1 กันยายน 2554 13:53 น.
สุนทรวิทย์
ความรัก เรื่องหนักอก
เหมือนเข็นครก ยกขึ้นเขา
ลืมตัว หลงมัวเมา
ดุจโง่เขลา ยากเข้าใจ
ยามรัก ใครสักคน
จิตสับสน จนหวั่นไหว
ห่วงหา กว่าสิ่งใด
คอยฝักใฝ่ ให้กังวล
งมงาย คล้ายบ้าคลั่ง
เกินฉุดรั้ง ชั่งเหตุผล
กลัดกลุ้ม สุมกมล
ดั่งไฟรน ร้อนลนลาน
คู่ไหน ใจมั่นคง
ต่างซื่อตรง ยงสมาน
ขันติ มิร้าวราน
ย่อมเบิกบาน สราญรมย์
อิทธิ พรหมลิขิต
ส่งชีวิต พิสิฐสม
รักเดียว สุขเกลียวกลม
อธิคม น่าชมเชย
รักใด ใกล้อับปาง
จะเหินห่าง หมางเมินเฉย
ช้ำชอก หยุดงอกเงย
หมายลงเอย กลับเลยไป
พลั้งพลาด อาจขื่นขม
อย่ามัวตรม บ่มแก้ไข
มุ่งหวัง ตั้งต้นใหม่
ใช่เหตุใหญ่ ใครก็เคย
1 กันยายน 2554 13:40 น.
สุนทรวิทย์
อันความตาย เร็ว,ช้า ย่อมมาถึง
จะดื้อดึง อย่างไร ไม่อาจหนี
คนร่างกาย แข็งแรง แกร่งเข้าที
อยู่ดีดี ยังดับดิ้น สิ้นกมล
ความตายใช่ น่ากลัว อย่างตัวคิด
หากดวงจิต บรรลุ ซึ่งกุศล
แม้ยามสิ้น อายุ มิทุรน
หมดกังวล ร้อนใจ ในบาปเวร
ความตายของ บางคน ดั่งพ้นทุกข์
เพราะความสุข ใดใด ไม่เคยเห็น
จมในปลัก วิบาก ยากลำเค็ญ
ตายหรือเป็น ความหมาย จึงคล้ายกัน
ความตายเยือน เมื่อไร ไม่อาจรู้
ขอเพียงอยู่ อย่างผู้ รู้สร้างสรรค์
ทำความดี ฝากไว้ ให้ครามครัน
เป็นรางวัล อานิสงส์ วงศ์ตระกูล
การอยู่แบบ ฉ้อฉล ปนสับปลับ
ถึงตายดับ มลทิน ใช่สิ้นสูญ
กรรมจะคอย หลอนหลอก ตามพอกพูน
ให้อาดูร พลัดตก นรกไป
1 กันยายน 2554 13:34 น.
สุนทรวิทย์
บุคคลใด พากเพียร รักเรียนรู้
นับเป็นผู้ มีใจ ใฝ่ก้าวหน้า
การตื่นตัว ขวนขวาย ไม่เฉื่อยชา
เท่าไขว่คว้า ผลสำเร็จ บำเหน็จตน
จะเชี่ยวชาญ งานใด ให้วิสิฐ
ต้องมีจิต-สำนึก ใคร่ฝึกฝน
อุปสรรค ปัญหา อย่าจำนน
กระตือรือร้น เป็นนิสัย ย่อมได้ดี
ความรู้มี มากมาย ทั่วไปหมด
สุดกำหนด ชี้วัด รัศมี
อยากหยิบฉวย เท่าไร ได้ทันที
ขึ้นอยู่ที่ ใครจัก คิดตักตวง
ความรู้ตาม ติดตัว ชั่วชีวิต
เนรมิต ประโยชน์ อันโชติช่วง
ยั่งยืนเหนือ สิ่งสรรพ ทรัพย์ทั้งปวง
ไม่ต้องห่วง ถูกเคลื่อนย้าย หรือถ่ายเท
หวังเรียนรู้ ประจักษ์ การสักสิ่ง
ห้ามประวิง โยกโย้ มัวโอ้เอ้
จงมุ่งมั่น ขันติ มิรวนเร
แม้ทะเล ก็พอหยั่ง หากตั้งใจ
1 กันยายน 2554 13:28 น.
