11 กันยายน 2554 12:00 น.
สุนทรวิทย์
สาคเรศ เวิ้งว้าง กว้างสุดหล้า
สองนาวา ยังบรรจบ พบกันได้
คนต่างเผ่า ด้าวแดน แคว้นห่างไกล
อาจเกิดไม-ตรีจิต คิดผูกพัน
บันดาลโดย อิทธิ พรหมลิขิต
คู่ชีวิต เขาว่า ฟ้าสร้างสรรค์
หากเป็นคู่ กันแล้ว มิแคล้วกัน
ไม่เลือกชั้น วรรณะ แม้กะเทย
เช่นตัวฉัน สมัคร รักตุ๊ดแต๋ว
ถึงถูกแซว ถูกล้อ ก็วางเฉย
เสียงเย้ยเยาะ ขบขัน หยันเปรียบเปรย
ฉันไม่เคย ถือสา เป็นอารมณ์
พาเธอไป ผ่าตัด กำจัดหำ
ศัลยกรรม เบื้องล่าง อย่างสวยสม
เสริมจมูก ฉีดแก้ม แถมฉีดนม
จนชวนชม คมขำ ล้ำสตรี
พรหมลิขิต ไยพิเรนทร์ เล่นตลก
ทำฉันอก อาดูร สูญศักดิ์ศรี
หลังผ่าตัด แผลใกล้ จะหายดี
เธอก็พลัน หลบลี้ ตีจากไป
อีถั่วดำ ทำพิษ ผิดคำพูด
พาหูรูด โกยแน่บ สุดแสบไส้
ทุ่มทุนแปลง เพศให้ จนไฉไล
อยากลองใช้ สักครั้ง ยังไม่ทัน
11 กันยายน 2554 11:55 น.
สุนทรวิทย์
ฝนสุดท้าย กระหน่ำ ร่ำลาฟ้า
เสียงนภา คร่ำครวญ ชวนโศกศัลย์
วายุคล้าย พิลาลส สลดรำพัน
ดังครืนครั่น อาวรณ์ ก่อนฝนแปร
ฝนจ๋าไย เร่งร้อน ด่วนจรจาก
แถมทิ้งฝาก รอยด่าง สร้างบาดแผล
หอบรักฉัน พาไป ไม่เหลียวแล
เหลือไว้แต่ ความเหงา เศร้าเดียวดาย
ละอองน้ำ รวยริน สิ้นหยาดหยด
ยากสะกด อารมณ์ ตรมขวัญหาย
สัญญาพบ กันหน้าฝน มนต์เสื่อมคลาย
เขาจึงหน่าย ล่องหน ตามฝนซา
พระพิรุณ โปรดดลใจ ชายคนนั้น
ให้เร่งหัน คืนอู่ สู่เคหา
ภรรยาผู้ สัตย์ซื่อ ถือสัจจา
ภาวนา รอคอย อย่างน้อยใจ
หลายฤดู ล่วงผ่าน กาลพรรษา
หลั่งน้ำตา สุดฝืน สะอื้นไห้
ไร้ข่าวคราว สามี ที่แดนไกล
ลืมหรือไร ว่าจะย้อน ตอนฝนเยือน
11 กันยายน 2554 11:44 น.
สุนทรวิทย์
อยู่ใกล้สาว ทีไร ใจคอสั่น
ท้องไส้มัน ปั่นป่วน รวนไม่หยุด
ขี้จะหยด ตดจะแตก แปลกมนุษย์
ก้นชำรุด ฉุกละหุก มาทุกที
มันตื่นเต้น ลืมตัว กลัวจนหด
ขมิบตด ไว้ทัน ดันปวดฉี่
ทวารเบา ทวารหนัก ไม่รักดี
พานหันรี-หันขวาง อย่างสิ้นลาย
เขินจนเผลอ เกาตูด ซ้ำดูดนิ้ว
แล้วบี้สิว แก้เก้อ จนเธอหน่าย
เดี๋ยวแกะนี่ เกานั่น คันทั่วกาย
แคะหูซ้าย ย้ายหูขวา ประหม่าจริง
เป็นเช่นนี้ ทุกครั้ง ยังไม่เข็ด
เพียรหาเคล็ด เรียนรู้ มิอยู่นิ่ง
จนฝีมือ น่าทึ่ง พอพึ่งพิง
จึงนัดหญิง ต้องตา มาเคลียคลอ
ครั้นถึงตอน สำคัญ พลันต้องเศร้า
เมื่อนกเขา เจ้ากรรม กลับทำหงอ
มันคอพับ คออ่อน นอนหน้างอ
ถูกตัดพ้อ เป็นไอ้ ไร้น้ำยา
ขอปรึกษา หมอนพพร วอนให้ช่วย
นกผมป่วย โทรมหนัก เกินรักษา
หมออย่าได้ โอ้เอ้ เสียเวลา
กรุณา หาอะไหล่ เปลี่ยนให้ตัว
11 กันยายน 2554 11:32 น.
