
เศรษฐกิจการค้าถ้าขาดทุน
ความบาดหมางคุกรุ่นเมื่อวันวาน
ปล่อยให้พ้นผ่านลับกับวันเก่า
ทิ้งความเศร้าจากไปไม่สืบสาน
ลบล้างสิ้นไปพร้อมรัตติกาล
อรุณฉานคือดิถีเริ่มมีชัย
สุขภาพสมบูรณ์หนุนนำโชค
ไร้ทุกข์โศกโภควัฒน์นิรัติศรัย
ปลอดโรคาพยาธิอุบัติภัย
อายุวัยยั่งยืนทุกคืนครา
หวังสิ่งใดให้สมอารมณ์คิด
สหายมิตรสร้างเสริมเพิ่มหรรษา
ประเทศชาติร่มเย็นเป็นมรรคา
เบื้องบนฟ้าปกป้องคุ้มครองเมือง
ประสบสุขสวัสดีในปีขาล
รื่นสราญร่วมแรงทั้งแดงเหลือง
น้ำเงินขาวพราวฟ้าพารุ่งเรือง
เลิกขุ่นเคืองหันหน้าสามัคคี
26 ธันวาคม 2552 14:09 น.
สุนิพนธ์
แรกประสบพบกันสัมพันธ์จิต
กระชับมิตรมอบเบอร์ทั้งเธอฉัน
ไม่เห็นหน้าคราใดใจผูกพัน
คุยทุกวันว่างเว้นเป็นต้องโทร
ด้วยห่วงหาอาวรณ์แม้นอนนั่ง
ดุจมนต์ขลังขยี้ใจให้สุขโข
ยามเงียบเหงาเฝ้าพล่ามข้อความโชว์
ต้องตอบโต้ต่อคำประจำวัน
กาลเวลาวิ่งผ่านความหวานชืด
เริ่มจางจืดเมินเฉยคนเคยฝัน
เวลาว่างอ้างว่าสารพัน
ข้อความสั้นส่งไปไร้วี่แวว
พยายามตามติดเพื่อชิดใกล้
แต่เยื่อใยไมตรีคงหนีแล้ว
จนเปลี่ยนเบอร์บ่งชี้ลี้หลบแจว
เป็นแน่แน่วหน่วงหนักรักมลาย
มิบอกกล่าวเล่าเกริ่นเมินสนิท
คงหมดสิทธิ์สร้างสรรค์ฝันสลาย
สิ้นแรงเพ้อพร่ำหาสาธยาย
เมื่อกลับกลายกล้ำกลืนจำฝืนทน
การเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนใจในครานี้
จงเด่นดีกว่าใดในทุกหน
เมื่อสิ้นเยื่อตัดใยในตัวตน
ก็จงพ้นจนหายตายจากกัน
23 ธันวาคม 2552 18:48 น.
สุนิพนธ์
เธอลาลับดับสิ้นโบยบินจาก
เหลือภาพฝากตอกย้ำให้ช้ำหมอง
อดีตหลังครั้งก่อนย้อนกลับมอง
น้ำตานองรินหลั่งทุกครั้งไป
เสมือนยังอยู่ชิดสนิทหน้า
ภาพสบตายิ้มหยอกเหมือนบอกไข
ยิ่งเพ่งพิศจิตจ้องละล่องไกล
น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่รู้ตัว
เธอเป็นสุขสมหมายสบายแล้ว
ฉันยังแกร่วจ่อมจมซมสลัว
วิมานรักพังภินท์สิ้นมืดมัว
โปรดรับตัวหัวใจไปอีกคน
อย่าทิ้งให้เดียวดายเหมือนตายซาก
ทนวิบากยากเข็ญบำเพ็ญผล
ถึงแม้อยู่เหมือนไปไร้ตัวตน
ช่างมืดมนแม้จันทร์คืนวันเพ็ญ
ไม่มีใครในหล้ามาแทนทด
แทบทั้งหมดปฐพีไม่มีเห็น
ยากมองหาหญิงใดให้เอียงเอน
เพราะเธอเป็นยอดดวงใจในผู้เดียว
อยากหยิบภาพทิ้งไปเสียไกลห่าง
แต่อ้างว้างเกินใจใฝ่แลเหลียว
จำต้องให้เวลาช่วยยาเยียว
อีกประเดี๋ยวเธอคงกลับมารับไป
22 ธันวาคม 2552 06:35 น.
สุนิพนธ์
เมื่อเดือดร้อนแร้นแค้นแสนสาหัส
หวังพึ่งรัฐยุ่งยากลำบากหลาย
ธนาคารปฏิเสธสำเร็จราย
ด้วยต้นสายหลักฐานไม่ผ่านเกณฑ์
ยุคข้าวยากหมากแพงค่าแรงต่ำ
หาเช้าค่ำดุจครกขึ้นเขาเข็ญ
ช่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าน้ำตากระเด็น
ชีวิตเป็นเช่นนี้อีกกี่นาน
ต้องบากหน้าหากู้ถึงรู้ผิด
แต่จนจิตจำใจในพื้นฐาน
คิดคำนวณต้นออกดอกเบี้ยบาน
เพียงพ้นผ่านจุดวิกฤติชีวิตพอ
ยอมเป็นเหยื่อเจ้าหนี้ที่ขูดเลือด
แทบแห้งเหือดหิวโหยระทวยท้อ
เศรษฐกิจพิษสะพัดเหมือนตัดคอ
จึงชะลอขอค้างเป็นบางวัน
ยิ่งดิ้นรนยิ่งร้ายคล้ายโดนสาป
วิงวอนกราบเมตตาก่อนขอผ่อนผัน
กลับข่มขู่คุกคามตามโรมรัน
สารพันทวงหนี้ที่ล้นตัว
หมดทางฝันหันหน้าหาใครช่วย
เหมือนคนป่วยสิ้นสร้างทางสลัว
หลากปัญหาว้าวุ่นล้วนขุ่นมัว
อยู่ก็กลัวหวาดผวาขอลาตาย...
21 ธันวาคม 2552 12:16 น.
สุนิพนธ์
ด้วยยากจนข้นแค้นแดนดอยป่า
การศึกษาต่ำต้อยด้อยศักดิ์ศรี
เห็นภูเขากับฟ้าปฐพี
จึงไม่มีโอกาสเพราะขาดแคลน
สวนพืชผักปักปลูกคลุกดินแดด
อาทิตย์แผดเผาคล้ำลำบากแสน
อนาคตหดหู่อยู่แกนแกน
ไร้ปึกแผ่นแน่นหนาชะตากรรม
เมื่อถูกชวนชักพามาเมืองใหญ่
เพียงฝันใฝ่ได้งานแม้การต่ำ
ถึงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าตั้งตาทำ
ผิวกร้านดำเช่นไรไม่นำพา
ยึดสี่แยกแบกถังตั้งตำแหน่ง
พอไฟแดงแฝงร่างเหยาะย่างหา
พวงมาลัยขายท่านผู้ผ่านมา
เด็กแม่ค้าข้างถนนผู้คนเมิน
อากาศร้อนอ่อนล้าหน้าแดงก่ำ
ฝุ่นควันดำซ้ำซัดไม่ขัดเขิน
จำใจสู้อยู่สร้างตามทางเดิน
คำว่าเงินคืองานการทำกิน
ผ่านมาทางที่เก่าเช้าวันนี้
ไม่เห็นมีแม่ค้ามาลัยถิ่น
อ่านพบข่าวด่าวดับลับชีวิน
รถชนดิ้นสิ้นใจไปเมื่อวาน