สุนทรวิทย์
แรกพานพบ เนื้อทอง มองไม่เบื่อ
เธองามเหนือ เทพี สตรีไหน
กามเทพ แผลงศรรัก ปักทันใด
เกิดคลั่งไคล้ ใฝ่ฝัน ทั้งวัน,คืน
เพียงสบตา งวยงง หลงเสน่ห์
ดังบุพเพ-สันนิวาส มิอาจขืน
ฟ้าบรรจง สรรค์สร้าง อย่างกลมกลืน
เพื่อหยิบยื่น นำพา มาเจอะเจอ
ฉันเร่งฝาก ไมตรี ตีสนิท
คล้อยตามจิต โฉมตรู อยู่เสมอ
มอบของขวัญ กำนัล หมั่นปรนเปรอ
พร้อมเสนอ เรือนหอ ขอวิวาห์
เธอเห็นความ จริงใจ ไม่สับปลับ
จึงตอบรับ ยืนยัน หมดปัญหา
แสนยินดี ป่าวประกาศ ญาติกา
จะแต่งเมีย แล้วหนา เจ้าค่าเอย
เสร็จงานแต่ง เข้าห้องหอ ขอชมชื่น
พลันต้องตื่น-ตระหนก โอ้อกเอ๋ย
สาวที่ฉัน กระหาย หมายชิดเชย
เป็นกะเทย เสแสร้ง แปลงเพศมา
กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ชอกช้ำนัก
ดาบก็ชัก ค้างเติ่ง เพิ่งเงื้อง่า
คิดไปยิ่ง อัดอั้น ตันอุรา
เอาละหวา หน้ามืด ลุยก็ลุย
1 กันยายน 2554 13:09 น.
สุนทรวิทย์
เมื่อปิง,วัง ยม,น่าน ธารบรรจบ
มหรรณพ เจ้าพระยา จึงบ่าไหล
ก่อกำเนิด ชีวิน สินโภไคย
เส้นเลือดใหญ่ เลี้ยงหล่อ ธรณิน
หลายบุรี ประชา ได้อาศัย
ชีวาลัย ฝากแม่ กระแสสินธุ์
บำรุงไพร ไร่นา นครินทร์
ซึมซาบดิน ทำนุ ความอุดม
ริมฝั่งชล คนปัก ลงหลักฐาน
สร้างหมู่บ้าน เรือนแพ แห่ผสม
แตกลูกหลาน สืบพงศ์ วงศ์สังคม
มโนรม ร่มอยู่ อู่พักพิง
ทิวทัศน์แสน งดงาม ยามน้ำหนุน
รุ่งอรุณ เอ่อนอง สองตลิ่ง
กลิ่นไอเย็น เกลียวคลื่น สดชื่นจริง
สมเป็นมิ่ง ธารา มหานที
จวนเวลา สายัณห์ ตะวันคล้อย
นาวาลอย คลาเคลื่อน เลื่อนวิถี
แสงรวี โลมลูบ จูบวารี
ประกายที่ สะท้อน ดูอ่อนโยน
กลุ่มเด็กน้อย ลิงโลด โดดเล่นน้ำ
วางมาดทำ ตึงตัง ดั่งจะโผน
เชื่อมั่นถูก จังหวะ ก็กระโจน
ร้องตะโกน เฮฮา สุขอารมณ์
ใกล้พลบค่ำ สาวนวยนาด คาดผ้าถุง
เธอต่างนุ่ง กระโจมอก ถกเสียงขรม
ระเริงน้ำ ข้างท่า ท้าสายลม
ซิ่นแนบนม ห่มเต้า เย้านัยน์ตา
จวบราตรี รัตติกาล คืบคลานถึง
เพลงหวานซึ้ง จากดรงค์ ส่งภาษา
ขับลำนำ คลอเคล้า เร้าวิญญาณ์
เหมือนคงคา เกิดชีวิต และจิตใจ
เจ้าพระยา รัชนี มีเสน่ห์
เสียงคลื่นเห่ ครางครวญ ชวนหลงใหล
สำเนียงเปรียบ ดนตรี ปี่เรไร
กล่อมเมืองให้ หลับสนิท ตอนนิทรา