12 ธันวาคม 2554 09:49 น.
สุนทรวิทย์
บอกว่ารัก ว่ารัก ซักอยู่ได้
ซ้ำซากไป รำคาญ พานหงุดหงิด
บอกว่ารัก ว่ารัก ยังจักคิด
วิปริต ตอแย แต่เรื่องรัก
บอกว่ารัก แล้วหนา อย่าพร่ำเพรื่อ
เลิกยืดเยื้อ โต้หลง จงประจักษ์
หยุดเซ้าซี้ กังวล คนจะพัก
ช่างถามทัก ขยัน หมั่นหยิบยก
ยากเข้าใจ ความคิด จริตหญิง
พูดความจริง กลับหา ว่าโกหก
ผิดหูหน่อย กลัดกลุ้ม ทุ่มด้วยครก
หวั่นวิตก ขุ่นเคือง เป็นเนืองนิตย์
บอกว่ารัก จำนวน มิถ้วนครั้ง
เธอก็ยัง ซักไซ้ หมายจับผิด
คุยกับใคร ให้เห็น เป็นออกฤทธิ์
ขาดพินิจ พิเคราะห์ ลามเสาะซัก
บอกว่ารัก รักรัก จนชักเบื่อ
เชื่อไม่เชื่อ ตามใจ ไม่หาญหัก
ขืนถามไถ่ ไม่จบ เดี๋ยวตบชัก
วุ่นวายนัก เดี๋ยวพี่ มีใหม่นะ
11 ธันวาคม 2554 13:19 น.
สุนทรวิทย์
คะค้อย สอยฝัน อันไกลลิบ
ฉวยหยิบ ฉวยโกย โดยหยาดเหงื่อ
ก่อร่าง สร้างเหย้า ผลิเถาเครือ
แตกเชื้อ เนื้อหน่อ ต่อวงศ์วาน
ประดิด-ประดอย ค่อยค่อยย่าง
กรุยทาง สางไว้ ให้ลูกหลาน
สุขใด ไม่ยุ่ง มุ่งแต่งาน
บันดาล สาน,กอบ เพื่อครอบครัว
แวดวง ธุรกิจ ขาดมิตรแท้
สุมแต่ ปัญหา น่าปวดหัว
ซึมซับ สับสน จนเคยตัว
เมีย,ผัว อ่อนใจ ไม่เว้นวัน
สี่สิบ กว่าปี ที่เหนื่อยล้า
ไขว่คว้า ไม่ถึง ซึ่งฝั่งฝัน
แค่พอ กินใช้ ใช่ครบครัน
กระนั้น ยังหวัง อยากมั่งมี
เก็บหอม รอมริบ สิบเป็นร้อย
กินน้อย ใช้น้อย คอยตระหนี่
ลูกหลาน มือเติบ เปิบของดี
ซื้อนี่ จ่ายนั่น เร็วทันใด
หมายมั่น บั้นปลาย ได้ผ่อนพัก
เมียรัก ออกปาก มิอยากใกล้
ต่างคน ต่างเมิน เกินปรับใจ
เยื่อใย พ่ายแพ้ แก่อารมณ์
หาเงิน งกงก อกเคร่งเครียด
กระเบียด-กระเสียร เพียรสะสม
วาระ สุดท้าย ใกล้สิ้นลม
นอนซม ไร้ผู้ ห่วงดูแล
11 ธันวาคม 2554 12:19 น.
สุนทรวิทย์
ฉันมีลูก ครึ่งโหล โตหมดแล้ว
หุ่นยังแจ๋ว ทุกส่วน ล้วนฟิตปั๋ง
เป็นแม่ม่าย ร้างคู่ อยู่ลำพัง
แอบมุ่งหวัง พบรัก อีกสักครา
สามีเก่า ห้าคน พ้นหน้าที่
ต่างคนมี หญิงใหม่ ไม่คืนหา
บุรุษใด เป็นโสด โปรดนำพา
พิจารณา ด้วยนะ อย่าละเลย
ด้านนิสัย ใจคอ ดีพอใช้
เป็นสาวใหญ่ โสภา งามผ่าเผย
เรื่องนัวเนีย เคลียคลอ พอคุ้นเคย
ใครอยากเชย เร็วนิด อย่าคิดนาน
รีบกรอกใบ สมัคร ห้ามยักย้าย
พร้อมรูปถ่าย ให้เห็น เป็นหลักฐาน
ขอรูปเปลือย ค่อนโป๊ โชว์อาการ
ด้วยโปรดปราน พิเศษ สาเหตุมี
เพื่อล่วงรู้ สรีระ พละถ้วน
ว่าสัดส่วน สง่า น่าจู๋จี๋
หรือคอตก นกตาย วายชีวี
ต้องถ้วนถี่ รอบคอบ ก่อนมอบกาย
10 ธันวาคม 2554 12:44 น.
