13 สิงหาคม 2554 12:06 น.
สุนทรวิทย์
แม่พระ ผู้ประเสริฐ สร้างเราเกิด กำเนิดมา
โอบอุ้ม คุ้มชีวา เปี่ยมเมตตา เป็นอาจิณ
แม่เฝ้า เอาใจใส่ ตามห่วงใย ไม่จบสิ้น
รับใช้ เหงื่อไหลริน กัดเกลือกิน ก็ยินดี
รากฐาน ซึ่งแม่ปลูก ดลให้ลูก ล้วนสุขศรี
สารพัน อันลูกมี เกิดจากที่ แม่ชี้ทาง
ถึงครา แม่ลาไกล ลูกอาลัย ไม่รู้สร่าง
ดุจเรือ เมื่ออับปาง โลกดูอ้าง-ว้างฉับพลัน
น้ำตา ลูกชุ่มโชก วิปโยค แสนโศกศัลย์
แต่นี้ ทุกวี่วัน ใครจะหมั่น หันเหลียวแล
แม้เกิด ชาติไหนไหน ขอปักใจ ไว้แน่วแน่
ผูกพัน มิผันแปร เป็นลูกแม่ ทุกชาติไป
13 สิงหาคม 2554 12:04 น.
สุนทรวิทย์
น้ำตก ทีลอซู ไหลพรั่งพรู เสียงซู่ซ่า
นวยนาด วาดลีลา โถมจากผา มาจูบดิน
สายชล ล้นกระฉอก สัพยอก ซอนซอกหิน
ขับขาน ปานเสียงพิณ ประโลมถิ่น นคินทร
เรี่ยวแรง แห่งวารี นับพันปี ที่กัดกร่อน
บันดาล ธารถาวร แอ่งซับซ้อน ชอนเรียงราย
น้ำใส ตะไคร่เขียว ทางคดเคี้ยว เลี้ยวผันผาย
เห็ดดื่น ยืนทักทาย เฟินมากมาย ใบขจี
กล้วยไม้ ไพรโศภิน โชยรวยริน อวดกลิ่นสี
โกสุม ภุมรี ผูกไมตรี ร่วมชีวา
ต้นน้ำ ฉ่ำยืนยง สืบดำรง คงคู่ป่า
อ้อมอก เหล่านกกา สัตว์พฤกษา นานาพันธ์ ทีลอซู อยู่อุ้มผาง สถิตร่าง กลางไพรสัณฑ์
เปรียบแม้น แดนเทวัญ สวนสวรรค์ อันรื่นรมย์
ธรรมชาติ ฉลาดสร้าง รู้จัดวาง อย่างเหมาะสม
สรรค์ไว้ ให้น่าชม แต่นานนม ปฐมกาล
ด้วยความ งามวิจิตร เหนือคาดคิด สันนิษฐาน
จึ่งใคร ได้พบพาน ล้วนเบิกบาน สำราญใจ
ลัดฟ้า มาเมืองตาก แล้วมิอยาก จากไปไหน ทีลอซู ภูวิไล ชวนหลงใหล ไม่อาจลืม
13 สิงหาคม 2554 11:59 น.
สุนทรวิทย์
แฟนฉันแสน สะสวย รวยกลิ่นเต่า
ชอบเดินเกา ขี้กลาก ถ่มขากถุย
ขนรักแร้ เป็นกระจุก ดำปุกปุย
พุงก็พลุ้ย นุ่มนิ่ม อิ่มไขมัน
ชันนะตุ กินหัว เหายั้วเยี้ย
ตัวต่ำเตี้ย แหง๋แก๋ แต่อวบอั๋น
ขี้ตาแฉะ เหม็นหึ่ง ถึงขี้ฟัน
แมลงวัน สิงสู่ อยู่รอบกาย
ซ้ำหน้าเหี่ยว ยู่ย่น ปนยู่ยี่
มองถ้วนถี่ ทีไร ใจคอหาย
แยกไม่ออก ควรเรียกย่า หรือว่ายาย
อยากบอกเลิก กลับเสียดาย สายสัมพันธ์
เธอเสมือน ริดสีดวง พวงน้อยน้อย
คอยติดสอย ห้อยตาม ง่ามก้นฉัน
จะไปไหน ใกล้ไกล ไปด้วยกัน
โดนเพื่อนหยัน เพื่อนติ ว่าพิเรนทร์
ไอ้พวกสา-ระแน ชอบแส่นัก
มิประจักษ์ รักแท้ แพ้ลูกเล่น
มุ่งจับผิด บิดเบือน เหมือนจองเวร
พบหน้าเป็น ขบขำ ทำล้อเลียน
แม้หล่อนไม่ พริ้มเพรา เท่านางฟ้า
แต่หน้าตา คงที่ มิมีเปลี่ยน
ใครมองแล้ว โอ้กอ้าก อยากอาเจียน
ฉันก็ไม่ สะอิดสะเอียน คิดเปลี่ยนใจ
13 สิงหาคม 2554 11:50 น.
สุนทรวิทย์
ฟ้าพราว ดาวผ่อง มองไม่เบื่อ
ลอยเรือ ฮัมเพลง เปล่งโวหาร
เสียงพาย สายลม ห่มสายธาร
สะท้าน บรรเลง ดุจเพลงยาว
กวี เข็ญใจ ไร้ชื่อเสียง
ลำเลียง คารม ชื่นชมหาว
ข้างขึ้น เฉิดฉัน จันทร์สกาว
เหน็บหนาว ผิวกาย ใจอิ่มเอม
ชาวเรือ ท่องน้ำ ช่ำชองถิ่น
หากิน สมถะ สุขเกษม
จับปลา หาหอย คอยและเล็ม
ปรีดิ์เปรม สำราญ ผ่านฤดู
มัจฉา กุ้งปู คือผู้เอื้อ
พลีเลือด พลีเนื้อ เพื่อข้าอยู่
ดังข้า อาบเหงื่อ เพื่อพธู
มิรู้ เหนื่อยอ่อน ร้อนลำเค็ญ
ลำนำ รำพัน อันอ้างว้าง
อยู่กลาง หว่างชล ไร้คนเห็น
เวหา วารี ที่ฉ่ำเย็น
จึ่งเป็น คู่หู ผู้รู้ใจ