10 กันยายน 2554 13:00 น.
สุนทรวิทย์
ปากกับใจ ตรงกัน นั้นหายาก
คนส่วนมาก ปากกับใจ มักไม่เหมือน
ปากพูดอย่าง ใจคิดอย่าง ต่างบิดเบือน
หวังกลบเกลื่อน มารยา อันน่าชัง
ใจโทษปาก ปากโทษใจ แท้ใครผิด
ปากอ้างสิทธิ์ พูดไป เพราะใจสั่ง
ใจโต้ว่า ปากพร่ำ แต่ลำพัง
ดันทุรัง อ้างเหตุ ฝืนเท็จจริง
เหมือนตดเหม็น จับได้ ยังไม่รับ
คนอาภัพ โง่เซ่อ เสือกเย่อหยิ่ง
หมอนวดเดิน ขาถ่าง ดันอ้างซิง
ล้วนกลอกกลิ้ง เจนจัด ดัดวจี
ฟังอะไร มองอะไร ให้ทวนย้ำ
เห็นทองคำ หมาดหมาด อาจเป็นขี้
ยุคบุรุษ ผ่าตัด แข่งสตรี
แม้สามี ก็ไม่แน่ แท้หรือเทียม
ปากกับใจ ง้างงัด ใช่ขัดแย้ง
เพียงเสแสร้ง ปรารภ กลบความเหนียม
ถ้อยคำที่ ปัดสวะ ล้วนตระเตรียม
เป็นเล่ห์เหลี่ยม ปกปิด ความผิดตัว
10 กันยายน 2554 12:29 น.
สุนทรวิทย์
ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
อย่าพรั่นพรึง ซึ่งความหวัง
ตราบที่ มีพลัง
ห้ามหยุดยั้ง ความตั้งใจ
ชีวา อนาคต
ต่างหวังงด-งามสดใส
ฟันฝ่า เดินหน้าไป
ตัดหวั่นไหว คลายกังวล
พากเพียร มุ่งเรียนรู้
เปิดประตู สู่ลาภผล
ขยัน หมั่นอดทน
ขับความจน พ้นทันตา
บางคราว ก้าวพลั้งพลาด
อาจขยาด หวาดปัญหา
จงสู้ กู้ศรัทธา
ประเสริฐกว่า ทอดอาลัย
จุดหมาย ไม่เกินคว้า
ปรัชญา อย่าสงสัย
มั่นคง หยิบธงชัย
เก็บฝันไว้ ในกำมือ
ขัดสน คนสำทับ
ร่ำรวยทรัพย์ เปลี่ยนนับถือ
ความดี ที่เลื่องลือ
แท้จริงหรือ คือเงินตรา
ฝันให้ไกล ก้าวให้มั่น
คงพบวัน สุขหรรษา
ขันแข็ง แข่งเวลา
สร้างคุณค่า มิช้าเชือน
10 กันยายน 2554 11:58 น.
สุนทรวิทย์
ฉันเกิดแดน อีสาน คนบ้านทุ่ง
มาเมืองกรุง ร่ำเรียน เพียรศึกษา
เสาะแสวง วุฒิ เกียรติวิชา
ปริญญา สักใบ ไว้เชยชม
พ่อ,แม่สู้ อุตส่าห์ ทำนา,ไร่
ส่งเสียไม่ ลดละ แต่ประถม
ฉันรู้ท่าน เหน็ดเหนื่อย เมื่อยระบม
ยอมทุกข์ตรม อาบเหงื่อ เพื่อดนัย
ด้วยสำนึก เตือนใจ ให้มุ่งมั่น
จึงบากบั่น ยืนหยัด อัชฌาสัย
มานะสอบ ฟันฝ่า เข้ามหาลัย
สมฤทัย แม่,พ่อ ที่รอคอย
ได้แต่งชุด นิสิต จิตฮึกเหิม
แสงชัยเริ่ม กระพริบ รอหยิบสอย
อนาคต ควรจัก มิหลักลอย
คงค่อยค่อย อุดม สมความคิด
ครบสี่ปี ที่มุ่งมาด ปรารถนา
จบออกมา เหมือนฝัน เป็นบัณฑิต
พอเชิดหน้า ผงาด อวดญาติมิตร
เชื่อชีวิต ฐานะ จะงามงด
หอบปริญญา หางาน พล่านไปทั่ว
พึ่งรู้ตัว ฝันสลาย ละลายหมด
ขาดเส้นสาย ไร้คนรับ อัปยศ
โดนตัดบท ซ้ำซ้อน จนอ่อนใจ
เดินเตะฝุ่น อดสู อยู่นานเนิ่น
ขัดสนเงิน ซื้อหา สิ่งยาไส้
นึกถึงบ้าน ทุ่งทอง ผ่องอำไพ
ขอกลับไป ไถนา ดีกว่าเอย
10 กันยายน 2554 11:35 น.
