4 ตุลาคม 2554 16:14 น.

หายอยากพลันหายทุกข์

สุนทรวิทย์

คนไร้โรค  ไร้ภัย  ใจย่อมสุข
				หากยังทุกข์  นั่นเพราะ  ตัวเสาะหา
				ความอยากมี  อยากได้  ในอัตตา
				มิลดรา-วาศอก  เรื่องนอกกาย
					
           ทุกข์,สุขผลิ  จากใจ  ใช่สินทรัพย์
				ลองระงับ  แรงอยาก  อันมากหลาย
				พิษกลัดกลุ้ม  รุ่มร้อน  คงผ่อนคลาย
				โรคกระหาย  เนื้อแท้  เกิดแต่ตน
					
           มนุษย์มี  ปรารถนา  ชั่วอายุ
				ปล่อยวัตถุ  ครอบงำ  ทำสับสน
				จิตสำนึก  รังเกียจ  เหยียดความจน
				คอยแบ่งชน  แบ่งชั้น  กันอาจิณ
					
            ชาติหนึ่งอยู่  มินาน  ก็ผ่านพ้น
				ไยกังวล  หวั่นไหว  ไม่จบสิ้น
				แรกเกิดมา  เปลือยเปล่า  เท่ากรวดดิน
				แค่มีกิน  สักมื้อ  คือกำไร
					
            หมั่นชะล้าง  ความอยาก  แม้ยากยิ่ง
				ขจัดสิ่ง  อัปลักษณ์  ปวงหยักไย่
				รู้จักอิ่ม  รู้จักพอ  ก็สุขใจ
				อยากฉันใด  ทุกข์ฉันนั้น  นั่นแหละคน				
4 ตุลาคม 2554 16:01 น.

ตายตอนจบ

สุนทรวิทย์

แฟนว่าฉัน โป้ปด กล่าวมดเท็จ
		ตะโกนเอ็ด-ตะโร จับโกหก
		โกรธเฉียวฉุน  วุ่นวาย  อยู่หลายยก
		เฝ้าวิตก  กังวล  บ่นประชด

					     พร่ำเป็นตุ-เป็นตะ ซะลั่นบ้าน
				แต่หลักฐาน ใดใด ไม่ปรากฏ
				โทษฉันว่า ปัดสวะ ทรยศ
				ฉันจึงอด มิได้ ใคร่ชี้แจง

			      หญิงที่ฉัน บังเอิญ  เดินไปด้วย
		เธอชื่อหมวย แฟนเก่า ของเจ้าแหวง
		อีกคนที่ ทักฉัน นั่นน้องแดง
		เมียไอ้แสง ลูกตามี ที่เป็นครู

					      ทั้งสมศรี ลำดวน ล้วนเป็นเพื่อน
				น้องดวงเดือน  ก็แค่ แม่ค้าหมู
				ส่วนเบอร์โทร นี่ของใคร ฉันไม่รู้
				เลิกขี้ตู่  หาเรื่อง ให้เคืองกัน
	
			        ฉันซื่อตรง เสมอ เธอก็เห็น
		หยุดลำเค็ญ เข้มงวด ตามกวดขัน
		ฉันมิเคย เป็นอื่น พร้อมยืนยัน
		ขอจอมขวัญ มั่นใจ ได้ครันครบ

					     กว่าจะปลอบ กันได้ ใจแทบขาด
				ดันมาพลาด ง่ายง่าย ตายตอนจบ
				กิ๊กน่ะสิ โผล่หน้า มาขอพบ
				เลยโดนตบ เสียเช็ด เข็ดแล้วเรา				
3 ตุลาคม 2554 15:19 น.

อนารยะสมัย

สุนทรวิทย์

คนยุคนี้  ทำไม  จิตใจต่ำ
			        ชอบก่อกรรม  ทำเข็ญ  เห็นแก่ได้
			    มิเกรงกลัว  อานุภาพ  บาปเวรใด
			มุ่งฝักใฝ่  ในฐานะ  ประโยชน์ตน
									
               เขาซื้อขาย  ได้แม้  แต่ทารก
							 ในหัวอก-หัวใจ  ไร้กุศล
						อำมหิต  ผิดมนุษย์  สุดวิกล
				ชีวิตคน  กลับเห็น  เช่นผักปลา
		
	            	ไอ้พวกค้า  ยาเสพติด  จิตอุบาทว์
			        ทำลายชาติ  แทบล่ม-จมผวา
			    เยาวชน  หลงผิด  เพราะฤทธิ์ยา
			สังคมล้า  อ่อนแอ  แพ้พิษภัย
									
              มิจฉาชีพ  กำเริบ-เสิบสานหนัก
						  วนในปลัก  กิเลส  เปรตวิสัย
				 ทั้งปล้นชิง  เข่นฆ่า  ชีวาลัย
		ไม่ปรานี-ปราศรัย  ใจทมิฬ
	
          			การทำร้าย  เด็ก,สตรี  มีดาษดื่น
			        บ้างข่มขืน  ป่าเถื่อน  เหมือนยุคหิน
			    คุณความดี  ด้อยค่า  กว่ากรวด,ดิน
			ดูดั่งสิ้น  อารยะ  แห่งพระธรรม
									
             หรือว่ายุค  อนารยะ  จะมาถึง
						   ใจคนจึง  หยาบช้า  บ้าระห่ำ
			    คนดีถูก  ข่มเหง  ทุกข์เครงครำ
			ใครเหยียบย่ำ  อย่างไร  ได้แต่ทน
		
            		กราบวิงวอน  พระสยาม-เทวาธิราช
			        โปรดบำราศ  ผองภัย  ให้เห็นผล
			    ช่วยกำราบ  ปราบต้นตอ  ทรชน
			พาไทยพ้น  วิกฤต  สัมฤทธิ์เทอญ				
3 ตุลาคม 2554 14:40 น.

