18 ตุลาคม 2554 11:16 น.
สุนทรวิทย์
ใดใด ในโลกนี้
แผกวิถี มีเปลี่ยนแปลง
อัศจรรย์ ผันพลิกแพลง
ชวนคลางแคลง แฝงแปลกใจ
บางคราว หนาวแทบมรณ์
แต่บางตอน ร้อนหมกไหม้
ฟ้าโล่ง โปร่งอำไพ
อาจครึ้มได้ ในบัดดล
สายชล ท่วมท้นแอ่ง
กลับเหือดแห้ง ยามแล้งยล
หลายหลาก ผู้ยากจน
เคยรวยล้น ผลอนันต์
วันนี้ มั่งมีทรัพย์
พรุ่งนี้ดับ นับครามครัน
คู่แอบ แนบชิดกัน
เดี๋ยวแยกพลัน หันคลาไคล
อนิจจัง ปวงสังขาร
มิทนทาน นานเท่าใด
เกิด,ดับ สลับไป
เสื่อมสลาย วายตามกาล
จิตคน พ้นกำหนด
แสนเลี้ยวลด คดเกินการ
เยื้องยัก สุดจักรวาล
ยากประมาณ ทะยานไกล
ผิวกาย ใช่บ่งบอก
งามภายนอก หลอกข้างใน
รูปลักษณ์ พักตร์วิไล
ไม่พอใช้ หยั่งใจคน
เลิกพะวง หลงวัตถุ
ก้าวบรรลุ สุวิมล
ทำดี สิคงทน
เป็นกุศล ผลยั่งยืน
18 ตุลาคม 2554 10:44 น.
สุนทรวิทย์
เขาว่าผม สามสลึง ไม่ถึงบาท
มิสามารถ หาญเปรียบ เทียบใครได้
คนมีปาก อยากพูด ก็พูดไป
เขาใส่ไคล้ เกินเหตุ ผิดเท็จจริง
ความจริงผม เต็มบาท ขาดนิดนิด
มีความคิด แคล่วคล่อง ต้องใจหญิง
ถึงหน้าตา ดูแก่ แต่ยังซิง
อาจตุ้งติ้ง ไปบ้าง เป็นบางครั้ง
เรื่องเจ้าชู้ ไก่แจ้ แก้หายแล้ว
เรื่องชอบแซว สตรี ยังมีหวัง
รักษาได้ ไม่ยาก หากจริงจัง
ส่วนสตังค์ เงินฝาก มีมากมาย
ด้านนิสัย ใจคอ ก็ดีหมด
มิโป้ปด ทำให้ ใครเสียหาย
แต่ตอนนี้ หดหู่ อยู่เดียวดาย
ขาดคู่หมาย รักชอบ ปลอบประโลม
ผมตั้งหน้า ตั้งตา หามิตรแท้
จะสาวแก่ แม่ม่าย ใคร่ยลโฉม
ที่กล่าวมา มิได้ หมายประโคม
เพียงเหนี่ยวโน้ม อ่อยเหยื่อ เผื่อโชคดี
18 ตุลาคม 2554 09:43 น.
สุนทรวิทย์
แสงแวววาว ดาวเดือน สาดเกลื่อนกลาด
กลาดเกลื่อนสาด เดือนดาว วาวแววแสง
ลมแผ่วพลัน สรรแสร้ง แกล้งอ่อนแรง
แรงอ่อนแกล้ง แสร้งสรร พลันแผ่วลม
ขมขื่นเปลี่ยว เดียวดาย ใจหม่นไหม้
ไหม้หม่นใจ ดายเดียว เปลี่ยวขื่นขม
ไกลคนรัก หักห้าม ข่มซานซม
ซมซานข่ม ห้ามหัก รักคนไกล
ใคร่ครวญคร่ำ ร่ำร้อง ตรองสอดส่อง
ส่องสอดตรอง ร้องร่ำ คร่ำครวญใคร่
คนผันแปร เปลี่ยนไป ไร้ซึ่งใย
ใยซึ่งไร้ ไปเปลี่ยน แปรผันคน
สนอยู่ไย ใจนาง ช่างเหินห่าง
ห่างเหินช่าง นางใจ ไยอยู่สน
รักผลักไส ให้ตน ดลดาลตน
ตนดาลดล ตนให้ ไสผลักรัก
17 ตุลาคม 2554 15:07 น.
สุนทรวิทย์
เผลอสบตา คราเดียว เยี่ยวเกือบเล็ด
ละม้ายเปรต จริงหนอ พ่อคุณเอ๋ย
หัวจดเท้า บัดซบ ครบถ้วนเลย
ลูกใครเหวย ช่างอุบาทว์ ประหลาดตา
ยินเขาทัก เสียงแหบ ฉันแทบช็อก
ถูกผีหลอก สิบครั้ง ยังดีกว่า
คงต้องอาบ น้ำมนต์ บนเทวา
เกิดชาติหน้า ฉันใด อย่าได้เจอ
เดินเกาก้น ล้วงแคะ แสยะยิ้ม
ทำกรุ้มกริ่ม ตาโศก คล้ายโรคเอ๋อ
สารรูป หงำเหงอะ กระเซอะกระเซอ
เดี๋ยวก็เรอ เดี๋ยวก็ตด เหมือนอดยา
มาตามตื๊อ ยื้อฉัน จนขวัญฝ่อ
จะด่าพ่อ-ล่อแม่ แฉวงศา
ยังระรื่น ยียวน กวนบาทา
ซ้ำคุยว่า ฉันเป็นหมู อยู่ในอวย
ร่างปานแย้ ก้ำกึ่ง ครึ่งตะกวด
ทะลึ่งอวด-ดีมา จีบอาหมวย
ไปรีบไป ไกลไกล ไอ้หัวกรวย
รอแจกกล้วย หรือไร ฉันไม่มี
17 ตุลาคม 2554 12:54 น.
สุนทรวิทย์
บุปผา ดารดาษ
กิมิชาติ ปราดเข้าหา
แทะดึง ทึ้งผกา
บุษบา ก็ราโรย
หญิงใด ใจโอนเอน
บุรุษเห็น เป็นหิวโหย
กระหาย หมายกอบโกย
โดยตัณหา อันสามานย์
สตรี ผู้ดีแท้
นั้นมิแพ้ แก่คำหวาน
วาจา คำสาบาน
อาจฟุ้งซ่าน พ่านคำนึง
เตือนตน ห่างคนชั่ว
ระวังตัว ให้ทั่วถึง
รู้ผ่อน รู้หย่อนตึง
รู้ก้นบึ้ง ซึ่งร้ายดี
สิ่งหนึ่ง พึงตระหนัก
ควรพิทักษ์ เกียรติศักดิ์ศรี
รักษา พรหมจารี
อย่าให้มี ราคีคาว
การใด มิใหญ่หลวง
เท่าแหนหวง ห่วงความสาว
มองใคร มองให้ยาว
เมื่อถึงคราว มิร้าวราน
ป้องปราม ความบกพร่อง
พินิศตรอง มองแก่นสาร
ยากใด ไม่เท่าการ-
อ่านน้ำใจ ในมนุษย์
หดหู่ คือผู้ชาย
ที่รูปกาย คล้ายบุรุษ
แต่งไป กลายเป็นตุ๊ด
นกเขากุด สุดระทม