30 พฤศจิกายน 2554 12:47 น.
สุนทรวิทย์
นัดน้องนาง ห้างเซ็นทรัล บนชั้นห้า
สิบโมงกว่า ด้านซ้าย บันไดเลื่อน
แสนยินดี ปรีดา มิช้าเชือน
คุยอวดเพื่อน เสียหน่อย ค่อยย้อนมา
ยืนรอเธอ แต่เช้า สายเข้าเที่ยง
หิวจนเดี้ยง ไร้เงาน้อง พี่มองหา
โทรเรียกซ้ำ หลายครั้ง ยังเฉยชา
เกิดสงกา ไหวหวั่น ขาดมั่นใจ
ติดธุระ อยู่ไหน ไม่เห็นบอก
หรือแสร้งหยอก เราเล่น เป็นไฉน
อาจหลงลืม วาจา ว่านัดใคร
สาเหตุใด สับสน หมดหนทาง
ถึงบ่ายโมง ชักฉุน เดินงุ่นง่าน
ยิ่งเนิ่นนาน บ่ายสองกว่า หูตาขวาง
เลยบ่ายสาม หงุดหงิด ครุ่นคิดพลาง
นี่คงนาง ตลบตะแลง กลั่นแกล้งกัน
เหมือนถูกย่ำ จมดิน หมิ่นศักดิ์ศรี
ต้องราวี คนกลิ้งกลอก ลวงหลอกฉัน
จะยุติ เยื่อใย ในสัมพันธ์
ขอสะบั้น ตัดญาติ ขาดมิตรเธอ
เตรียมกลับบ้าน ฉับพลัน หันไปเห็น
โอ้เนื้อเย็น มาแล้ว แจ๋วเสมอ
เชื่อรถติด พออภัย เพียงให้เจอ
ตามออเออ ทุกถ้อยคำ ทำคึกคัก
เก่งไม่จริง สิ้นท่า น่าหัวร่อ
พวกรูปหล่อ เจ้าชู้ ดูประจักษ์
อ้อนผู้หญิง เชี่ยวชาญ ชำนาญนัก
งานเบา,หนัก อื่นใด ล้วนไม่เป็น
30 พฤศจิกายน 2554 11:08 น.
สุนทรวิทย์
รัชนี นี้จันทร์ หม่นกลางฟ้า
โศกโศกา อันใด ไฉนหนอ
หรือดารา หนีหาย ไม่เคลียคลอ
เดือนจึงท้อ หดหู่ อยู่ดวงเดียว
ศศิธร ยังหงอย นึกสร้อยเศร้า
เหมือนตัวเรา เงียบเหงา แสนเปล่าเปลี่ยว
โสมอ่อนแรง แหว่งเว้า เหลือเท่าเคียว
นึกห่อเหี่ยว เกรงจันทร์ ทิ้งฉันไป
ตโมหร สลัว เพียงชั่วครั้ง
แล้วเปล่งปลั่ง จรส หวนสดใส
ส่วนฉันคง ขื่นขม ตรมฤทัย
ขาดคู่ใจ ว้าเหว่ ทนเอกา
อยากเห็น ดารกะ ปฏิพัทธ์
นิศารัตน์ สกาว พราวเวหา
ส่องเจิดจ้า เปล่งปลั่ง พรั่งนภา
ดลห้วงฟ้า งดงาม สมความคิด
หวังนงเยาว์ เคล้าคู่ อยู่เคียงข้าง
จะกอดนาง ชมโสม ประโลมจิต
อภิรมย์ สมสู่ คู่ชีวิต
ให้แขพิศ ริษยา ข้าทุกคืน
29 พฤศจิกายน 2554 11:01 น.
