11 กุมภาพันธ์ 2555 14:19 น.
สุนทรวิทย์
ฤดูกาล พรรษา เวียนมาถึง
อุทกจึง รินหลั่ง ดังฟ้ารั่ว
เสียงกบอึ่ง อึงอล บนกอบัว
ครึ้มสลัว หยาดพิรุณ หนุนเนืองนอง
เกิดเป็นลูก ชาวนา พึ่งฟ้าฝน
ต้องดิ้นรน ตรากตรำ ผิวคล้ำหมอง
พลิกผืนดิน ผินให้ กลายเป็นทอง
เลี้ยงปากท้อง คร่ำหวอด สืบทอดมา
อัสนี ก้องครั้งใด ใจก็หวัง
เกิดพลัง อุตสาหะ ตามประสา
แบกคันไถ จูงควาย มุ่งปลายนา
เตรียมไถหว่าน ปักกล้า งานชาชิน
อนาคต ฝากใส่ ในรวงข้าว
จะยืนยาว หรือเพิ่ม เติมหนี้สิน
กำหนดโชค ชะตา โดยฟ้าดิน
คนหยามหมิ่น นินทา ว่ามอซอ
ฝนสร่างซา พาฉัน จิตหวั่นไหว
สัญญาไว้ กับคนรัก จักสู่ขอ
หลายปีแล้ว ผ่อนผลัด นัดเธอรอ
เงินไม่พอ ขาดแคลน แสนอับอาย
สิ้นฤดู เก็บเกี่ยว หน้าเหี่ยวเฉา
ข้าวเปลือกเรา ด้อยค่า น่าใจหาย
ขาดทุนจน ซ้ำซาก คิดอยากตาย
ฝันสลาย อีกปี อดมีเมีย
10 กุมภาพันธ์ 2555 14:49 น.
สุนทรวิทย์
ใครหนอพร่ำ พรรณนา ว่าแสนปลื้ม
ฟังดูดดื่ม ไพเราะ ฉอเลาะนั่น
ยกฉันจน เลิศลอย พลอยงงงัน
ช่างจำนรรจ์ คารม ได้สมจริง
ปากว่าปลื้ม แต่ภายใน ใจหลอนหลอก
กลปลิ้นปลอก ปรุงแต่ง แสร้งลวงหญิง
ซุกซ่อนเล่ห์ เพทุบาย หมายแอบอิง
ทั้งกลอกกลิ้ง มุสา น่าชิงชัง
หากหลงเชื่อ คงช้ำ น้ำตาตก
คำโกหก หวานซึ้ง เกินพึ่งหวัง
พอห่างไกล สิแหนงหน่าย ไม่จีรัง
ถึงฉุดรั้ง อย่างไร ใช่เหมือนเดิม
ระงับเถิด มารยา ปวงสาไถย
สงบใจ สำนึก หยุดฮึกเหิม
ที่อ้อนวอน งอนง้อ กล่าวต่อเติม
ฉันมิเคลิ้ม วาบหวาม ตามวาจา
แม้นมั่นคง อย่าเปรย เพียงเอ่ยเล่น
เลิกโอนเอน บิดพลิ้ว เล่นชิวหา
แน่จริงก็ มาสู่ขอ ต่อมารดา
ถ้าไม่กล้า จงหุบปาก หยุดมากความ
10 กุมภาพันธ์ 2555 14:40 น.