สุนทรวิทย์
หัวใจ ดวงหนึ่ง พึ่งซ่อมเสร็จ
พร้อมอัพเกรด รูปโฉม โนมพรรณใหม่
มีไหมหนอ สักคน นึกสนใจ
ฉันยกให้ ใช้ฟรี เลยสี่เดือน
แต่มีค่า เซอร์วิส บ้างนิดหน่อย
เพียงต้องคอย เอาใจ แสร้งให้เหมือน
ให้คล้ายคลึง กุลสตรี แม่ศรีเรือน
ไม่ต้องเตือน ต้องย้ำ สักคำเดียว
ยามปั้นปึ่ง ขึ้งโกรธ โปรดโอนอ่อน
อย่าตัดรอน งอนง้ำ ทำตาเขียว
เรื่องอารมณ์ ว่าไป เท่าไหร่เชียว
ชั่วประเดี๋ยว ก็หาย ไยจริงจัง
หากทำได้ ใกล้เคียง เยี่ยงสาธก
ฉันจะยก บ้านใหญ่ ให้ทั้งหลัง
แถมที่ดิน ไพศาล ปานเวียงวัง
ทั้งหมดยัง ผ่อนอยู่ อย่าดูดาย
ฉันไม่เลือก มากหรอก ขอบอกกล่าว
เพียงสวยสาว ขาวตึง อกผึ่งผาย
ฉันยินดี นบนอบ มอบใจกาย
ส่วนรุ่นยาย อย่าจุ้น ไม่คุ้นเคย
9 กันยายน 2554 14:46 น.
สุนทรวิทย์
ก่อนจากกัน คืนนั้น ฉันจำได้
เธอร่ำไห้ พรรณนา น่าสงสาร
อาลัยด้วย ต้องร้าง ห่างไปนาน
กว่าพบพาน กันใหม่ คงหลายปี
น้องหมายสู่ อเมริกา ศึกษาต่อ
คืนนี้ขอ มอบกายใจ ไว้ให้พี่
เพื่อยืนยัน ความรัก ความภักดี
เป็นวจี บังอร ก่อนอำลา
จากคืนนั้น ผ่านพ้น จนบัดนี้
ร่วมสี่ปี เข้าแล้ว นะแก้วจ๋า
ทั้งข่าวคราว จดหมาย ไม่ตอบมา
ห่วงจริงหนา ว่ารัก จักคลอนแคลน
จนวันหนึ่ง เธอกลับมา ท่าผึ่งผาย
พร้อมเพื่อนชาย ผมทอง ตระกองแขน
เดินอวดโอ่ ให้เห็น ว่าเป็นแฟน
มองแล้วแสน อึดอัด ขัดนัยน์ตา
นี่หรือ คือสตรี ที่ฉันรัก
พึ่งประจักษ์ แท้จริง หญิงไร้ค่า
ขอตัดใจ กรวดน้ำ เลิกนำพา
คิดเสียว่า คืนนั้น แค่ฝันไป