สุนทรวิทย์
ชีวิต จิตมนุษย์
อันสมมุติ ว่าสุดดี
เท็จจริง สิ่งซึ่งมี
เพียงอินทรีย์ ที่รอวาย
รากเหง้า เหล่าเมล็ด
จะเป็นเพชร ฤๅเม็ดทราย
ยามแตก แหลกกระจาย
ป่นสลาย ก็คล้ายกัน
มิเที่ยง คือเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร แต่ปางบรรพ์
เกิดมา ต่างฝ่าฟัน
เพื่อเติมฝัน อันไฉไล
ทุกข์,สุข ต่างคลุกคลี
โดยวิถี ที่แกว่งไกว
ชั่ว,ดี ชี้จากใจ
สุดแต่ใคร ใฝ่นิยม
อำนาจ วาสนา
อีกตัณหา กามารมณ์
ครอบงำ นำสังคม
พาติดหล่ม จมราคี
อัตตา บังตาตน
หลงอยู่บน กลโลกีย์
หญิงร้าย ชายอัปรีย์
จึ่งทวี ทุกวี่วัน
มายา โลกามิส
แม้บัณฑิต ยังติดพัน
เสวนา เยี่ยงสามัญ
ตามโมหันธ์ สันดานชน
ปรัชญา ชีวาลัย
อายุขัย ใช่คงทน
แต่มี สักกี่คน
เคยกังวล ถึงผลกรรม
10 กันยายน 2554 13:08 น.
สุนทรวิทย์
อสนีบาต ฟาดเปรี้ยงเปรี้ยง
สุรเสียง เยี่ยงโกรธกริ้ว
ยอดสน โอนทั่วทิว
ใบหลุดลิ่ว ปลิวตามลม
เม็ดฝน หล่นจากฟ้า
ชโลมป่า วนาศรม
ห้วย,หนอง คลองอุดม
กบ,อึ่งขรม ระงมพลัน
พรรษา เวียนมาใหม่
เข้าผลักไส ไล่คิมหันต์
ขับร้อน ผ่อนตะวัน
เหล่าพืชพันธุ์ ธัญงอกเงย
ฝนแรก ซึมแทรกดิน
ชะมลทิน กลิ่นระเหย
ไอกรุ่น ที่คุ้นเคย
พัดรำเพย เชยแผ่วมา
ชาวนา สาละวน
ตากลมฝน ปักต้นกล้า
ขันแข็ง แข่งเวลา
ตามประสา คนหากิน
ทุ่งเลิ้ง ธารเจิ่งนอง
เปรียบทุ่งทอง กองทรัพย์สิน
สายน้ำ ฉ่ำรวยริน
ปลุกชีวิน ขึ้นดิ้นรน
อิทธิ พระพิรุณ
แผ่ค้ำจุน หนุนพืชผล
บำรู เลี้ยงผู้คน
จากเริ่มต้น จนวันวาย
พระคุณ อดุลย์เหลือ
ก่อเลือดเนื้อ ปวงเชื้อสาย
สรรพสิ่ง อันพริ้งพราย
ความหลากหลาย ในโลกา
หยาดฝน ชลธี
ผองวารี ล้วนมีค่า
ทำนุ กรุณา
ต่อชีวา ทั่วสากล