สุนทรวิทย์
เขาแบกอิฐ ปูน,ทราย ขายหยาดเหงื่อ
กรำงานเพื่อ ครอบครัว กลัวโหยหิว
ยังชีพด้วย ผัก,หญ้า ปลาสร้อย,ซิว
กายขี้ริ้ว ผิวกร้าน ผ่านประจัญ
วันนี้ป่วย เวียนหัว ตัวสั่นเทิ้ม
หาค่าเทอม ส่งลูก เกรงถูกหยัน
รวมตำรา เสร็จสรรพ อีกนับพัน
ต้องกัดฟัน สู้ไป ไม่รั้งรอ
ขอเบิกเงิน นายจ้าง ช่างลำบาก
ผลัดซ้ำซาก ประวิง เบื่อจริงหนอ
โดนกดขี่ เบียดบัง ทั้งด่าทอ
นึกแล้วท้อ อิดหนา ระอาใจ
พวกคดโกง ค่าแรง ปานแร้งทึ้ง
มิคำนึง ถึงหัวอก ใครหมกไหม้
ใจแคบเห็น แก่ตัว ชั่วจัญไร
เอาแต่ได้ เฟื่องฟู อยู่ฝ่ายเดียว
ชีวิต กรรมาชน จนต้อยต่ำ
ถูกเหยียบย่ำ อนาถ ขาดแลเหลียว
ใช้แรงงาน เช้า-เย็น ตัวเป็นเกลียว
ใจห่อเหี่ยว คับแค้น แสนตีบตัน
29 พฤศจิกายน 2554 10:53 น.
สุนทรวิทย์
พฤกษา สุมาลี
ทั้งกลิ่นสี มีเสน่ห์
จากดิน ถิ่นพื้นเพ
เกิดขึ้นเก๋ เท่ชวนชม
กุหลาบ ภาพย์สำรวย
ดอกสลวย สวยเหมาะสม
หนามแซม อันแหลมคม
หากแทงจม ระบมไป
รองเรือง จริงเฟื่องฟ้า
ดาษดา น่าหลงใหล
เลื้อยเลี้ยว เกี่ยวชอนไช
ชูยอดไต่ ไหวโอนเอน
โป๊ยเซียน ควรเรียนรู้
ว่าค้ำชู ผู้พบเห็น
แดดเผา เช้าตกเย็น
คงงามเด่น เช่นสมญา
มะลิ พราวพิศุทธ์
ขาวผ่องผุด เลิศบุปผา
หอมกว่า ไม้นานา
ล้ำเลอค่า สถาพร
มะลิซ้อน มะลิฉัตร
แจ่มจรัส ประภัสสร
มะลิลา ชวนอาทร
สุคนธ์จร มิหย่อนหยุด
มนุษย์ ดุจมาลี
ความโสภี มีสดุด
หัวใจ ใครวิมุติ
วิศรุต จึงสุดดี
29 พฤศจิกายน 2554 10:12 น.
สุนทรวิทย์
สนลู่ลม โอนเอน เป็นทิวโค้ง
ใจฉันโคลง โงนเงน เย็นวาบหวิว
สนไหวโบก โยกไกว ใบร่วงปลิว
ใจแล่นพลิ้ว ลิ่วลับ ไปกับลม
เสียงพระพาย ไห้โหย โชยเพลงโศก
ยามอับโชค โทมนัส พิบัติถม
ความอ้างว้าง ร้างเปลี่ยว เคี่ยวอารมณ์
เจ็บระทม จมปลัก ในรักลวง
เมฆกระหึ่ม ครึ้มฟ้า นภาหม่น
ดวงกมล โลดแล่น สู่แดนสรวง
ภาวนา น้อมนำ กล่าวบำบวง
ทุกข์ท้นทรวง จงคลาย มลายลง
หยาดฝนโปรย โรยร่วง จากห้วงหาว
หัวอกร้าว หนาวจิต พิศวง
รักสองเรา ไฉน ไม่ยืนยง
แม้บรรจง สมาน มานานวัน
กลางพิรุณ ฉันยืน สะอื้นอยู่
เสียงซู่ซู่ กระหน่ำ ทำลายขวัญ
รำพึงถึง มาณวิกา วิลาวัณย์
ตัดสัมพันธ์ ฉันแล้ว หรือแก้วตา