สุนทรวิทย์
ลูกเศรษฐี
ธิดาหนึ่ง ขึ้งโกรธ โทษพ่อ,แม่
พร่ำวอแว ประชด ว่าอดสู
ขอรถเบ้นซ์ สีทอง สองประตู
ดูดู๋ดู ให้ฮอนด้า น่าน้อยใจ
ขอแหวนเพชร สามกะรัต ทำผลัดผ่อน
ต้องแง่งอน ปั้นปึ่ง ถึงจะได้
เที่ยวยุโรป ปีละหน บ่นร่ำไร
เงินเดือนให้ ไม่กี่หมื่น ขมขื่นจริง
แค่ดื่มเหล้า จิบไวน์ ในหมู่เพื่อน
คอยตักเตือน บงการ รำคาญยิ่ง
เมื่อไรจะ เลิกตำหนิ หยุดติติง
หนูมันหญิง ยุคใหม่ ใช่โบราณ
ลูกคนจน
กลางสลัม สาวน้อย ด้อยโอกาส
กระวีกระวาด ว่องไว ไร้โวหาร
เช้าร่ำเรียน ศึกษา วิชาการ
เย็นทำงาน ตรากตรำ ทุกค่ำคืน
รู้เจียมตัว เจียมใจ ในทุกข์ร้อน
ช่วยบิดร มารดา มิฝ่าฝืน
ทนอาบเหงื่อ ต่างน้ำ ยอมกล้ำกลืน
หวังพลิกฟื้น ยืนหยัด วัฒนา
พยายาม ก่อร่าง สร้างฐานะ
วิริยะ บากบั่น สู้ปัญหา
มัธยัสถ์ อดออม รอมเงินตรา
ด้วยปัญญา ขันติ ปณิธาน
หลายปีผ่านไป
สองสาวคง แตกต่างกัน ถึงวันนี้
ลูกเศรษฐี มีแต่ข่าว คราวร้าวฉาน
ได้สามี อีลุ่ยฉุยแฉก ผลาญแหลกลาญ
ถูกประจาน ยิ้มหัว ทั่วบ้านเมือง
ส่วนอีกสาว พากเพียร เรียนจบหมอ
คนเยินยอ นับถือ เกียรติลือเลื่อง
พาชีวิต สู่ฝัน อันรุ่งเรือง
พ้นฝืดเคือง เพราะใจ ใฝ่รักดี
ยกเป็นอุ-ทาหรณ์ สอนชีวาตม์
แก่ผู้ขาด จรรยา ลืมหน้าที่
อย่านิ่งเฉย เฉื่อยชา แม้นาที
จนหรือมี จงไขว่คว้า เดินหน้าไป
9 กุมภาพันธ์ 2555 13:32 น.
สุนทรวิทย์
กุหลาบงาม ช่อนี้ พี่เลือกสรร
มอบกำนัล แด่เธอ ผู้เลอโฉม
พร้อมคำรัก รจนา มาประโลม
เพื่อเหนี่ยวโน้ม เตือนย้ำ ผูกน้ำใจ
ดอกสีแดง เปียกชุ่ม แทนจุมพิต
แนบสนิท นิรันดร์ มิหวั่นไหว
ดอกสีเหลือง เรืองรอง ผ่องอำไพ
ต่างสายใย เสน่หา ทุกนาที
ดอกสีขาว พราวลออ บริสุทธิ์
คือมิหยุด ปรารถนา มารศรี
ยิ่งนานวัน ยิ่งรัก ยิ่งภักดี
ทั้งชาตินี้ ชาติไหน ใจมั่นคง
ดอกชมพู แรกแย้ม แซมอ่อนหวาน
เปรียบดวงมาน ฉันนี้ ที่ลุ่มหลง
ด้วยรักแท้ จำเพาะ มุ่งเจาะจง
จักดำรง ทรงอเนก เอกภักดิ์
หลอมกายใจ ไว้ใน ดอกไม้แล้ว
หวังน้องแก้ว พธู รู้ประจักษ์
ว่าชายหนึ่ง ภาคภูมิ เฝ้าฟูมฟัก
มามอบรัก ต่อหน้า วาเลนไทน์
8 กุมภาพันธ์ 2555 14:01 น.
สุนทรวิทย์
คืนนี้งาน วาเลนไทน์ ใจคึกคัก
ชายคนรัก นัดฉลอง สองต่อสอง
เขาจะบอก ความนัย สิ่งหมายปอง
นึกยิ้มย่อง หฤหรรษ์ ฝันไปไกล
มีของขวัญ สิ่งใด ให้เราหนอ
หวังพะนอ ขอหมั้น นั้นใช่ไหม
หรือเตรียมแผน เจาะไข่แดง น่าแคลงใจ
ถึงอย่างไร ไม่ยี่หระ พร้อมเผชิญ
เราควงกัน เข้าร้าน อาหารหรู
นั่งเคียงคู่ แนบชิด จิตขวยเขิน
เขากลับดู ล่อกแล่ก แปลกเหลือเกิน
วางท่าเจิ่น ทำเฉย-เมยพิกล
บรรยากาศ ความรัก ชักเริ่มกร่อย
เขาจึงค่อย-ค่อยเอ่ยเอื้อน เหมือนสับสน
คงอยากขอ แต่งงาน พานกังวล
ทำเสียจน อึดอัด อ่อนหัดจริง
สุดท้ายเขา ก้มหน้า สารภาพ
กระซิบกระซาบ ว่าตัวชาย แต่ใจหญิง
ขออภัย ที่แล้วมา อย่าติติง
จำต้องทิ้ง ไปวิวาห์ แต่งสามี
อนิจจา จบกัน สวรรค์ล่ม
ซวยบรม ชะมัด ช่างบัดสี
คนรักฉัน คบหา มาหลายปี
เป็นขันที ตุ๊ดตู่ อดสูจัง