สุนทรวิทย์
ธงไตรรงค์ โบกพลิ้ว ปลิวไสว
ประเทศไทย เอกราช ชาติผยอง
บรรพชน ก่อร่าง สร้างขวานทอง
โลหิตนอง เท่าไร ไม่เสียดาย
พลากร พร้อมพรัก ล้วนนักรบ
คอยสยบ ศัตรู ผู้กระหาย
ใครรุกราน หมายครอง ต้องมลาย
ยอมวางวาย พิทักษ์ รักษ์แผ่นดิน
เทิดบรม วงศ์กษัตริย์ ขัตติยะ
ศรัทธาพระ ศาสนา พาวศิน
คุณธรรม ลึกล้ำ นำชีวิน
หวงบุรินทร์ สยาม งามไฉไล
สายเลือดไทย เข้มข้น ไม่ย่นย่อ
กี่ปัญหา มิท้อ พอแก้ไข
รักสงบ ถนอม ออมน้ำใจ
ความเกริกไกร ศักดิ์ศรี มีครบครัน
ต่างโอบอ้อม จุนเจือ รู้เผื่อแผ่
จิตแน่วแน่ ร่วมแรง แข็งขยัน
เป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียว เกี่ยวผูกพัน
จึงสุขสันต์ ราบรื่น ยั่งยืนยง
ทัพบกมาด เหิมห้าว ราวสิงห์เสือ
ทหารเรือ เอกจิต เปี่ยมพิษสง
ทัพอากาศ อารักขา ฟ้ามั่นคง
แสนอาจอง ตำรวจไทย มีไมตรี
ทุกหมู่เหล่า เราพลี ดีพร้อมสรรพ
สมควรรับ ว่าเลิศ ประเสริฐศรี
ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ คำกล่าวมี
ภูมิใจที่ ร่มเย็น เกิดเป็นไทย
10 ธันวาคม 2554 12:10 น.
สุนทรวิทย์
โสมเจ้าเอ๋ย เคยแต้ม แอร่มสรวง
จรัสดวง ช่วงเพ็ญ เห็นผ่องใส
แล้วคืนนี้ จรบน อยู่หนใด
ทิ้งฉันไป หลบเร้น มิเห็นเงา
เมฆีครื้น คะนอง ก้องเวหน
ดวงกมล เลื่อนลอย หงอยอับเฉา
เสียงพระพาย ไห้หวน ครวญแผ่วเบา
เหงาแสนเหงา เปล่าเปลี่ยว อยู่เดียวดาย
จิตซึมเซา อ้างว้าง ยามร้างรัก
ทุกข์ทะลัก อัสสุชน หล่นเป็นสาย
ละอองฝน พ้นฟ้า มาประปราย
รักสลาย ปวดร้าว หนาวอุรา
เธอรู้ไหม ใครยัง หวังเคียงคู่
รอพธู เร่งตื่น คืนเคหา
อธิษฐาน วอนพระ ภาวนา
แม้เวลา ล่วงผ่าน ไปนานนม
มองเดือนดาว คราวใด ใจสะท้าน
นึกถึงกาล ก่อนครั้ง ยังสุขสม
ใต้แสงจันทร์ ขับซอ ล้อสายลม
เธอ,ฉันบ่ม รักแท้ มอบแก่กัน
ราตรีนี้ ไร้คน ปรนนิบัติ
ช้ำสาหัส อ่อนเปลี้ย ละเหี่ยขวัญ
ตัวคนเดียว เศร้าสร้อย คอยแสงจันทร์
แอบโศกศัลย์ งันเงียบ เย็นเยียบทรวง