สัญญาลวง (กลอน+กาพย์)

สุนทรวิทย์


      อโณทัย  รอนรอน  ตอนย่ำรุ่ง
			ปุยเมฆฟุ้ง  คล้อยคล้อย  ลอยพลิ้วไหว
			แดดอ่อนอ่อน  เรื่อเรือง  เหลืองรำไร
			ฟ้าวันใหม่  ไอน้ำค้าง  เหลือจางจาง

				  อยู่กลางไพร  เช้าเช้า  เฝ้าชมนก
			เสียงน้ำตก  ซ่าซ่า  มิซาสร่าง
			ลมเย็นเย็น  ระหอบ  รอบทิศทาง
			นึกหนาวหนาว  อ้างว้าง  ขาดสาวเคียง

			   	ตัวคนเดียว  เดี่ยวเดี่ยว  ยืนเปลี่ยวเปล่า
			เดินเหงาเหงา  ออดออด  ระทอดเสียง
			ก้าวท่อมท่อม  สอดส่อง  หันมองเมียง
			ก่อนไล่เลียง  ซ้ำซ้ำ  ย้ำถามตน

				   เชื่อลมลม  จมปลัก  ในรักคุด
			ถอนไม่หลุด  งมงาย  หลายหลายหน
			ยอมเจ็บเจ็บ  แปลบแปลบ  แอบกังวล
			มารับผล  นานา  หาอันใด

			    	สัมพันธ์  ใดใด  ไม่เหลือแล้ว
			จักแน่แน่ว  ทื่อทื่อ  ซื่อถึงไหน
			สัญญาข้าง-ข้างคูคู  รู้แก่ใจ
			ไยฝักใฝ่  จ่อมจ่อม  ยอมทนรอ
						

       อโณทัย  ในยามสาง
			คัคนางค์  กระจ่างใส
			แดดอ่อน  รอนรำไร
			ไอน้ำค้าง  เริ่มบางเบา
			
				อยู่ไพร  ได้ชมนก
			ไม้ดื่นดก  ปกขุนเขา
			น้ำฉ่ำ  ชื่นลำเนา
			ฉันเดินเหงา  เศร้าสร้อยใจ

				ผู้เดียว  ออกเที่ยวท่อง
			จิตหม่นหมอง  แม้มองไหน
			ระกำ  ช้ำทรวงใน
			ไร้ผู้ใด  อยู่ใกล้เคียง
		
				อกหัก  รักถูกพราก
			สุดต่อปาก  ยากทุ่มเถียง
			ทบทวน  หวนไล่เลียง
			คำเราเยี่ยง  เสียงนกกา
				
				พูดไป  ก็ไร้ผล
			ยิ่งอับจน  ท้นปัญหา
			เขานั้น  ลืมสัญญา
			จึงหนีหน้า  ลาจากไป

				เจ็บปวด  แสนรวดร้าว
			หลบเรื่องราว  ข่าวเฉไฉ
			ซุกป่า  พนาไพร
			มิอยากให้  ใครพบพาน
				
3 ตุลาคม 2554 12:44 น.

อกหักครับอกหัก

สุนทรวิทย์

อกหักครับ  อกหัก  เจ็บหนักด้วย
			โดนสาวสวย  ปั้นปึ่ง  ฉันจึงหม่น
			นั่งวิตก-จริต  คิดกังวล
			เธอเลิกสน  เราแล้ว  แห้วตามเคย

				     สื่อสารไป  หลายครั้ง  นั่งรอข่าว
			แต่น้องสาว  ใจดำ  ทำนิ่งเฉย
			เขาคงมี  คนใกล้  ไว้ชิดเชย
			คนไกลเลย  หมดสิทธิ์  คิดพันพัว
		
				     กามเทพ  อยู่ไหน  ไอ้ตัวแสบ
			ฉันเจ็บแปลบ  แทบคลั่ง  ยังหายหัว
			ยิงศรสิ  เป้าหมาย  ให้ตรงตัว
			ให้เธอมัว-เมาฉัน  พลันงงงวย

				     กามเทพ  ศรหัก  ไม่ศักดิ์สิทธิ์
			เงียบสนิท  ดูดาย  ไม่คิดช่วย
			ทำขี้เกียจ  เส็งเคร็ง  เด็กเฮงซวย
			ไอ้หัวกรวย  ไม่ง้อ  ก็ได้วะ

				     ใบบัวบก  มีขาย  ที่ไหนบ้าง
			ขอดื่มล้าง  ช้ำใน  ไล่โทสะ
			ก่อนตั้งต้น  หนใหม่  ไม่ลดละ
			แล้วมานะ  สะสาง  เรื่องค้างคา

				     จะกลับไป  งอนง้อ  ขอโอกาส
			สิ่งใดพลาด  ไปหรือ  อย่าถือสา
			หากรู้แน่  ยุพิน  สิ้นนำพา
			จักขอลา  ไปหาใหม่  ทันใดครับ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุนทรวิทย์